โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ยืนยัน! 'ชายไทย'กลับญี่ปุ่นผลตรวจโควิดเป็นลบ มารดา-ผู้สัมผัส32รายไม่พบเชื้อ

แนวหน้า

เผยแพร่ 11 ส.ค. 2563 เวลา 12.55 น.

"กรมควบคุมโรค"ยืนยันล่าสุด"ชายไทย"เดินทางกลับญี่ปุ่นผลตรวจโควิด-19เป็นลบ ส่วนมารดาและผู้สัมผัสในไทย32รายไม่พบเชื้อ ขณะชายญี่ปุ่นวัย47ปีอยู่ระหว่างประสานสำนักอนามัยกทม.หาข้อมูลที่อาศัยและผู้สัมผัสที่อยู่ในไทย

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานข่าวว่า พบชายชาวญี่ปุ่นติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หลังเดินทางกลับจากไทย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมานั้น กรมควบคุมโรค ขอให้ข้อมูลว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR national focal point) ของประเทศญี่ปุ่น ทันที เพื่อสอบสวนโรค ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม และติดตามบุคคลรายดังกล่าวแล้ว

จากการตรวจสอบรายละเอียดในเบื้องต้น พบว่า กรณีที่มีผู้เดินทางจากไทยไปญี่ปุ่นตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 มี 2 เหตุการณ์ ดังนี้ รายแรกเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 24 ปี เดินทางไปทำงานก่อสร้างที่ญี่ปุ่น โดยกลับมาไทยเมื่อวันที่ 7 ก.ค.63 เข้ารับการกักตัวที่สถานที่กักกันที่ราชการกำหนด จนถึงวันที่ 21 ก.ค.63 ได้รับการหาเชื้อ จำนวน 2 ครั้ง ไม่พบเชื้อทั้ง 2 ครั้ง หลังจากนั้นเดินทางกลับบ้านที่ จ.เชียงราย ซึ่งพักอยู่บ้านกับมารดาเพียง 2 คน ไม่ได้เดินทางไปไหน และในวันที่ 29 ก.ค.63 ไปเกณฑ์ทหาร โดยปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคโควิดอย่างเคร่งครัด ต่อมาได้เดินทางไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เมื่อวันที่ 31 ก.ค.63 ถึงท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 1 ส.ค.63 ได้รับการเก็บน้ำลายส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลเป็นบวก และถูกส่งเข้าสถานที่กักตัวของรัฐ

หลังทราบผลได้แจ้งให้มารดาที่ จ.เชียงราย ทราบ มารดาจึงไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยมีการเก็บตัวอย่างส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลไม่พบเชื้อ ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย มีการติดตามผู้สัมผัสที่เป็นเพื่อน 3 คน และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 28 คน รวมทั้งสิ้น 32 ราย (รวมมารดา) ผลไม่พบเชื้อทั้งหมด และในวันที่ 8 ส.ค.63 ได้แจ้งมาทางมารดาว่า โรงพยาบาลในญี่ปุ่นตรวจซ้ำอีก 2 ครั้ง หลังกักกัน 7 วัน ผลตรวจเป็นลบทั้ง 2 ครั้ง และอนุญาตให้ออกจากสถานที่กักกัน ดังนั้น สรุปได้ว่ารายนี้จากผลตรวจครั้งที่ 2 เป็นลบ ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน และการตรวจผู้สัมผัสใกล้ชิดก็ไม่พบการติดเชื้อเช่นเดียวกัน จึงไม่น่าใช่ผู้ติดเชื้อโควิด-19

สำหรับรายที่ 2 เป็นเพศชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 47 ปี เดินทางจากไทย เมื่อวันที่ 8 ส.ค.63 ได้รับการตรวจน้ำลายหาเชื้อที่ท่าอากาศยานนานาชาติฮาเนดะ ผลโควิด-19 เป็นบวก รายนี้ได้ประสานงานผ่านกลไกกฎอนามัยระหว่างประเทศ อยู่ระหว่างรอรายละเอียดการอาศัยและผู้สัมผัสที่อยู่ในไทย อีกทั้งได้ประสานสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบที่อยู่และค้นหาผู้สัมผัส ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการเช่นเดียวกัน และเมื่อได้รับข้อมูลแล้ว จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไป

สำหรับวิธีการตรวจที่สนามบินในญี่ปุ่นที่ใช้กับผู้เดินทางทั้ง 2 รายนี้ เป็นวิธีใหม่ เริ่มดำเนินการเมื่อวันที่ 1 ส.ค.63 คือวิธี CLEIA (ChemiLuminescent Enzyme ImmunoAssay) โดยตรวจหาเชื้อจากตัวอย่างน้ำลาย ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้รับรอง ทั้งนี้ ประเทศไทยยังใช้วิธีการตรวจหาเชื้อจากโพรงจมูกด้วยวิธี RT PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานในการวินิจฉัยผู้ติดเชื้อโควิด-19

นพ.สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า ตามที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธาณสุข ได้ปฏิบัติตามหลักในการป้องกันควบคุมโรค ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations :IHR) ที่ได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่มีระบบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้มีการตรวจสอบติดตามและสอบสวนป้องกันโรคได้อย่างรวดเร็ว มีการดำเนินงานและควบคุมโรคภายในประเทศได้ดี จึงขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคที่มีความเข้มแข็งและประสานงานกันอย่างใกล้ชิด หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0