โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ปฏิรูปตำรวจ-อัยการ วัดใจ"ลุงตู่"อีกรอบ !!

Manager Online

เผยแพร่ 03 ส.ค. 2563 เวลา 18.57 น. • MGR Online

เมืองไทย 360 องศา

หากย้ำในแบบทำความเข้าใจตรงกันอีกครั้งก็ต้องบอกว่า เวลานี้ “ความเสื่อมศรัทธา”ของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานของรัฐ ก็บอกได้ทันทีว่าต้องเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักอัยการสูงสุด ส่วนหน่วยงานไหนจะ“เสื่อม”มากน้อยกว่ากัน หรือไม่ได้ต่างกันค่อยมาว่ากันในรายละเอียดปลีกย่อย แต่เท่าที่สัมผัสได้ทั้งความเคลื่อนไหว ความรู้สึก ความเห็นต่าง พรั่งพรูออกมาล้วนทำให้สัมผัสได้ทันที

ที่น่าสนใจก็คือ คราวนี้ความเสื่อมศรัทธาจากประชาชนหรือสังคมภายนอกที่ก่อนหน้านี้เราจะเห็นถึงเสียงวิจารณ์ในทางลบกับ“ตำรวจ”เสียเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ทางฝ่ายอัยการมักจะออกมาเป็นแบบ“เสียงนินทา”เป็นครั้งคราวในสายลม แล้วก็เงียบหายไป ไม่ค่อยจะเอาจริงเอาจังนักเมื่อเปรียบเทียบกับตำรวจ อาจเป็นเพราะว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับชาวบ้านใกล้ชิดที่สุด โดยเฉพาะเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน ตั้งแต่งานจราจร ไปถึงการจับกุมคดีต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าหากใครก็ตามที่มาทำหน้าที่ “แบบตำรวจ”มันก็ย่อมถูกวิจารณ์วันยังค่ำ

แต่สำหรับอัยการแล้ว คราวนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เรียกว่า “โดนเละ”ในแบบที่เรียกว่าถูก“กระแสสังคม”ไล่บี้จนแทบจะ“ติดมุม”เลยทีเดียว และกลายมาเป็นเสียงเรียกร้องจากสังคมให้มีการ“ปฏิรูป”ในแบบ“แพ็กคู่” นั่นคือ หากจะปฏิรูปแล้วก็ต้องจัดการไปพร้อมกันทั้ง “สองหน่วยงาน”เลยทีเดียว ซึ่งหากจะว่าไปแล้วหากมีการปฏิรูปจนเกิดผลสำเร็จ ก็น่าจะเกิดผลดีกับทุกฝ่าย นั่นคือทั้งฝ่ายตำรวจและอัยการ ที่จะต้องมีหลักประกันในด้านการทำงานที่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน

ขณะเดียวกัน เชื่อว่าในแผนการปฏิรูปที่หากมีขึ้น จะต้องมีการพูดถึงเรื่องสวัสดิการ ค่าตอบแทน ความก้าวหน้าในหน้าที่อย่างแน่นอน และที่สำคัญยังเป็นการสร้างหลักประกันด้านกระบวนการยุติธรรมให้กับประชาชนอีกทางหนึ่งด้วย

หากพิจารณาจากความเป็นจริงดังที่ระบุข้างต้นก็คือ เสียงเรียกร้องให้มีการกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง แต่เสียงเรียกร้องจะพุ่งเป้าไปที่“ปฏิรูปตำรวจ”เป็นหลัก ซึ่งเหตุผลก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นเพราะการทำงานของตำรวจเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับประชาชน และที่ผ่านมาก็จะมีการร้องเรียน เปิดโปงเรื่องการใช้“อำนาจมิชอบ”ของตำรวจมากขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในยุคโซเชียลฯ ที่ตำรวจมักถูกประจานจากหลักฐาน จากคลิปภาพและเสียงต่างๆ ออกมา ซึ่งหากมองในอีกมุมหนึ่ง พฤติกรรมในลักษณะดังกล่าวนี้อาจมีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าไม่มีการใช้หลักฐานแบบนี้แฉออกมาให้เห็น ประกอบกับในยุคปัจจุบันสังคมมีความตื่นตัวในเรื่องสิทธิมากขึ้น และแม้ว่าตำรวจจะมีการปรับวิธีการทำงานมากขึ้นกว่าในอดีต แต่ด้วยด้วยโครงสร้างอำนาจ และการทำหน้าที่ รวมไปถึงอำนาจการบังคับบัญชาที่เป็นอยู่ ก็ยังถือว่ามีช่องว่าง สังคมก็ยังมองว่ายังไม่ได้ทำหน้าที่อำนวยความยุติธรรม รวมไปถึงการสร้างหลักประกันให้กับชาวบ้านได้อย่างเพียงพอ

