โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โพยหุ้น คัด 8 หุ้นเด่นปี 2022 กับเหตุผล...ที่ควรสะสมเข้าพอร์ต

Wealthy Thai

อัพเดต 09 ส.ค. 2566 เวลา 07.46 น. • เผยแพร่ 28 ธ.ค. 2564 เวลา 08.27 น. • This’s Alano

เริ่มต้นกันด้วยปีใหม่ 2022 เราได้แต่หวังว่าจะเป็นปีที่ดีของเพื่อนๆทุกคน ดังนั้นในแวดวงตลาดหุ้นวันนี้ Wealthy Thaiได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากนักลงทุนอีกเช่นเคย เพื่อเป็นแนวทางของการลงทุนในปี 2022 ซึ่งจะมีความน่าสนใจ และหุ้นเด่นอะไรบ้าง อ่านได้ผ่านบทความนี้
สะท้อนจากมุมมองของนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ที่ออกมาระบุว่า Theme: Metaverse Economy, EVs-Green Energy, M&A, Reopening, Inflation hedging, ESGโดยปัจจัยกำหนดทิศทางการลงทุนปี 2022 ได้แก่
1) วงจรนโยบายการเงินโลกตึงตัว นำโดย Fed ซึ่ง Nomura คาด เดือน ธ.ค.21 Fed จะประกาศเร่ง QE Tapering เป็นเท่าตัวสู่ 3หมื่นล้านเหรียญฯ/เดือน ก่อนปรับขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้งในปี 2022 โดยเริ่มตั้งแต่ มีค 2022 กดดันสภาพคล่องในระบบลดลง
2) อัตราเงินเฟ้อของตลาดเกิดใหม่จะลดลงหลังในไตรมาส 1 หรือไม่ หลังพบสัญญาณ Demand ที่แข็งแกร่งในกลุ่ม DM (Demand Pull) ทำให้คาดการณ์เงินเฟ้อของ Nomura และ Consensus มี Upside risk ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนต่อนโยบายการเงินโลกอาจตึงตัวมากขึ้น
3) การระบาด Covid-19 สายพันธุ์ Omicron รวมถึงสัดส่วนประชากรที่ด้รับวัคซีนครบ 2โดส ซึ่งจะส่งผลถึงมาตรการควบคุมของภาครัฐฯ และ Supply Chain ในช่วงถัดไป
และ 4) การชะลอตัวของเศรษฐจีน ที่จะส่งผลกระทบมายังการส่งออกของเอเชีย ภาพการลงทุน เราประเมินว่า ตลาดหุ้นเอเชียจะเป็นหลุมหลบภัยจากความผันผวนภายนอก โดยประเมินช่วง ไตรมาส 1/65 จะเป็นจังหวะเข้าซื้อที่ดี จากการปรับ Position ล่วงหน้าของนักลงทุน 6-9 เดือนก่อน Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก
ทั้งนี้มองหุ้นเอเชียมีปัจจัยหนุนจาก 1) เงินเฟ้อเอเชียจะขยับขึ้นแบบ U-Shape ต่างจาก DM ที่เร่งขึ้น V-Shape ทำให้แรงกดดันต่อ Valuation ของหุ้นเอเชียจำกัดกว่า 2) เศรษฐกิจจีนจะเจอจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 1/65 ผสานทางการจีนอาจออกมาตรการผ่อนคลายเพื่อพยุงเศรษฐกิจ หนุน Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้นจีนและเอเชียเป็นบวก
3) Position ต่างชาติยังต่ำ โดยกองทุนสหรัฐฯยังกระจายการลงทุนมายังหุ้น EM เพียง 4.2% ต่ำกว่าระดับ Pre-Covid และจุดสูงสุดในปี 2013 ที่ 4.5% และ 6.3% ตามลำดับ
ด้านปัจจัยในประเทศ พบว่าภาพการท่องเที่ยวซึ่งเป็น Key Growth สำคัญยังฟื้นตัวช้า โดยยอดนักท่องเที่ยวรวมตั้งแต่ 1-29พ.ย.21 มีเพียง 1.28แสนราย ต่ำกว่าเป้าหมายของทางการที่ 3 แสนราย/เดือน ขณะที่มาตรการ ZCS ของจีน ที่ Nomura คาดจีนจะใช้ถึงพ.ย.22 หลังจบการประชุมใหญ่ครั้งที่ 20 จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาเร่งขึ้นตอนปลายปี 2022 มากกว่า
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจไทยยังมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการบริโภคฟื้นตัว ตอบรับผลบวกจากการเร่งฉีดวัคซีน โดยNomura ประเมินสัดส่วนประชากรไทยที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสจะเร่งสู่ 80% ใน ม.ค.22 (จาก 57.6% ณ.พ.ย.21)
ดังนั้น ภาพตลาดหุ้นไทยในปี 2022 จะผันผวนช่วงต้นจากความเสี่ยงภายนอกถ่วง ก่อนฟื้นตัวรับแสงสว่างการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยช่วงปลายปี ดังนั้น SET ในไตรมาสที่ 1เป็นภาพ Swing Trade กรอบการแกว่งตัว 1650/1680จุด-1530/1500จุด เน้นตั้งรับ/สะสมหุ้นช่วงตลาดผันผวน
โดยวางดัชนีเป้าหมายปี 2022F ที่ 1750จุด(อิง ERP 3.4%) กลยุทธ์แนะนำวางพอร์ตแบบ Balance ผสมผสาน เน้น Theme การลงทุนระยะยาวที่เป็นกระแสเด่นในเอเชีย ผสานกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น หุ้นเด่นปี 2022 แนะนำ ADVANC AMATA GPSC KBANK KCE MAKRO SCB TIDLOR

