โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

นายพรานบุกถ้ำน้ำลอดพาดูจุดคาดทื้งชมพู่ให้ตาย เชื่อคนร้ายอุ้มย้ายที่ 2 วัน (คลิป)

Amarin TV

เผยแพร่ 03 ส.ค. 2563 เวลา 18.23 น.
นายพรานบุกถ้ำน้ำลอดพาดูจุดคาดทื้งชมพู่ให้ตาย เชื่อคนร้ายอุ้มย้ายที่ 2 วัน (คลิป)
“ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี” จำลองเดินตามเส้นทาง “ลุงคล้าย” พรานประจำหมู่บ้าน คาดคนร้ายอุ้มชมพู่ขึ้นภูเหล็กไฟ ก่อนสิ้นใจตาย

กรณีตำรวจวัดบันไดบ้านของน้องชมพู่ พบว่าบันไดมีความสูงจากพื้นชั้นล่างในแนวดิ่ง 2 เมตร 80 เซนติเมตร ความชันของบันไดมีความชัน 45 องศา ระยะห่างของบันไดแต่ละขั้นสูงอยู่ที่ 23-26 เซนติเมตร ระยะทางของบันไดไม้ทั้งหมด 3 เมตร 10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นระยะของบันไดไม้จากชั้น 2 ถึงชั้น 1 และต่อด้วยบันไดปูนชั้น 1 มีระยะทาง 1 เมตร 80 เซนติเมตร เป็นระยะที่วัดจากพื้น

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ล่าสุดวันที่ 3 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับ นายคล้าย เงินนาม พรานประจำหมู่บ้านกกกอก ถึงกรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ว่าในฐานนะเป็นพรานชำนาญเส้นทาง มีทางที่เด็กสามารถเดินขึ้นได้หรือไม่

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้จำลองเดินตามเส้นทาง ที่พรานประจำหมู่บ้าน คือ นายคล้าย เงินนาม ได้วิเคราะห์ว่าน้องชมพู่อาจเดินเเล้วถูกอุ้มไปทิ้งบนภูเหล็กไฟ ก่อนจะเสียชีวิตยังจุดพบศพ โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติภูผายล คือ นายนภัสสร ตะวันคำ ร่วมเดินด้วย

ทีมข่าวพร้อมด้วยลุงคล้าย เเละเจ้าหน้าที่อุทยานเเห่งชาติภูผายล เดินจากบ้านน้องชมพู่ ไปทางด้านขวาของบ้าน (ทิศตะวันออก) ผ่านสวนยางพาราของชาวบ้าน ในช่วงนี้ยังเดินได้สะดวก เนื่องจากเป็นทางราบ เมื่อเดินผ่านไประยะ 100 เมตร จุดที่ลุงคล้ายวิเคราะห์ว่าเด็กเดินมาถึงจุดนี้ เเล้วถูกอุ้ม บริเวนโดยรอบเป็นไร่มันสำปะหลัง ทางเดินยังราบเรียบ

ลุงคล้าย ระบุว่า คนร้ายคงมาจากทิศตะวันออกของภูเขา เเต่จะมาเส้นทางไหนก็ไม่ทราบ เเต่เชื่อว่าคนร้ายคงมีการมาดูลาดเลาไว้ล่วงหน้า เเละคิดว่าคนร้ายไม่ชำนาญพื้นที่ เพราะจุดที่นำศพไปทิ้งนั้น สำหรับคนพื้นที่ถือว่าไม่ไกล เพราะถ้าหากคนที่ทำเป็นคนชำนาญทาง หรือเป็นชาวบ้านกกกอก"ผมการันตีเลยว่า ไม่มีใครเจอศพเเน่นอน"

จากนั้นทีมข่าวเดินตัดไปทางด้านซ้าย (ทิศเหนือ) ตามที่ลุงคล้ายวิเคราะห์ว่าคนร้ายอาจอุ้มน้องชมพู่มาเส้นทางนี้ ตีนภูทางเดินยังราบเรียบ เเต่เมื่อเริ่มขึ้นภู ทางจะเริ่มเป็นเนิน มีหญ้าเพ็กขึ้นรกทั่วบริเวณ

เมื่อเดินต่อระยะทาง 600 เมตร ทีมข่าวพบอุปสรรค คือ ทางเป็นเนินสูงชัน 30 องศา สลับโขดหิน ทีมข่าวเดินลัดเลาะหลบโขดหิน เเต่มีหิน 2 ก้อน ที่หลบเลี่ยงไม่ได้ เพราะขวางทางเดิน ก้อนเเรก ความสูงวัดได้ 50 เซนติเมตร ความกว้างวัดได้ 170 เซนติเมตร ก้อนหินก้อนที่ 2 ความสูงวัดได้ 100 เซนติเมตร ความกว้างวัดได้ 320 เซนติเมตร

เมื่อเดินต่อขึ้นไปอีก 300 เมตร ก็ถึงพักที่ 1 โดยลุงคล้าย ระบุว่า เมื่อคนร้ายพาเด็กมาถึงจุดนี้ อาจพาเด็กอ้อมไปทางซ้าย เพราะกลัวคนที่ตามหาจะมาเห็น ซึ่งจุดที่อ้อมไปทางซ้าย จะมีถ้ำเเละลำห้วย คาดว่าคงเอาเด็กไปทิ้งไว้ตรงนั้น

