โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ยึด ‘ใบขับขี่ตลอดชีพ’ กฎหมายไม่มีช่อง คนไม่เห็นด้วย ลงท้ายปัดเป็น Fake News

The Bangkok Insight

อัพเดต 10 ส.ค. 2563 เวลา 14.16 น. • เผยแพร่ 10 ส.ค. 2563 เวลา 18.00 น. • The Bangkok Insight
ยึด ‘ใบขับขี่ตลอดชีพ’ กฎหมายไม่มีช่อง คนไม่เห็นด้วย ลงท้ายปัดเป็น Fake News

“ใบขับขี่ตลอดชีพ” กลายเป็นประเด็นร้อนที่ได้รับความสนใจจากสังคมอีกครั้ง เมื่อเกิดกระแสข่าวว่า กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) อาจเรียกคืนใบขับขี่ประเภทนี้

จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ “จิรุตม์ วิศาลจิตร” อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้ตอบคำถามเรื่องอุบัติเหตุที่จังหวัดชลบุรี โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ขับขี่ในกรณีดังกล่าวมีอายุมากถึง 96 ปี ซึ่งอาจทำให้ความพร้อมและสมรรถภาพในการขับขี่เปลี่ยนไป เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้

ใบขับขี่ตลอดชีพ
ใบขับขี่ตลอดชีพ

จากเหตุผลดังกล่าว กรมการขนส่งฯ จึงมีไอเดียจะผุด “โครงการ Recall” ให้ผู้ถือ ใบขับขี่ตลอดชีพ กลับมาแสดงตัวและทดสอบสมรรถภาพอีกครั้ง เริ่มจากผู้ที่มีอายุ 70 ขึ้นไปที่มีความเสี่ยงก่อน โดยเป็นการทดสอบลักษณะ Fit to drive ที่มีแพทย์เข้าร่วม เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ

ถ้าผู้ขับขี่รายใดยังมีสมรรถภาพดี ก็จะให้ใช้ใบขับขี่ประเภทนี้ต่อไปได้ แต่ถ้าหากรายใดมีความเปลี่ยนแปลงและไม่สามารถขับรถได้แล้ว เสี่ยงจะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ก็อาจจะพิจารณายกเลิกใบขับขี่ตลอดชีพไป

ทั้งนี้ ยอมรับว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะกระทบสิทธิ์ของผู้ใช้รถที่ถือใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีพบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถส่วนรวม

จิรุตม์ วิศาลจิตร
จิรุตม์ วิศาลจิตร

ด้านนางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า โครงการเรียกผู้ที่มี ใบขับขี่ตลอดชีพ มาแสดงตัวอีกครั้ง มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพแบบกระดาษ มาเป็นบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มี QR Code เพื่ออัพเดตฐานข้อมูล เพราะผู้ที่ถือใบขับขี่แบบกระดาษไม่ได้อยู่ในระบบและไม่จำเป็นต้องติดต่อกับกรมฯ เลย ยกเว้นกรณีใบขับขี่หายหรือชำรุดเท่านั้น

ดังนั้น กรมฯ จึงต้องการยกเลิกใบขับขี่แบบกระดาษ แล้วเปลี่ยนมาเป็นบัตรแบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด เพื่อปรับปรุงฐานข้อมูลให้สามารถตรวจสอบได้ โดยจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนบัตร 100 บาทให้ด้วย

แต่นางจันทิราก็ยอมรับว่า มีแนวคิดให้ผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพที่มีอายุมากมาทดสอบสมรรถภาพใหม่ด้วย แต่เรื่องนี้ยังเป็นเพียงการศึกษา โดยต้องหารือกับฝ่ายกฎหมายและฝ่ายการแพทย์ก่อน เพราะเรื่องนี้เสี่ยงกระทบสิทธิ์ของประชาชนและมีความละเอียดอ่อน กลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นได้

ยึดคืน “ใบขับขี่ตลอดชีพ” ดราม่าเดือด!

แล้วก็เป็นจริงดังคาด เพราะหลังจากกระแสข่าวดังกล่าวแพร่ออกไป ก็มีกระแสตีกลับเข้ามาที่กรมการขนส่งทางบกแบบรัวๆ

ผู้ไม่เห็นด้วยจำนวนมองว่า อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เมาสุราหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่ใช่เพราะคนขับมีอายุมาก ขณะเดียวกันก็อดคิดไม่ได้ว่ารัฐบาลพยายามหาวิธีรีดเงินเข้ากระเป๋าอยู่หรือเปล่า?

สำหรับใบขับขี่แบบตลอดชีพนั้น กรมการขนส่งฯ ยกเลิกการออกใหม่ไปตั้งแต่ปี 2546 หรือเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ดังนั้น ผู้ที่ถือใบขับขี่ประเภทนี้จึงมีแต่ “รุ่นใหญ่ไฟกระพริบ”

ทั้งนี้ ข้อมูลระบุว่า ในปี 2560 ทั่วประเทศมีผู้ใบขับขี่ตลอดชีพประมาณ 12 ล้านใบ แบ่งเป็นใบขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคลตลอดชีพ 6.1 ล้านใบ, รถจักรยานยนต์ 5.9 ล้านใบ และรถยนต์สามล้อ 4 พันกว่าใบ

