ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
ราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาแตะระดับสูงสุดใหม่ที่ $2,072.50 และเป็นสัปดาห์ที่ราคาทองคำยืนได้เหนือ $2,000 ครั้งแรกก่อนปรับตัวลงเล็กน้อยในวันนี้ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นจากตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด 1.76 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค.
Frank Holmes CEO U.S. Global Investors ระบุว่ามีโอกาสที่จะได้เห็นราคาทองคำแตะ $4,000 ในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ก็ต้องจับตา 2 ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อทิศทางราคาโลหะมีค่าคือพัฒนาการของวัคซีน และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. นี้
เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้บริหารบริษัทด้านการลงทุนรายนี้มั่นใจว่าราคาทองคำจะทะยานต่อก็คือ เงินจำนวนหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (trillion) ที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง COVID-19 อย่างพร้อมเพรียงของบรรดารัฐมนตรีคลังและธนาคารกลางของประเทศ G-20 “หากดอกเบี้ยแตะ 0 เมื่อไหร่ “ทองคำ” จะเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจอย่างมาก” เมื่อผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง ราคาทองคำจะเพิ่มสูงขึ้น (When real yields go down, gold prices will go up)
เช่นเดียวกับ Yung-yu Ma หัวหน้ากลยุทธ์ BMO Wealth Management ที่มองว่ามีหลายปัจจัยที่สนับสนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำ แต่มี 2 ปัจจัยที่อาจทำให้ราคาทองคำเปลี่ยนทิศคือพัฒนาการของวัคซีน และการเลือกตั้งสหรัฐ
ขณะที่ Third Bridge Group บริษัทวิจัยใน New York ประเมินว่าราคาทองคำมีโอกาสร่วงแตะ $1,600 หลังเลือกตั้งสหรัฐ ก่อนปรับขึ้นอีกครั้งในปีหน้า โดย Refinitiv ผู้ให้บริการข้อมูลด้านการเงินชี้ว่าการนับถอยหลังสู่เลือกตั้งสหรัฐที่เหลือเพียงไม่ถึง 100 วัน ซึ่งทรัมป์พยายามใช้เหตุผลสนับสนุนการเลื่อนเลือกตั้ง หลังผลสำรวจพบว่าคู่แข่งมีคะแนนเหนือทรัมป์กว่า 10% อาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้น และส่งผลต่อราคาทองคำ โดยการเลือกตั้งครั้งก่อนทรัมป์เซอร์ไพร์สตลาดชนะฮิลลารี คลินตัน ดันทองพุ่ง 5%
ถอดความและสรุปข่าวโดย: Wealth Me Up
ที่มาข้อมูล:
– https://www.cnbc.com/2020/08/10/gold-prices-amid-coronavirus-pandemic-and-us-elections.html
– https://www.cnbc.com/2020/08/10/gold-markets-us-china-tensions-in-focus.html?__source=iosappshare%7Cjp.naver.line.Share
