โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

บทเรียนชีวิตคู่: มาทิ้งกันตอนนี้ได้ไงวะ

LINE TODAY

เผยแพร่ 29 ม.ค. 2562 เวลา 11.29 น.

โสด..เป็นคำที่เราไม่ค่อยคุ้นกับมันเลย ไม่ใช่ว่าสวยหรืออะไรนะ แต่แค่ไม่ชิน

เรากับแฟนคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน จนถึงตอนนี้ก็เกือบ 20 ปีแล้ว ผ่านอะไรด้วยกันมาก็เยอะ ถึงเค้าจะมีข้อเสียบ้าง แต่เราเองก็ไม่ได้ดีขีดสุดอะไรขนาดนั้น คบกันมาจนป่านนี้ก็ยอมรับกันได้ทุกเรื่องแล้วแหละ

ที่ผ่านมาเรามีปัญหากันบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ถึงขนาดต้องเลิกกัน ยิ่งเป็นเรื่องผู้หญิงอื่น เท่าที่เรารู้ ไม่มีเลย

บอกก่อนว่าเราไม่ได้แต่งงานกัน แต่ไม่ได้แต่งก็เหมือนแต่ง เพราะอยู่ด้วยกันตั้งแต่เรียนจบ ทั้งสองครอบครัวก็รู้ดี ความสัมพันธ์เหมือนคนที่แต่งงานกันแล้วนั่นแหละ แค่ไม่มีงานแต่งและไม่มีทะเบียนสมรส

ตอนอายุ 20 ปลาย ๆ ตอนนั้นอยากแต่งงานเป็นเรื่องเป็นราวมาก แต่เค้าไม่ยอม บอกว่าค่าใช้จ่ายเยอะ อยู่ดี ๆ จะไปจ่ายกับเรื่องแบบนี้ทำไม เป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว แรก ๆ เราไม่ยอม ยังไงก็อยากมีงานแต่งงานสักครั้ง พูดเรื่องนี้ทีไรก็ทะเลาะกันทุกที จนเราอ่อนใจเลิกพูดไปเอง ก็อยู่กันไปแบบที่เค้าต้องการนั่นแหละ

พออายุ 30 กว่า ๆ เราก็เริ่มอยากมีลูก ไม่ได้แต่งก็มีลูกได้นี่ ก็เลยคุยเรื่องนี้กับเค้าดู ปรากฏว่าเถียงกันแรงยิ่งกว่าตอนอยากจะแต่งงานซะอีก เค้าให้เหตุผลว่าลำพังเราสองคนยังลำบากลำบนกันขนาดนี้ ถ้ามีลูก จะเลี้ยงกันยังไง เงินเดือนก็ไม่ได้เยอะทั้งคู่ ไหนจะบ้าน รถ ธุรกิจเสริมที่ทำด้วยกันก็เพิ่งเริ่ม ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย คือเค้าก็มีเหตุผลของเค้า เราก็มีเหตุผลของเรา

สุดท้ายเถียงกันไป เถียงกันมา เค้าแอบไปทำหมันแล้วมาบอกเราทีหลัง ตอนที่ได้ยินเหมือนจะวูบไปเลย คือเราจะมีลูกไม่ได้แล้ว ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนโดนแทงข้างหลัง ทำอะไรไม่ถูก โกรธก็โกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง

หลังจากเรื่องมีลูกทำให้เรามองเค้าเปลี่ยนไปเลย ทั้งที่คบกันมาจะ 20 ปีแต่เค้าไม่ปรึกษาเราสักนิด ตัดสินใจด้วยตัวเองกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ตอนนั้นความสัมพันธ์แย่มาก ถึงจะอยู่ด้วยกันแต่ก็คุยกันน้อย บางวันแทบไม่พูดกันเลย งานก็ยุ่ง ธุรกิจที่ทำด้วยกันก็กำลังไปได้ดี เค้าทุ่มเทกับตรงนี้มาก เราช่วยเท่าที่ช่วยได้ แต่ความสัมพันธ์ก็ยังไม่เหมือนเดิม

จำได้ว่าอยู่แบบตึง ๆ กันแบบนี้หลายปี จากนั้นเค้าลาออกจากงานประจำเพราะธุรกิจไปได้สวยและเตรียมรับตัวแทนจำหน่าย เราก็อยากลาออกมาช่วยกัน แต่เค้ายังไม่อยากให้ออก อยากรอให้เปิดรับตัวแทนไปได้สักพักก่อน

ช่วงแรกที่ออกต่างจังหวัดก็ไปด้วยกันตลอด หลัง ๆ เราไม่ได้ไปด้วยเพราะภาระงานประจำ จากที่เค้าเคยไปดูงานตอนเช้า เย็นกลับบ้าน ก็เริ่มต้องไปค้างคืนหลายวัน เราไม่เคยตามอยู่แล้ว เพราะเค้าไม่เคยประวัติวอกแวกมาก่อน จากหายไปหลายวันกลายเป็นหายไปเป็นอาทิตย์ แต่ก็ไลน์คุยกันตลอด คุยเรื่องงานบ้าง เรื่องตัวเค้าบ้าง ติดต่อกันแบบนี้แทบทุกวัน