“ใบขับขี่ตลอดชีพ มันหนักหัวใคร

เห็นข่าวว่ากรมขนส่งจะให้คนที่ถือใบอนุญาตขับขี่ชนิดตลอดชีพ​ มาทดสอบใหม่

ต้องถามว่า​ กรมขนส่งไม่มีงานทำหรือไง​ มาเพิ่มงาน​ งานที่ทำอยู่เอาให้มันเข้มงวดมากขึ้นไม่ดีกว่าหรือ​ งานตรวจสภาพรถ​ รถปุโรทั่ง​ รถบรรทุกทำส่วนต่อขยายเกินน้ำหนัก​ รถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ยังวิ่งกันเต็มบ้านเต็มเมือง​

หรือกรมตั้งใจจะเปลี่ยนกรมจัดหารายได้​

คนที่ถือใบขับขี่ตลอดชีพไม่ได้ทำอะไรผิดนะ​ ที่บอกว่าคนแก่ขับรถเกิดอุบัติเหตุบ่อย​ เอาตัวเลขสถิติมาดู คนขับรถที่เกิดอุบัติบ่อยคือรถจักรยานยนต์​ รถบรรทุก​ คนขับรถเร็ว​ ขับขี่หลังการดื่มสุรา

คิดผิดคิดใหม่ได้นะ" นันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความส่งเสียงคัดค้านผ่านเฟซบุ๊ก

ขอบคุณภาพจากกรมการขนส่งทางบก
ขอบคุณภาพจากกรมการขนส่งทางบก

“อัยการ” ออกความเห็นเรื่องนี้ทำไม่ได้

ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นเรื่อง ใบขับขี่ตลอดชีพ ว่า การเรียกผู้สูงอายุมาสอบใบขับขี่อีกครั้งไม่สามารถดำเนินการได้เพราะ 2 สาเหตุ

1.พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 46 มาตรา 47 และมาตรา 49 ไม่ได้กำหนดให้การที่สภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุ เป็นเหตุให้ถือว่าขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามสำหรับการมีใบอนุญาตขับรถ

โดย พ.ร.บ.รถยนต์ บัญญัติถึงกรณีสภาพร่างกายที่ทำให้ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้าม ในการมีใบอนุญาตขับรถประเภทต่างๆ ไว้ เช่น มีร่างกายพิการจนเห็นว่าไม่สามารถขับรถได้ มีโรคประจำตัวที่ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเห็นว่าอาจเป็นอันตรายขณะขับรถ เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือน เป็นผู้มีโรคติดต่อน่ารังเกียจตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ไม่รวมถึงกรณีสภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุด้วย

2.การจะใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 53 วรรคสอง เพื่อเรียกผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถมาตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้าม ต้องมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดไว้สำหรับผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถประเภทนั้น ๆ

ดังนั้น จึงต้องปรากฏเหตุที่ทำให้เชื่อได้ว่า ผู้ได้รับใบอนุญาตขับรถรายใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายบัญญัติเสียก่อน แล้วจึงจะเรียกบุคคลนั้น ๆ เป็นรายบุคคลมาตรวจสอบได้ ไม่ใช่จะสามารถเรียกทุก ๆคนมาสุ่มตรวจแบบเหมาเข่งทั้งหมดได้

…การที่สภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุ ไม่ถือเป็นการขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามที่จะมีใบอนุญาตขับรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ ดังนั้น จะมาใช้เหตุสภาพร่างกายเสื่อมลงด้วยเหตุสูงอายุ เพื่อเรียกบุคคลใดมาตรวจคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายด้วยการทดสอบสมรรถภาพการขับรถ เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตขับรถยนต์ของบุคคลนั้นไม่ได้ และยังเป็นการสร้างผลกระทบและภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ประชาชนจำนวนมากอีกด้วย…

ใบขับขี่ตลอดชีพ
ใบขับขี่ตลอดชีพ

กลับลำ 360 องศาฯ-กลายเป็น Fake News

เมื่อเสียงคัดค้านดังลั่น “กรมการขนส่งทางบก” เจ้าของเรื่องจึงต้องดริฟท์รถ กลับตัวแบบ 360 องศาฯ

ร่อนหนังสือแจงว่า กรมการขนส่งทางบก ยืนยัน!! ไม่ยึดคืนใบขับขี่ตลอดชีพ ไม่เรียกผู้มีใบอนุญาตขับรถตลอดชีพทั้งหมดมาทดสอบสมรรถนะใหม่ หรือทดสอบขับรถใหม่ตามข้อมูลที่มีการแชร์กันในขณะนี้อย่างแน่นอน “แต่จะศึกษาถึงแนวทางการคัดกรองผู้ที่ขาดสมรรถนะหรือมีสภาวะโรคที่แพทย์วินิจฉัยแล้วเห็นว่ามีความเสี่ยงหรือมีผลต่อประสิทธิภาพการขับขี่อย่างปลอดภัย”

ด้าน ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย ของรัฐบาลก็ออกมาตอกย้ำว่า เรื่องนี้คือ “Fake News”

เป็นอันจบเรื่องนี้แบบ 360 องศาฯ ประหนึ่งไม่เคยเกิดเรื่องนี้มาก่อน

แต่ถึงจะดึงเรื่องจบได้ ก็ไม่รู้ว่าใบขับขี่ตลอดชีพจะพ่นพิษมากน้อยแค่ไหนกับเก้าอี้ “ปลัดกระทรวงคมนาคม” ที่กำลังจะว่าง เพราะชื่อ “จิรุตม์ วิศาลจิตร” เจ้ากรมการขนส่งทางบกก็มีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดต

แต่ดันมามีข่าว"Fake News" ในช่วงเวลาสำคัญเสียนี่ …

อ่านข่าวเพิ่มเติม

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0