Investment Theme

1) Metaverse Economy : ธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากกระแส Metaverse กระแส Digital Tranformation และการพัฒนาของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในระบบนิเวศของ Metaverse เน้นผู้ให้บริการโครงข่ายการสื่อสาร ที่พ้นจุดลงทุนหนักๆ ไปแล้ว (ADVANC) จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ตั้งแต่ช่วงเริ่มของกระแส Metaverse
2) Evs-Green Energy : หุ้นที่รับประโยชน์และเติบโตตามระบบนิเวศของห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ขยายตัวแบบเร่งตัว (KCE, GPSC)
3) ESG : บริษัทที่มีแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน(ตระหนักถึงคุณค่า สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) มีค่า ESG ที่สูง และกระแสการลงทุน ESG ในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุนสถาบันทั่วโลก (ADVANC)
4) M&A : แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเกิด Synergy ของการปรับโครงสร้างกิจการ นอกจากนี้ระยะกลางยาวยังมีโอกาสเข้าดัชนีหลัก MSCI, SET50, FTSE บนเงื่อนไขที่มีการเพิ่ม Free float ของหุ้นมากกว่า 20% ภายใน พค 2022 (MAKRO)
5) Reopening: แผนการเปิดประเทศหนุนนักลงทุนต่างชาติกลับมาสร้างฐานการผลิต หนุนเศรษฐกิจ และรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง (AMATA, TIDLOR)
6) Inflation Hedging : หุ้นที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อเร่งตัว และได้อานิสงค์บวกจากวงจรดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น (KBANK, SCB)
7) Mid/small Cap Play แนะนำ PLANB GFPT KSL JMT SINGER SAPPE BLA BBIK/BE8 เป็นกลุ่มหุ้นเด่น ที่กระจายอยู่ใน Theme การลงทุนหลักข้างต้น
ส่วนการลงทุนต่างประเทศปี 2022 มองเอเชียเด่น เน้นตลาดหุ้นจีน เกาหลี และอินโดนีเซีย แนะนำกองทุน TMBCOF,SCBKEQTG, KT-ASEAN ประเมินช่วง 1Q22 คือ จังหวะซื้อสะสม เพื่อเป้าปลายปีเช่นกัน

