ปักกิ่ง, 6 ส.ค. (ซินหัว) -- วันพุธ (5 ส.ค.) หวังอี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวว่า ฝ่ายจีนพร้อมที่จะโต้ตอบพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นและร้อนรนของสหรัฐฯ อย่างสุขุมและเป็นเหตุเป็นผล ในการให้สัมภาษณ์พิเศษของสำนักข่าวซินหัว ว่าด้วยความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ
ปรารถนา 'หันหน้าเข้าหา' มากกว่า 'แยกทาง'
"การพัฒนาของจีนและของสหรัฐฯ หาใช่การแข่งขันที่มีฝ่ายแพ้-ชนะ เราจึงไม่ควรผลักไสซึ่งกันและกัน ทว่าสิ่งที่เราควรทำคือการนำจุดแข็งของกันและกันมาผลักดันให้เกิดการพัฒนาร่วมกัน" เขากล่าว
"ความร่วมมือระหว่างจีน-สหรัฐฯ ไม่เคยมีกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอผลประโยชน์หรือเอารัดเอาเปรียบอีกฝ่าย ทั้งสองประเทศต่างได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากความร่วมมือนี้" เขาย้ำ
ขณะนี้จีนและสหรัฐฯ มีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกและกว่าร้อยละ 50 ของการเติบโตทั่วโลก ปริมาณการค้าทวิภาคีเพิ่มขึ้นกว่า 250 เท่านับตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของความสัมพันธ์ทางการทูตและคิดเป็น 1 ใน 5 ของปริมาณการค้าทั่วโลก การลงทุนแบบสองทางเพิ่มขึ้นจากเกือบศูนย์แตะที่เกือบ 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7.45 ล้านล้านบาท) ขณะที่การเดินทางไปเยือนประเทศของกันและกันระหว่างประชาชนทั้งสองต่อปีสูงถึง 5 ล้านครั้ง
แม้ทั้งสองประเทศจะมีความแตกต่างกันอย่างยิ่งในระบบสังคมและด้านอื่นๆ ทว่าความแตกต่างดังกล่าวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการอยู่ร่วมกันและความร่วมมืออย่างสันติในระดับทวิภาคี หวังกล่าว
"ไม่มีความจำเป็นหรือไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ทั้งสองฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงกันและกัน แต่เราควรเคารพการตัดสินใจของประชาชนอีกฝ่ายที่เป็นไปอย่างอิสระ" เขากล่าว
ในโมงยามที่โรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเช่นนี้ จีนและสหรัฐฯ ควรหยุดยั้งความพยายามในการแบ่งแยก และหันมาพัฒนาความสัมพันธ์ผ่านความร่วมมือและดำเนินการด้วยความรับผิดชอบต่อโลก หวังกล่าว
จีนปฏิเสธเจตนาสร้าง'สงครามเย็นครั้งใหม่'
ในการให้สัมภาษณ์ หวังได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำล่าสุดของสหรัฐฯ ที่ทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคี อันรวมถึงการที่สหรัฐฯ สั่งปิดสถานกงสุลใหญ่จีนในเมืองฮิวสตัน การรณรงค์ต่อต้านบริษัทจีนทั่วโลก การโจมตีพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างดุเดือด และการแทรกแซงกิจการภายในของจีน
หวังกล่าวว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่นับตั้งแต่การสร้างความสัมพันธ์ทางการทูต ขณะที่การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือในหลากหลายด้านกำลังติดขัดชะงักงัน
เขากล่าวว่าสาเหตุสำคัญคือนักการเมืองอเมริกันบางคนที่มีอคติและไม่เป็นมิตรกับจีนใช้อำนาจในการกุเรื่องราวใส่ร้ายป้ายสีจีน และใช้คำกล่าวอ้างต่างๆ ขัดขวางความสัมพันธ์ปกติกับจีน" ซึ่งหวังชี้ว่านักการเมืองเหล่านั้นมุ่งหมายฉุดดึงจีนและสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งและการเผชิญหน้าครั้งใหม่ นำพาโลกเข้าสู่ความสับสนวุ่นวายและแตกแยกอีกครั้ง
"จีนจะไม่ปล่อยให้บุคคลเหล่านี้เข้ามาขวางทาง" หวังกล่าว
หวังกล่าวว่าจีนไม่มีเจตนาใดๆ ที่จะสร้างสิ่งที่เรียกว่า 'สงครามเย็นครั้งใหม่' เนื่องด้วยสิ่งนั้นขัดต่อผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของประชาชนจีนและอเมริกัน และเส้นทางการพัฒนาและความก้าวหน้าของโลก
จีนจะไม่เต้นไปตามเกมของสหรัฐฯ และจะไม่นิ่งเฉยหากสหรัฐฯ ทำลายผลประโยชน์ของจีน เถิงเจี้ยนฉวิน ผู้อำนวยการภาควิชาอเมริกันศึกษาของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศแห่งประเทศจีนให้สัมภาษณ์กับซินหัวไว้ดังนี้
จีนพร้อมเจรจาอย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพ
"ปัญหาทั้งหมดสามารถถูกหยิบยกขึ้นมาถกกันได้" หวังกล่าว
เขากล่าวว่าจีนพร้อมที่จะเข้าร่วมการปรึกษาหารืออย่างตรงไปตรงมาและมีประสิทธิภาพกับฝ่ายสหรัฐฯ และจะตอบสนองต่อการกระทำอันหุนหันพลันแล่นและร้อนรนของสหรัฐฯ อย่างสุขุมและมีเหตุผล
"ข้อความของเราชัดเจน นั่นคือเราขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยุติการกระทำอย่างเย่อหยิ่งและอยุติธรรม แล้วหันหน้าเข้าสู่การเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับเราในระดับที่เท่าเทียมกัน เราหวังว่าการดำเนินการเช่นนี้จะเป็นประโยชน์แก่เราในการบรรเทาความตึงเครียด ณ ปัจจุบัน และพาความสัมพันธ์ของเรากลับไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ที่ไร้ความขัดแย้ง ไร้การปะทะ ก่อให้เกิดการเคารพซึ่งกันและกันและความร่วมมือแบบสมประโยชน์" หวังกล่าว
การหารือมิใช่เพื่อทำให้ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันโดยสมบูรณ์ แต่เพื่อเพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกันและแสวงหาข้อตกลงร่วมกัน ขณะที่สงวนจุดต่างของแต่ละฝ่ายไว้ หร่วนจงเจ๋อ รองประธานบริหารสถาบันนานาชาติศึกษาของจีนกล่าวไว้
จีนไม่มีเจตนาที่จะทำ'สงครามทางการทูต' กับฝ่ายสหรัฐฯ เพราะจะกลายเป็นการทำร้ายผลประโยชน์ของทั้งสองชาติมากขึ้นเท่านั้น หวังกล่าว
"ประตูการสนทนาควรเปิดอยู่เสมอ ด้วยจิตวิญญาณแห่งความเสมอภาคและใจที่เปิดกว้าง จีนยินดีที่จะพูดคุยและโต้ตอบกับสหรัฐฯ และดำเนินกลไกการเจรจาต่อไปในทุกระดับและทุกด้าน" หวังเอ่ยทิ้งท้าย