ผมเพิ่งมาถึงหัวหินตอนเที่ยงคืนของวันศุกร์ พร้อมกับแบกความตั้งใจใส่เป้ใบใหญ่เอาไว้ว่าจะมาพักกาย พักใจอย่างเต็มคราบ หลังจากฝืนสังขารทำงานหนักมาตลอด โดยเฉพาะกับการนอนแค่วันละ 4 ชั่วโมงตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้หลายคนจะบอกว่าน่าจะหยุดงาน พักผ่อน ก่อนตายไม่รู้ตัวสักหน่อย แต่ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไร ไม่ยอมหยุดงานอะไรเลยทั้งที่เสียงแหบแห้ง หน้าซีดเผือก จมูกแดง ตาแห้งแค่ไหนก็ยังฝืนสังขารทำงานไปอย่างดื้อด้านจริง ๆ
การตั้งใจหยุดและทิ้งทุกอย่าง แล้วขับรถมาหัวหินอย่างหุนหันพันแล่นในครั้งนี้ จึงมีความหมายมากมายกว่าทุกครั้งอย่างบอกไม่ถูกสำหรับผม
หลังจากขับรถฝ่าฝนจากกรุงเทพมาร่วม3 ชั่วโมง ก็ถึงเวลาที่รอคอยสักที
ห้อง Pool Villa สุดหรูที่ผมและเพื่อน ๆ ร่วมกันหนีเมียกับลูก ยอมทุ่มทุนจ่ายค่าห้องแสนแพงเลือดซิบ ๆ รออยู่ตรงหน้าแล้ว
“คอยดูนะ จะนอนให้พนักงานโรงแรมประณามว่ากินบ้านกินเมืองเลย”
ผมแอบยิ้มไม่หุบอยู่คนเดียวตลอดเวลาที่เดินเข้าห้องที่สวยสมราคา อ่างจากุชชี่อุ่นห้องอบไอน้ำ ซาวน่า อโรม่าเทอราปี และสระว่ายน้ำส่วนตัวริมทะเล โอ้วแม่เจ้า…
“ตริ๊ง ๆ ” เสียงเรียกเตือนจาก Line ดังขึ้นขัดจังหวะ พร้อมปลุกผมให้ตื่นจากฝันกลางวันตรงหน้า แล้วหยิบมือถือมากดอ่าน
“มามี้ฝากเตือนว่าอย่าลืม วันอาทิตย์นี้ตอนเที่ยง เรามีนัดจะไปปล่อยวัวปล่อยควายกันที่วัดนะจ๊ะ”
ข้อความสั้น ๆ จากพี่เอ๋ พี่สาวของผมที่ทำเอาผมอึ้งจนหน้าบึ้งตึง ยิ้มไม่ออกไปประมาณ 5 นาทีเศษ ถึงพี่สาวจะนั่งยันนอนยังยันว่าได้เคยบอกผมล่วงหน้าแล้ว แต่ผมมั่นใจว่าไม่เคยรับรู้ถึงนัดหมายนี้มาก่อน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็ควรกลับไปร่วมทำบุญกับครอบครัวครั้งนี้อยู่ดี จริงไหม แล้วไอ้เพื่อนอีก 3 ตัวที่ติดสอยห้อยตามในรถคันเดียวกันแถมยังได้ร่วมหารค่าห้องระดับหรูแทบบ้าไปล่วงหน้าถึง 2 คืน แล้วนี่หละ จะทำยังไงกับพวกมันดี
ผมหงุดหงิด ผิดหวัง ไม่รู้จะโทษใครและโกรธ โกรธมาก อารมณ์เสียอย่างรุนแรงแต่แสดงออกได้เพียงแต่นิ่งงัน เพราะรู้ว่ามันไม่มีใครผิด และไม่มีทางเลือกอื่นใด เพราะสำหรับผมแล้ว ครอบครัวย่อมมาอันดับหนึ่งเสมอ และการร่วมกันไถ่ชีวิตโคกระบือเป็นสิ่งที่ครอบครัวเราทำด้วยกันเป็นประจำอย่างนี้ทุกปีเสมอมา แม้ในใจจะรู้ว่าครั้งนี้ ผมไม่อยากกลับไปเลยจริง ๆ ก็ตาม
คาดหวังมากย่อมผิดหวังมาก ความรู้สึกเหมือนอกหักจากหัวหินนั้น เจ็บปวดเหมือนโดนน้องวัวน้องควายเข้ามาเดินเหยียบย่ำหัวใจยังไงยังงั้น นอนหลับก็ฝันเห็นแต่วัวแต่ควายมายืนยิ้มยิงฟันหลอกหลอนตลอดคืน จนตื่นมาวันรุ่งขึ้น ความห่อเหี่ยวก็ยังคงปกคลุมจิตใจ จนทำให้หน้าตาเหี่ยวตาม
“ตริ๊งๆ” เสียง Line ที่วันนี้ดังคล้ายกับควายร้อง “มอมอ” ดังขึ้นอีกครั้ง ผมยกกีบไปกดรับแล้วเหลือบตาไปอ่านดูข้อความที่ส่งมา
“เรื่องทำบุญวันอาทิตย์ถ้าตั้งจิตตั้งใจอยู่ที่ไหนก็ได้บุญเหมือนกัน อั๋นพักให้เต็มที่นะครับ ไม่ต้องห่วงนะลูก” แม่ผมส่งข้อความนี้มาเหมือนรู้ใจว่า คุณลูกชายคงกำลังถูกความทุกข์ความกังวลเหมือนวัวควายถูกสันตะพายอยู่เป็นแน่ และข้อความที่เต็มไปด้วยความใส่ใจนี้ก็เปลี่ยนความรู้สึกของผมจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในทันทีจนรอยยิ้มกลับมาเปื้อนหน้า และปรากฏอยู่ในแววตาของผมอีกครั้ง
มามี้ไม่ได้เพียงแค่ปล่อยวัวปล่อยควายเฉพาะที่วัดหรอก แต่มามี้ยังเพิ่งจะทำบุญปล่อยวัวควายฝูงใหญ่ไปจากหัวใจของผม ด้วยข้อความแห่งความรักสั้น ๆ นี้ด้วย
และไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่อยู่ดี ๆ ตอนนี้ผมกลับรู้สึกหายเหนื่อย และเต็มไปด้วยพลังที่อยากจะรีบกลับไปทำบุญครั้งนี้ขึ้นมาจริงๆอย่างมหัศจรรย์หัวใจตัวเอง
นี่ละมั้งพลังแห่งความรัก
ห่วงก็แต่ว่าจะเอาควายอีก3 ตัวที่ยังนอนไม่ตื่นอยู่ในห้องตอนนี้ไปไว้ที่ไหนดีหว่า….
-
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก อั๋น ภูวนาท ได้ทุกวันจันทร์ บน LINE TODAY