เจาะหุ้นเด่นปี 2022

ADVANC (Tactical ราคาเป้าหมาย 250-280 บาท) ยังเป็นผู้นำในกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตตามกระแสการใช้ Data ที่ เพิ่มขึ้นในยุค 5G โอกาสเพิ่ม Market share และ ARPU รวมถึง รายได้เสริมจากบริการใหม่ๆเพิ่มความสามารถแข่งขัน (Disney Hotstar), ธุรกิจบรอดแบรนด์ และการจับกลุ่มลูกค้าองค์กร และมี New S Curve จาก 5G, Fibre, Enterprise and digital service
มองกำไร 64 ที่ 2.62 หมื่นล้านบาท ลดลง 4%จากปีก่อน ยังมี Upside เล็กน้อย และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตได้ 6% ในปี 65 โดย ADVANC ยังอยู่ในจุดที่ความสามารถแข่งขันสูง+ฐานะการเงิน แกร่ง Valuation อยู่ระดับ Safe zone และมี Div. yield 3-4%/ปี
AMATA (BUY ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 25 บาท) นโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติ, ความขัดแข้งสหรัฐ-จีน รวมถึง โควิดที่คลี่คลาย จะเพิ่มโอกาสต่อการขายที่ดีในช่วงถัดไป คาดกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากไตรมาสก่อน จากกำหนดโอนที่ดินสูง 300-400 ไร่ และคาดกำไรปี 65 จะฟื้นตัว 34% จากยอดขายที่ดินเริ่มกลับ สู่ปกติ รวมถึง ผลสำเร็จการเปิดนิคมใหม่ในเวียดนาม เป็นอีกหุ้น น่าสนใจธีมเปิดเมือง
GPSC (แนะนำ BUY ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 96.50 บาท) เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าในกลุ่ม ปตท. ที่เข้ากับ Theme การลงทุน ทั้ง Green energy, EV battery, ESG จากแผนการเพิ่มกำลังการ ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 30% ใน 5 ปี ธุรกิจแบตเตอรีเทคโนโลยี semi-solid โครงการนำร่องปัจจุบัน ก าลังการผลิต 30 MWh และเฟสถัดไปเตรียมขยายเป็น 1 GWh ซึ่งคาดจะเป็น new S-curveของบริษัท เป้ารายได้เพิ่มเป็น 6.5% ใน 2030 โดยคาดกำไร 64-66 โตเฉลี่ย 20% CAGR
KBANK (BUY ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 175 บาท) เป็นผู้นำกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวเข้ากับกระแส Digital ได้ดี และมี โอกาสปลดล็อคมูลค่าธุรกิจ ผ่านการปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มความยืดหยุ่นและรับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ โดยเฉพาะด้าน เทคโนโลยี
คาดกำไรไตรมาส 4/64 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีกอ่น จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น แต่ภาพรวมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ดีต่อฐานลูกค้า SMEs และรายย่อย หนุนสินเชื่อปี 65 ขยายตัว และการตั้งำรองและ NPL ลดลง ยังเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี บนแนวโน้มดอกเบี้ยถึงจุดต่ำสุดแล้ว โดยหุ้นมีโอกาสกลับมาซื้อขาย Premium หากมีความคืบหน้าการเพิ่มมูลค่าธุรกิจได้ (ปรับ โครงสร้าง, JV, Spin off ฯลฯ