จากนั้นลุงคล้ายเดินนำทีมข่าวอ้อมไปทางด้านซ้าย สภาพพื้นที่ไม่สูงชัน ส่วนใหญ่เป็นเป็นพื้นราบ เมื่อเดินต่อไประยะทาง 500 เมตร ก็พบกับลำธาร เเละตรงกลางลำธารมีถ้ำ โดยชาวบ้านเรียกว่าถ้ำน้ำลอด สาเหตุที่เรียกว่าถ้ำน้ำลอด เพราะน้ำจากลำธารจะไหลลอดลงถ้ำ

สำหรับถ้ำดังกล่าว ลึก 5 เมตร ความกว้างวัดจากปากถ้ำ 8 เมตร โดยลุงคล้ายคาดว่า ช่วงวันที่ 11 หรือ 12 พ.ค.63 คนร้ายน่าจะนำเด็กมาปล่อยไว้ตรงนี้ เพื่อหลบคน จากนั้นปล่อยให้เด็กเดินเอง แล้วเด็กคงเดินไปทางทิศตะวันออก โผล่จุดพบรถเเบ็กโฮ

จากนั้นลุงคล้าย นำทีมข่าวเดินต่อ สภาพพื้นที่เป็นเนิน เเต่ไม่สูงชัน สามารถเดินได้สะดวก เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ 600 เมตร ก็ถึงจุดพบรถเเบ็กโฮ ลุงคล้าย ระบุว่า เมื่อเด็กเดินมาถึงจุดนี้ สภาพเด็กคงอ่อนเเรง เดินต่อไม่ไหวเเล้ว ไม่สามารถขึ้นผาสูงชันได้ ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ ที่คนร้ายจะวกกลับมานำเด็กขึ้นไป

จากนั้นลุงคล้ายนำทีมข่าวเดินขึ้นผา ความชัน 60 องศา เมื่อเดินขึ้นไปเรื่อย ๆ 540 เมตร ก็ถึงผาหินที่พบกางเกง เดินถัดจากผาหิน 30 เมตร ก็ถึงจุดพบศพ โดยลุงคล้ายระบุว่า วันที่ 13 พ.ค.63 คนร้ายอาจนำเด็กมาพักไว้ตรงผาหินที่พบกางเกง เมื่อทิ้งเสร็จก็หนีไป ส่วนเด็กก็คงตะเกียกตะกายหาทางลง เเล้วมาสิ้นใจตายตรงจุดพบศพ

สรุปการเดิน ตามเส้นทางของลุงคล้าย ทีมข่าวเดินระยะทางรวม 2,670 เมตร ใช้เวลาเดินถึงจุดพบศพ 1 ชั่วโมง 30 นาที

นางสาวิตรี ให้ข้อมูลว่า การที่จะพักคดีภายใน 90 วัน มันมาจากการตายที่ไม่ผิดธรรมชาติ แต่คดีน้องชมพู่พิสูจน์แล้วว่าเป็นการตายผิดธรรมชาติ แม่จึงไม่รู้สึกกังวลเพราะตำรวจยังคงสืบสวน มีอะไรบ่งบอกว่าตายผิดธรรมชาติ อย่างเช่น ผมถูกตัด เสื้อหาย

นายไชย์พล วิภา ลุงของชมพู่ กล่าวว่า ตนหวังว่าตำรวจจะทำงานตรงไปตรงมา อย่างรอบครอบ ตนเชื่อว่าเรื่องที่ออกมาเป็นบทสรุปน่าจะพอใจทุกฝ่าย สุดท้ายจะพักคดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของตำรวจ

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ไปพูดคุยกับนายบุญทัน เชื้อตาพระ อายุ 53 ปี ชาวบ้านกกกอก เปิดเผยว่า ถ้าหากจะมีการพักคดี ตนก็รู้สึกเห็นด้วย เพราะถ้าพักคดี ตำรวจหยุดแล้วเงียบเหมือนตำรวจเฉย แต่ในใจนั้นไม่เฉย ยุติเรื่องราวทุกอย่างทั้งทางสื่อ บางสิ่งบางอย่างอาจจะปรากฏออกมา หรืออาจจะทำให้คนร้ายหย่ามใจ มีความประมาท ทำให้หลักฐานโผล่ออกมา เพราะยิ่งถ้าเจ้าหน้าที่ยังสืบสวน คนร้ายก็จะยังระมัดระวังเก็บตัวและไม่ประมาท เพราะตอนนี้ถ้ายิ่งมีเรื่องสลับซับซ้อน และชาวบ้านไม่เข้าใจก็อาจจะเกิดการแตกกันเอง และถ้าพักคดีแล้วชาวบ้านกลับมาสามัคคีกัน ก็อาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

นายบุญทัน ยังบอกอีกว่า ตนคิดว่าเจ้าหน้าที่ใช้เงินงบประมาณมากเกินไป ทุ่มเทเกินไปกับคนๆเดียว ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ทำถึงขนาดนั้น เพราะถ้าตำรวจเห็นว่าถึง 90 วัน และเป็นการสมควรก็ควรพักคดี

อย่างไรก็ตาม เมื่อสรุปความคิดเห็นชาวบ้านต่อการพักคดี มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ นางสาวิตรี บอกว่า "มั่นใจไม่มีการพักคดี" ลุงพลและป้าแต๋น บอกว่า "แล้วแต่ดุลพินิจของตำรวจ" ย่าน้องอชิ บอกว่า "ไม่อยากให้ตำรวจพักคดีชมพู่" นางอุ่น บอกว่า "ไม่อยากให้พักคดี" และ หมอปลา บอกว่า "ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0