จนวันหนึ่งเพื่อนที่ทำงานเก่าที่ไม่ได้ติดต่อกันนานมากโทรมาหา เห็นเบอร์ยังเอะใจว่าคงไม่ได้มาขายประกันหรอกมั้ง แล้วก็ไม่ใช่จริง ๆ เค้าโทรมาบอกว่า ไม่เห็นบอกเลยว่าแต่งงานมีลูกแล้ว เมื่อวานเห็นแฟนเรากับลูกชายมากินข้าว เลยไม่ได้ทักเพราะไม่เห็นเรา กลัวแฟนเราจะจำเค้าไม่ได้

ตอนที่ฟังเพื่อนพูด เราไม่เข้าใจว่าเค้าพูดถึงใคร เพื่อนถามว่าแต่งกันเมื่อไหร่ ลูกกี่ขวบแล้ว ไม่เห็นส่งข่าวกันบ้าง คือเราไม่รู้จะบอกยังไงดี นี่มันละครชัด ๆ ด้วยความเอ๋อ เราเลยบอกไปตรง ๆ ว่ายังไม่มีลูก เพื่อนนิ่งไปและบอกว่าไม่เจอกันนาน คงจำผิดคน พอได้ยินเพื่อนพูดแบบนั้น เราเลิกเอ๋อไปเลย เพราะเค้าไม่มีทางจำผิดแน่นอน ตอนที่ยังทำงานด้วยกันเรากับแฟนไปออกทริปกับเค้าบ่อย ๆ จนเค้าลาออกไปถึงไม่ค่อยได้เจอกัน คิดว่าเพื่อนก็คงรู้เหมือนกันว่าผิดปกติแน่ ๆ ก็เลยชวนคุยเรื่องอื่นจนวางสายกันไป

พอตั้งสติได้ เรารีบไลน์หาแฟนทันที ถามเหมือนปกติว่าอยู่ไหน ทำอะไร เค้าก็ตอบกลับมาปกติ จริง ๆ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเอง มันบทละครมาก ๆ แต่ก็อยากไปรู้ ไปเห็นกับตาว่าเกิดอะไรขึ้น

พอไปถึงคืองงมาก คำพูดของแฟนที่บอกว่าไม่อยากมีลูก จะเลี้ยงกันยังไงกับภาพตรงหน้ามันขัดกันมาก เราถามตรง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เค้าก็บอกเราว่ามีลูกกับผู้หญิงอีกคน ตอนนี้เด็ก 5 ขวบกว่าแล้ว เอาจริง ๆ ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เสียใจ ไม่ร้องไห้ คิดว่าฝันมากกว่า ได้แต่พยักหน้าแล้วก็เดินออกมาเหมือนนางเอกละคร

หลังจากนั้นมีคำถามในหัวเราเป็นล้าน เค้าทำหมัน เค้าโกหก เค้ามีคนอื่น ร้องไห้จนเบลอไปเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราผิดตรงไหน ไม่ดียังไง ไว้ใจเค้าเกินไปหรือเปล่า ถ้าเราตามจิกมากกว่านี้คงไม่เกิดเรื่องขึ้น คิดไปต่าง ๆ นานา ไม่รู้จะทำยังไง จนเค้ากลับมากรุงเทพฯ มาเคลียร์เรื่องทั้งหมด

เราไม่ได้อยากเป็นนางเอก แต่ทางนั้นมีเด็ก 5 ขวบเป็นตัวประกัน แล้วเราก็อยู่แบบสามคนผัวเมียไม่ได้ คิดอยู่นานสุดท้ายก็ตัดสินใจออกมาเอง บ้านก็ชื่อเค้า รถก็ชื่อเค้า ธุรกิจก็ชื่อเค้า ที่ผ่านมาเราลงทุนลงแรงด้วยชื่อเค้าทั้งหมด ไม่รู้เป็นความรักหรือความโง่กันแน่

หลังจากเสียศูนย์ไปพักใหญ่ ปีนี้เราอายุ 40 แล้ว และไม่ชินกับการอยู่คนเดียวเลย เราต้องเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง ไม่มีอะไรสักชิ้นที่เป็นของตัวเอง บ้านไม่มี รถไม่มี ธุรกิจไม่มี มีแต่งานประจำที่ทำอยู่ กับคนที่บ้านที่บอกว่า “ไม่เป็นไร” และคำถามที่อยู่ในหัวตลอดเวลาว่า “มาทิ้งกันตอนนี้ได้ไง”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0