และที่สำคัญด้วยโครงสร้างของตำรวจก็ยังถูกมองว่ายังไม่ได้สร้างความยุติธรรมให้กับตำรวจชั้นผู้น้อย การแต่งตั้งโยกย้ายที่มักมีข้อครหา บางปีถึงขนาดมีข่าวคราวอื้อฉาวในเรื่องการ “ซื้อขายตำแหน่ง”ออกมาให้เห็นอยู่เสมอ ซึ่งเหมือนกับว่ามีแต่การ“สะสมภาพลบ”มาเรื่อยๆ

อย่างไรก็ดี จากคดีของนายวรยุทธ หรือ “บอส”อยู่วิทยา ทายาทของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มกระทิงแดง ที่ทางอัยการสั่งไม่ฟ้อง และตำรวจไม่เห็นแย้ง ทำให้อารมณ์ของสังคม“ขาดผึง”ลงไปทันใด กำลังนำไปสู่ความเสื่อมศรัทธาต่อ“กระบวนการยุติธรรม”อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน จนเกิดเป็นพลังเรียกร้องอย่างหนักแน่น ให้มีการ “ปฏิรูป”โดยเร็ว โดยครั้งนี้คงไม่ใช่แค่ปฏิรูปตำรวจเพียงหน่วยงานเดียว แต่ต้องพ่วงด้วยการ“ปฏิรูปอัยการ”พร้อมกันไปด้วย

โดยความหวังที่เชื่อว่าสังคมอยากได้เห็นก็คือ"ท่าที" และการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร เพราะที่ผ่านมา หากย้อนกลับไปตั้งแต่มีการเข้ามาควบคุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็มีคำยืนยันในเรื่องของการ“ปฏิรูป”จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการพิจารณาการปฏิรูปตำรวจ ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน และมีการพิจารณาสรุปเสร็จเรียบร้อย แม้ว่าอาจจะไม่ได้ตามความต้องการของประชาชนได้เต็มร้อย แต่ก็ถือว่าประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าใช้ได้ แต่ในที่สุดก็ถูก“แช่แข็ง”เอาไว้เช่นเดิม

นาทีนี้ถือว่าเป็นช่วงเวลา “วัดใจ”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ว่าจะผลักดันให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบตามเสียงเรียกร้องของสังคมได้หรือไม่

ขณะเดียวกันหากเป็นการรอจังหวะ ก็น่าจะรอผลของคณะกรรมการสอบหาความจริงที่มี นายวิชา มหาคุณ เป็นประธานเสียก่อนก็ได้ เพราะจะมีการชี้ให้เห็นถึง “ช่องโหว่”ทางกฎหมาย และการใช้อำนาจตามที่มีการระบุเป็นนัยให้เห็นล่วงหน้ามาแล้ว

ดังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากแค่ไหน เพราะหากมีการผลักดันให้เกิดการปฏิรูปอย่างขนานใหญ่ ก็น่าจะได้เสียงชื่นชม และ“ได้ใจ”ชาวบ้าน ซึ่งในทางการเมืองก็ยังเหมือนกับการ “ปาดหน้า”ฝ่ายตรงข้ามนำหน้าไปไกลอีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าเขารับรู้ถึงอารมณ์ของสังคมได้ดีอยู่แล้ว !!

website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0