Highlight

กระแสราคาทองคำที่ทุบสถิติใหม่ ปรับราคากันวันละหลายๆ รอบ สำหรับราคาทองคำในประเทศ ตอกย้ำถึง “เสน่ห์ของการลงทุนทองคำ” ได้เสมอ

ราคาทองพุ่งสูง จากแรงผลักดันที่มาจากผลกระทบเรื่องสถานการณ์ของโควิด-19 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า และสถาการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก

ไม่เพียงแต่ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ เท่านั้น ที่ราคาทะยานขึ้น แต่กองทุนทองคำ ก็ทำผลงานได้ดีเยี่ยม

บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) เปิดเผยผลตอบแทนอุตสาหกรรมกองทุนรวมครึ่งแรกปี 63 พบว่า กองทุนทองคำ (Commodities Precious Metals) เป็นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด
▪️ โดยผลตอบแทน 1 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 23.18%
▪️ ขณะที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่ต้นปี (Year to date) อยู่ที่ 17.42%

ด้านกองทุนทองคำระดับโลกอย่าง SPDR Gold Shares (กองทุน ETF ที่กองทุนรวมทองคำไทยส่วนใหญ่เข้าลงทุน) มีเงินไหลเข้าสุทธิมากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้มูลค่าทรัพย์สินกองทุนสูงขึ้นราว 30%

40 กองทุนทอง ในไทยครึ่งแรกของปีนี้ให้ผลตอบแทนเกิน 20% ทุกกอง!!

ข้อมูลจาก “มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช” มีกองทุนรวมทองคำที่จดทะเบียนเกิน 6 เดือนทั้งหมด 40 กองทุน ปรากฏว่า ครึ่งแรกของปีนี้ให้ผลตอบแทนเกิน 20% ทุกกอง ต่ำสุดอยู่ที่ระดับ 21.05% สูงสุดอยู่ที่ 24.72% โดยกองฯ ที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

โอกาสสร้างผลตอบแทนจากการที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น แต่การลงทุนนั้นย่อมมาพร้อมกับความเสี่ยง และความผันผวน ด้วยเสียงเตือนที่ถี่ขึ้นของผู้จัดการกองทุน

“แนวโน้มกองทุนทองคำปีนี้มีแนวโน้มจะเป็นเงินไหลออกสุทธิต่อเนื่องจากปีก่อน เพราะจะมีแรงขายทำกำไรมากกว่าแรงซื้อ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างสูงมาก ส่งผลต่อข้อจำกัดด้านอัพไซด์ โดยให้น้ำหนักการลงทุนในลักษณะของการลดความเสี่ยงบางส่วน มากกว่าถือเป็นส่วนสำคัญของพอร์ต นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนทองคำในพอร์ตควรระมัดระวังกับภาวะตลาดที่ราคาปรับขึ้นเร็วและร้อนแรงจนทำให้อาจเกิดแรงขายทำกำไรออกมา” ความเห็นของ ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย)

ดังนั้น การกระจายความเสี่ยง เลือกจัดสรรเงินลงทุน ให้หลากหลาย ยังคงเป็นคำตอบในทุกยุค ทุกสมัย ตลอดกาล

Credit ข้อมูล
https://www.morningstarthailand.com/th/news/204428/ข้อควรพิจารณาก่อนลงทุนในทองคำ.aspx