อีกหนึ่งการคำนวณที่อาจใช้เป็นหลักฐานใหม่ได้ แม้ไม่เร็ว 177 กม./ชม. แต่ยืนยันเร็วถึง 147-160 กม./ชม. นักวิชาการอิสระเผยข้อมูลภาพวงจรปิดเร็วกว่าของจริง แต่ไม่ได้ทำให้ความเร็วเฟอร์รารี่ลดเหลือต่ำกว่า 80
วันที่ 4 ส.ค. 2563 นายลอย ชุนพงษ์ทอง วิศวกรและประธานกรรมการตรวจสอบผลงานวิจัยที่จะตีพิมพ์ใน วารสารของประเทศแคนาดา ให้สัมภาษณ์ workpointTODAY ถึงกรณีการทำคลิปการคำนวณความเร็วรถเฟอร์รารี่ของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา ว่า ก่อนหน้านี้ตนโหลดคลิปภาพวงจรปิดจากสื่อออนไลน์และคำนวณความเร็วได้ 177 กม./ชม. แต่หลังจากนั้นได้รับข้อมูลจาก พ.ต.ต.ชวลิต เลาหะอุดมพันธ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ซึ่งเคยเป็นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานในคดีนี้ ให้ข้อมูลเรื่องจำนวนภาพต่อวินาทีใหม่ จึงมาตรวจสอบพบว่า วินาทีที่ปรากฏในคลิปเร็วกว่าความเร็วนาฬิกา 20% ส่งผลต่อการนับจำนวนเฟรมภาพต่อวินาทีจากเดิม 30 เฟรม/วินาที เป็น 25 เฟรม/วินาที
เมื่อมาคำนวณตามข้อมูลใหม่จะทำให้ความเร็วลดลงจาก 177 กม./ชม. มาอยู่ที่ 147 กม./ชม. ซึ่ง กรณีของ ดร. สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ประจำภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ใช้ภาพความเร็วเท่ากับตนจึงคำนวณได้ 177 กม./ชม.
นอกจากนั้นตนได้คำนวณกรณี Motion Blur Effect คือ เวลาที่วัตถุเคลื่อนที่เร็วๆ หน้ากล้องจะเห็นขนาดของวัตถุยาวกว่าปกตินิดนึง เมื่อคำนวณด้วยเงื่อนไขนี้แล้วแล้วอย่างมากอยู่ที่ 10% เพราะฉะนั้นอัตราเร็วที่คำนวณได้ จะขึ้นไปถึง 160 กม./ชม. ดังนั้น ช่วงความเร็วที่คำนวณได้จะอยู่ที่ 147-160 กม./ชม.
สรุปได้ว่า วินาทีที่ปรากฏในวีดิโอเร็วกว่านาฬิกาบนข้อมือ 20% นำไปสู่การคำนวณคลาดเคลื่อน แต่ไม่ได้เปลี่ยนจากความเร็ว 177 กม./ชม. มาเป็น 80 กม./ ชม. แต่จะอยู่ที่ 147 กม./ชม.
ส่วนรถคันอื่นๆ ที่อยู่ในกล้องวงจรปิดวิ่งด้วยความเร็วประมาณ 75-85 กม./ ชม. เท่านั้น มีเพียงเฟอร์รารี่วิ่งเร็วโดดเด่นขึ้นมา เร็วมากกว่า 2 เท่าของบางคัน
นายลอย กล่าวด้วยว่า สำหรับการพิสูจน์ให้เห็นชัดเจนสามารถใช้วิธีไปยังสถานที่จริง แล้วตั้งกล้องดูแต่ละเฟรมว่ารถอยู่ตำแหน่งใด เมื่อรู้แล้วก็ปักหมุดและวัดระยะทาง ซึ่งนอกจากจะรู้ความเร็วรถอาจจะทำให้รู้อัตราเร่งของรถด้วยจากการดูทุกเฟรม ทั้งนี้หากกล้องวงจรปิดไม่ได้อยู่ที่เดิม ก็สามารถจะถ่ายภาพใหม่โดยกำหนดให้เท่ากับมุมกล้องเดิมได้
ส่วนสูตรการคำนวณของอาจารย์ท่านหนึ่งที่ใช้เส้นทแยงมุมของรถ ตนยืนยันว่าไม่ถูกต้อง รถต้องวิ่งเอาทะเบียนหลังไปหาทะเบียนหน้า ไม่ได้วิ่งโดยเอาไฟท้ายด้านซ้ายไปหาไฟหน้าด้านขวา