เจอคนแปลกหน้า
ต่อว่าต่อขานแบบไม่สมเหตุสมผล
แบบนั้นคือความซวยชั่วคราว
แต่ถ้าต้องอยู่บ้านเดียวกัน
กับพวกชอบติเล็กติน้อย
ดุด่าสาดเสียเทเสียไม่เลิก
แบบนั้นคือความซวยที่ยืดเยื้อ
พวกชอบติ ชอบด่าพร่ำเพรื่อ
แม้ไม่มีเรื่องด่าก็อยากหาเรื่องด่า
สะท้อนสภาพทางจิตที่เปื้อนเปรอะเลอะเทอะ
ชินกับการให้ปากทำงานก่อนสมอง
คำพูดเหมือนของเสียๆ
ที่ทวารหนักอั้นไม่อยู่
นิสัยของคนเหล่านี้จึงออกแนวลมเพลมพัด
พูดจาไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
อารมณ์ดิบที่ก่อตัวขึ้น ณ ขณะหนึ่งๆ
ขับดันให้นึกอยากพูดอะไรก็พูด
วันหนึ่งพูดอย่าง
อีกวันพูดขัดแย้งเป็นตรงข้าม
โดยมีเป้าหมายอย่างเดียว
คือ จะเอาให้ได้อย่างใจเฉพาะนาทีนั้น
คนพวกนี้ทำบาปทำกรรม
แบบต้องได้รับผลทันที
คือ ถูกขังอยู่ในโพรงกะโหลกที่อลหม่าน
ต้องรำคาญเสียงโฉ่งฉ่างในสมอง
ต้องคันคะเยอกับความคิดหยุมหยิมจุกจิกในหัวใจ
แล้วบาปที่พอกหนาขึ้นเรื่อยๆ
ก็บีบคั้นให้สำคัญผิดมากขึ้นเรื่อยๆ
คิดว่ามีเรื่องจำเป็น
มีข้ออ้างน่าพ่นหนามแหลมในปาก
ให้พุ่งออกไปทิ่มแทงแก้วหูใครต่อใครเสมอ
พูดอะไร บีบหัวใจใครแค่ไหน ไม่สน
สนแค่ขอให้ได้พ่นออกไปก่อนเถอะ
โทษสถานเบาของคนพวกนี้
เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ใหม่
ก็โดนกรรมในชาตินี้ส่งไปอยู่กับคนพูดจาไม่รู้เรื่อง
ชอบหาเรื่องคนใกล้ตัว
คล้ายเกิดมาเพื่อแกล้งกันให้เป็นบ้า
แบบเดียวกันกับที่เคยทำคนอื่นมานั่นเอง
การรับมือที่ดีที่สุด คือ หนีไปเสีย
แต่ถ้าหนีไม่ได้ ด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม
ก็ต้องอาศัยความเข้าใจภาพรวมให้กระจ่าง
เพื่อรับมือให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ประการแรก ให้ทำไว้ในใจว่า
การทุ่มเถียงตอบ ไม่ใช่ออกที่ดี
เพราะการเถียงกับคนไร้จุดยืน
ไม่เอาสาระข้อเท็จจริงนั้น
คุณจะรู้สึกเหมือนเถียงกับคนบ้า
แล้วฝืนเถียงกับคนแบบไหน
ในที่สุดคุณจะกลายเป็นคนแบบนั้น
เช่น เขาเป็นคนพูดจาไม่รู้เรื่อง ไม่ปะติดปะต่อ
ความคิดของคุณจะถูกตัดหน้าตัดหลัง
แล้วพลอยงง เบลอ
คิดไม่ปะติดปะต่อ ตามเขาไปด้วย
ประการที่สอง ให้ทำไว้ในใจว่า
การเงียบ การแสดงท่ายอมแบบหงอๆ
ก็ไม่ใช่นโยบายที่ดีเสมอไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเคราะห์ร้าย
เจอพวกที่เห็นเรายิ่งไม่ตอบโต้
ก็ยิ่งได้ใจ ได้ทีขี่แพะไล่ เห็นคุณเป็นเบี้ยล่าง
สะใจกับการบดขยี้ซ้ำซาก
เพิ่มความเกรี้ยวกราดเข้าไป
จนกว่าจะเห็นคุณหลุดออกจากท่านิ่งให้จงได้
คนประเภทนี้ต้องการให้คุณเป็นบ้าตาม
ไม่ใช่เปิดใจรับบุญรับกุศล
อันสงบเงียบเชียบจากหัวใจคุณ
ประการสุดท้าย ให้ทำไว้ในใจว่า
คุณมีวิบากกรรม
ที่จะต้องอยู่ใกล้หลุมดำทางจิตวิญญาณ
เป็นหลุมดำที่คอยดูดคุณลงต่ำ
ฉะนั้น ทุกครั้งที่จำต้องเผชิญหน้ากับหลุมดำ
คุณต้องเห็นเป็นภารกิจสำคัญที่ไม่เตรียมตัวไม่ได้
ถ้าไม่เตรียมตัวเตรียมใจ
ก็มีแต่จะต้องโดนดูดเข้าสู่ใจกลางหลุมดำ
จนจิตวิญญาณมืดมิดตามเขาไปด้วยเท่านั้น
การเตรียมตัวเตรียมใจ
ขึ้นอยู่กับความถนัด
แต่นโยบายสำคัญเหมือนๆ กัน
คือ ทำให้จิตของคุณอยู่สูงเหนือเขามากๆ
มีความเป็นกุศล สว่าง โปร่งเบา และหนักแน่น
แตกต่างห่างไกล
จากความเป็นอกุศล มืด หนักทึบ และโคลงเคลง
แบบที่สัมผัสได้ในเขา
ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อใดรู้ตัวว่าจะต้องพบกับเขา
และท่าทางบรรยากาศน่าจะต้องโดนหาเรื่องแน่ๆ
ก็อาจแอบเข้าห้องพระ หรือสวดมนต์ในห้องนอน
สวดแบบถวายแก้วเสียงเป็นพุทธบูชา
ของพลังพุทธคุณอันบริสุทธิ์
ได้คุ้มครองใจไม่ให้ตกต่ำ ไม่ให้เศร้าหมอง
จากนั้น เมื่อถึงเวลาปะทะตัวตนอันดำมืดของเขา
ก็ให้คุยตามปกติ แต่สังเกตตัวเองไปด้วยว่า
ระหว่างคุย ระหว่างโดนหาเรื่อง
จิตที่ตั้งไว้ในที่สูงของคุณ
คอยจะถูกฉุด ถูกกระชากให้ตกต่ำลงที่ลมหายใจใด
สังเกตด้วยว่า ลมหายใจนั้นจะสั้น ห้วน
ไม่ลากพาความสุข ความอิ่มเต็มเข้าสู่ทรวงอก
วินาทีนั้น ให้หายใจยาวขึ้น
ด้วยความตั้งใจว่าจะประคองจิตไว้ไม่ให้ตกไปกว่านั้น
การฝึกประคองจิตไว้ในที่สูงนั่นแหละ
ทางเดียวที่คุณจะรอด
จากการโดนดูดหายเข้าไปในหลุมดำ!
