คุณนฤมล อร่ามศรี เล่าเหตุการณ์ผ่าน JS100 เหตุเกิดวานนี้(17พ.ย.61) เวลาประมาณ 12.00น. ตนมีอาการปวดหลัง จึงไปซื้อยากินเองที่ร้านขายยา แถวตลาดห้วยขวาง โดยบอกเภสัชกรว่า ขอซื้อยาไพร็อกซิแคม (Piroxicam) ขนาด 20 มิลลิกรัม ทางเภสัชกรก็จ่ายยาให้ ซึ่งยานี้ต้องกินครั้งละ 1 เม็ด แต่พอได้ยามาแล้ว ตนกินไป 2 เม็ด เพราะคิดเอาเองว่าเพิ่มปริมาณยาจะทำให้อาการปวดหลังหายเร็วขึ้น แต่พอกินไปได้แค่ 5 นาที จู่ๆรู้สึกแน่นหน้าอก หายใจติดขัด เหงื่อออก คล้ายจะเป็นลม มองไปทางไหนก็เบลอไปหมด จึงรีบบอกแม่ค้าแถวนั้นว่าให้ช่วยเรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่คลินิกศูนย์แพทย์พัฒนา ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม เพราะมีประวัติป่วยเป็นโรคไฮเปอร์ไทรอยด์อยู่ที่นั่น
พอตนขึ้นรถแท็กซี่ ตนได้แต่บอกกับคนขับว่า มือถือไม่ได้ล็อค เบอร์สุดท้ายที่โทรเป็นของพี่สาว ถ้ามีอะไรให้โทรได้เลย เพราะเกรงว่าตนจะเป็นลมหมดสติเสียก่อน ระหว่างทางได้ถ่ายรูปป้ายทะเบียนรถไว้ ตอนนั้นอยู่ในอาการสะลึมสะลือใกล้หมดสติ รู้สึกว่าแท็กซี่ขับเร็วมาก และบีบแตรขอทางตลอดทาง พอไปถึงคลินิกศูนย์แพทย์พัฒนาก็ได้ยินเสียงคนขับถามว่าห้องฉุกเฉินอยู่ไหน จากนั้นก็เลือนลางมากๆ รู้ตัวอีกทีแพทย์ให้สูดออกซิเจนอยู่ ตนนึกขึ้นได้ก็บอกพยาบาลว่าช่วยเอาเงินค่าโดยสารให้คนขับแท็กซี่ด้วย แต่พยาบาลบอกว่ามาส่งเสร็จ ก็เห็นรอสอบถามให้แน่ชัด พอรู้ว่าปลอดภัยแล้วก็กลับเลย ไม่ขอรับค่าโดยสาร
ตอนนี้ตนเองอาการดีขึ้นแล้ว กลับบ้านได้แล้ว เลยอยากประชาสัมพันธ์ตามหาคนขับแท็กซี่คนดังกล่าว อยากจะขอบคุณที่ช่วยรีบพาส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที ที่สำคัญกระเป๋าของตนเองมีของมีค่าเยอะมาก แต่ไม่มีอะไรหายสักชิ้น และอยากให้คนขับแท็กซี่มารับค่าโดยสารและสินน้ำใจด้วย ถ้าไม่สะดวกก็ขอเลขที่บัญชีจะได้โอนให้ ทั้งนี้ JS100 ประสานงานเจ้าหน้าที่ตำรวจตามหมายเลขทะเบียนรถที่คุณนฤมลถ่ายรูปไว้ เป็นรถแท็กซี่ สีชมพูคาดแถบน้ำเงิน ทะเบียน ทษ-2997 เป็นของสหกรณ์แท็กซี่ไทย จำกัด เขตจอมทอง ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงานเพิ่มเติม หากผู้ใดติดต่อได้กรุณาโทรกลับเบอร์ 1137 หรือ *1808
อย่างไรก็ตาม สำหรับยาไพร็อกซิแคม (Piroxicam) ทางด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า เป็นยาประเภทกลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เป็นการลดการอักเสบ ออกฤทธิ์แก้ปวดตามข้อ ถือเป็นยาอันตรายที่ต้องทานตามคำแนะนำของแพทย์ มีผลข้างเคียงต่อหัวใจ ไต กระเพาะอาหาร หากคนเป็นโรคไต หรือโรคหัวใจ ทานเข้าไปอาจทำให้เสียชีวิตได้ ตามหลักต้องสอบถามประวัติผู้ป่วยก่อนที่จำหน่ายยาชนิดนี้ ปกติแพทย์จะจ่ายยาตัวอื่นเป็นทางเลือกก่อน
