ผบช.น. ‘ภัคพงศ์’ พร้อมรับฟังข้อมูลทุกฝ่าย หากปรากฏหลักฐานชัดเป็น ”บ่อน” เตรียมเชิญ "ชูวิทย์-สันธนะ" ให้ข้อมูล

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 5 สิงหาคม 2563  ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.)  มีรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเหตุยิงกันภายในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น พระราม 3 ซอย 66 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิต 4 ราย เหตุเกิดเมื่อช่วงค่ำ วันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมาว่า จากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อผู้เช่าอาคารพาณิชย์ที่เกิดเหตุ อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาสอบสวน เช่นเดียวกันกับผู้ร่วมก่อเหตุยิงซึ่งได้หลบหนีไป 1 ราย  ทราบเบาะแสะแล้วว่าเป็นกลุ่มใด  อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานให้ทางพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ขออนุมัติหมายจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าว
 
ส่วนกรณีเรื่องกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุนั้น ปรากฏภาพขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจ, หน่วยงานพิสูจน์หลักฐาน และ แพทย์นิติเวช ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ไม่พบว่ามีกล้องวงจรปิด ซึ่งแตกต่างจากภาพที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่ามีกล้องวงจรปิดนั้น  พล.ต.ท.ภัคพงศ์  พงษ์เภตรา  ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้รับผลการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว
จากการตรวจสองเชื่อได้ว่า น่าจะมีการเคลื่อนย้ายกล้องวงจรปิดออกจากที่เกิดเหตุก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงจริง และได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เคลื่อนย้ายหรือทำให้เสียหายซึ่งพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกรายทั้งนี้ ช่วงบ่ายวันนี้ (5 ส.ค.) จะได้แถลงความคืบหน้าคดีดังกล่าวให้สื่อมวลชนทราบ ที่ บช.น.
 
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภัคพงศ์  พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.)  เปิดเผยว่า  ความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน กรณีเหตุยิงในบ่อนพระราม 3 ว่า อยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึกเพื่อติดตามหาพยานหลักฐานทั้งในที่เกิดเหตุและรอบพื้นที่ ซึ่งหากตรวจสอบพบพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักให้เชื่อว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นบ่อนพนัน ยืนยันจะดำเนินการอย่างเต็มที่ การสืบสวนสอบสวนจะต้องเรียกเจ้าของตึก เข้ามาให้ปากคำ ไปจนถึงการสืบสวนหาตัวบุคคลที่ปรากฏในภาพถ่าย ขณะช่วยกันขนย้ายเก้าอี้ สิ่งของ อุปกรณ์ ต่างๆ ภายใน อาคารเกิดเหตุ รวมถึงการติดตามหาเบาะแสกลุ่มผู้เล่นพนัน ซึ่งจะเรียกมาสอบสวนทั้งหมด หากพบมีความผิดก็จะต้องถูดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
 
ส่วนกระแสข่าวที่ตั้งข้อสังเกตว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบเป็นผู้ลงมือยิงนายถาวร ภายหลังเข้าไปตรวจสอบเหตุ สารวัตรแม็ก ถูกยิงเสียชีวิต รวมถึงการประวิงเวลาของบุคคลภายในอาคารเพื่อขนย้ายสิ่งของ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ่อน ไปจนถึงความพยายามทำลายหลักฐาน นั้น ขอยืนยันว่า นายถาวร เสียชีวิตก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าถึงที่เกิดเหตุ และตำรวจชุดแรกที่เข้าถึงพื้นที่ คือ สายตรวจท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งเข้าถึงที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที หลังรับแจ้ง ส่วนผู้ลงมือยิงที่แท้จริงนั้นอยู่ระหว่างสืบสวนยืนยันตัวบุคคล เพื่อติดตามตัว
 
“กรณีที่มีผู้ออกมาให้ข้อมูลเรื่องบ่อนการพนันต่างๆ ทางตำรวจยินดีรับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย หากมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อการสืบสวนตรวจสอบ สามารถส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ได้ พร้อมยืนยัน เหตุการณ์นี้ไม่ได้ทำให้เสียขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเกิดขึ้นในช่วงการฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจประจำปี 2563” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ กล่าว
 
ด้าน พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจจากกรณีดังกล่าว กล่าวว่า  ต้องตรวจสอบว่า ตำรวจในพื้นที่ปล่อยปะละเลย ไม่สนใจ ไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ป้องกันและปราบปรามความผิดเกี่ยวกับบ่อนการพนันหรือไม่ ซึ่งจะกลับไปพิจารณาว่า มีคำสั่งตั้งใครเป็นคณะกรรมการตรวจสอบบ้าง  หากพบมีหนังสือคำสั่งที่ชัดเจนจะเริ่มเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องประชุมทันที โดยในการประชุมจะมีการนำข้อเท็จจริงที่ปรากฎมาพิจารณา,  เรื่องที่มีชายฉกรรจ์พยายามเคลื่อนย้ายพยานหลักฐานในคดี รวมถึงการพิจารณาเรียกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.,  นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล ที่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเกี่ยวบ่อนการพนันมาให้การกับคณะทำงาน รวมถึงนำภาพต่างๆ ที่มีการนำไปเผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ มาประกอบการด้วย
 
ทั้งนี้การทำงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าว ยังไม่มีการกำหนดกรอบระยะเวลาเป็นพิเศษ ต้องขึ้นอยู่กับคำสั่งของกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่าจะมีการกำหนดเวลาไว้อย่างไร  การตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการฯ จะแยกออกจากการสอบสวนคดีอาญาที่จะรวมถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของพนักงานสอบสวน สน.แสมดำ ที่ปรากฎในที่เกิดเหตุด้วย