KCE (Trading Buy ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 97 บาท) เป็นอีกหุ้นที่รับประโยชน์ทั้งจากอุตสาหกรรม EV car ในยุโรป ซึ่ง รัฐผลักดันเต็มที่ และกลุ่ม Smart devices ที่ยังเห็นการเติบโตแรง คาดกำไรปี 64 สูง 2.4 พันล้านบาท โต 114%จากปีก่อน จากยอดขายที่โตแรง 26% และอัตรากำไรเพิ่ม จากบริษัทฯสามารถปรับราคาขึ้น 5% ลดผลกระทบต้นทุนทองแดง และตามอัตรากระผลิตที่เพิ่มขึ้น รับประโยชน์เงินบาทอ่อนค่า โดยคาดด้านมาจิ้นยังเป็นขาขึ้นจาก อุตสาหกรรมรถ EV ที่ยังโตได้ดีอีกหลายปีแนะนำ Trading รับ ภาพ bullish ของกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์
MAKRO (BUY ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 50 บาท) หลังควบรวมกับโลตัส จะทำให้ MAKRO เป็นผู้นำทั้งกิจการค้า ปลีกและค้าส่งเบอร์ต้นในอาเซียน ผสานแรงผลักดันในเครือซีพี โดยรวมจะมีอำนาจต่อรองที่แข็งแรงมาก พร้อมกับการเติบโตทั้ง ในไทย และต่างประเทศ
ประเมินกำไรไตรมาส 4/64 ฟื้นต่อจากไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล และกำไรปี 65 จะโดดเด่นมากที่ 1.28 หมื่นล้านบาท เติบโต 99%จากปีก่อนหน้า จากการรวมโลตัส และการเติบโตของธุรกิจ MAKRO เอง มองเป็นหุ้นลงทุนระยะกลางยาวที่ดี ซึ่งราคายังได้เปรียบด้าน ต้นทุน จากใกล้ราคาเพิ่มทุน 43.5 บาท และระยะกลางยาวยังมี โอกาสเข้าดัชนีหลัก MSCI, SET50, FTSE บนเงื่อนไขที่มีการเพิ่ม Free float ของหุ้น
SCB (BUY ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 150 บาท) เป้าหมายระยะกลางยาวมุ่งสู่ Fin Tech Company สลัดภาพ ธุรกิจธนาคารเดิม โดยจะปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มความยืดหยุ่น และเพิ่มมูลค่า รวมถึงหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ บนเป้าหมาย Market cap 1 ล้านล้านบาท vs ปัจจุบัน 4.3แสนล้านบาท
หลังแผนปรับโครงสร้าง เริ่มเห็นความชัดเจนในหลายธุรกิจ ทั้ง การร่วมมือกับ AIS สู่ Digital lending, การร่วมกับ CP Group ตั้ง VC สำหรับลงทุนธุรกิจเทคโนโลยีด้านการเงิน, การเข้าซื้อหุ้น 51% ใน Bitkub รุกสู่ Digital asset platform แ ล ะมี แ ผ น Spin off AutoX (จำนำทะเบียน), CardX (บัตรเครดิต) ภายใน 3-5 ปี
ประเมินกำไรไตรมาส 4/64 เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการตั้งสำรองลดลง และคาด กำไรปี 65 ยังเติบโต 5%จากปีก่อนหน้า จากสินเชื่อขยายตัว โดย Highlight สำคัญอยู่ที่แผนธุรกิจใหม่ๆ ขณะที่ หุ้นซื้อขาย P/BV 1 เท่า ยัง เหมาะสมจากเป็นผู้นำที่ปรับตัวเข้ายุคดิจิตัลชัดเจนที่สุด
TIDLOR (BUY ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 44 บาท) ภาพรวมชอบ TIDLOR และคงเลือกเป็น Top Pick ของกลุ่ม Consumer Finance เพราะ คาดสินเชื่อรวมเติบโตต่อเนื่อง เฉลี่ย 17% ต่อปี จากการใช้ประโยชน์จากระบบดิจิตอล คาด รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยเติบโตเฉลี่ย 22% ต่อปี จากธรุกิจขายประกัน คาดกำไรสุทธิปี 64-66 เติบโตเฉลี่ย +29% ต่อปี นอกจากนั้น โดยมองว่า TIDLOR มีแผน ขยายการรเติบโตไปยังธุรกิจประกันซึ่ง เป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0