โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สแกน 6 หุ้นเด่น เน้นลงทุนถือข้ามปี ภายใต้ธีมภารกิจ “Hold to the Moon”

Wealthy Thai

อัพเดต 07 ส.ค. 2566 เวลา 22.02 น. • เผยแพร่ 03 ธ.ค. 2564 เวลา 09.12 น. • Maratronman

แล้วก็เดินทางมาถึงช่วงสิ้นปี 2564 กันแล้ว ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาดูเหมือนว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของใครหลาย คนรวมถึงหลายภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด19 ที่ทำเอาระบบการใช้ชีวิตต่างๆทั่วโลกต้องปรับเปลี่ยนไปแบบไม่เหมือนเดิมที่อีกต่อไปหรือที่ใครหลายเรียกกันว่า ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal)
คงจะมีหลายคำถามว่า แล้วปี 2565 ภาพของเศรษฐกิจการอุปโภคบริโภคจะจะเป็นอย่างไรจะฟื้นตัวตามที่หลายสำนักเศรษฐกิจต่างๆของรัฐและเอกชนบอกไว้หรือไม่ แล้วการระบาดของไวรัสโควิด19 จะมีเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นอีกมาน้อยขนาดไหน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำได้ คือ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับปัจจัยไม่คาดคิดที่จะเข้ามา
หากมองย้อนกลับมาในมุมของหุ้นก็คงจะเช่นเดียวกัน นักลงทุนคงจะเริ่มมีคำถามแล้วว่า แล้วในปีหน้าจะเล่นหุ้นอะไรหรือควรจะลงทุนหุ้นกลุ่มไหนดี ในครั้งนี้ Wealthy Thai จึงได้นำเสนอหุ้นที่นักลงทุนพื้นฐานดีนักวิเคราะห์แนะนำที่นักลงทุนควรจะห่อหุ้นถือข้ามปีมาให้ดูกัน
โดยบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินกำไรต่อหุ้นของ SET ปี 2565 ที่ 94.2 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 13% จากปี 64 ได้เป้าหมายดัชนีสิ้นปี 2565 ในกรณีฐานที่ระดับ 1,750 จุด อิง PE Ratio ที่ 18.6 เท่า เทียบเคียงกับระดับค่าเฉลี่ย PE ย้อนหลัง 5 ปีของ SET + 0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
คาดตลาดหุ้นไทยปี หน้ายังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อจากพัฒนาการเชิงบวกของเศรษฐกิจไทยโดยคาด GDP ไทยปี 2565ขยายตัว 4%YoY จากทั้งภาคบริโภคที่ฟื้นตัว, ความเชื่อมั่นต่อการลงทุนจะสูงขึ้น,ยอดการส่งออกยังเติบโตต่อตามประเทศคู่ค้าที่เติบโต และภาคท่องเที่ยวที่จะปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
หากดูภาวะปัจจัยบวกส่วนใหญ่จะมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมเป็นหลัก เช่นความต้องการที่มากขึ้นทั่วโลกจากการที่ไทยมีภาคบริการที่ดีกว่า ซึ่งช่วยผลักดันรายได้ให้กับบริษัทของไทย โดดเด่นกว่าภูมิภาค ขณะที่นโยบายกระตุ้นกำลังซื้อของรัฐจะมีออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเน้นกลุ่มอุปโภคบริโภคในประเทศ และการเพิ่มการจ้างงาน อีกทั้งจะเป็นการสร้างความมั่นใจและมีเม็ดเงินเพิ่มกำลังการผลิตจากภาคเอกชน
ขณะเดียวสภาพคล่องของสินทรัพย์เสี่ยงยังคงสูงแม้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับขึ้นตามเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว นอกจากนี้ประเทศจีนจะเป็นตัวช่วยลดความกังวลเงินเฟ้อจากการชะลอตัวของการบริโภคและลงทุน รวมถึงนโยบายของภาครัฐที่เข้มงวดส่วน ปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นคืออัตรากำไรของผู้ผลิตทั่วโลก จะโดนกดดันจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และสาธารณูปโภค ซึ่งการปรับราคาให้สอดคล้องนั้นมีช่วง lag-time
ขณะเดียวกันโอกาสในการ rerate P/E ของ SETอาจจะทำได้ยากกว่าตลาดที่พัฒนาแล้ว (DM) เนื่องจากปัจจัยสนับสนุนในการเติบโตที่ยังดูไม่ชัดเจนนักเมื่อเทียบกับตลาดที่พัฒนาแล้วที่ได้อานิสงส์หลักจากการเติบโตด้านเทคโนโลยี รวมถึงมีแรงกดดันจาก LTF ที่ครบกำหนด 7ปี ซึ่งในปี 59มีแรงซื้อไปกว่า 22,000 ล้านบาท อาจจะเริ่มไถ่ถอนในช่วงต้น 65
มาถึงช่วงไฮไลท์ที่สำคัญของกลุ่มหุ้นที่เหมาะกับการถือลงทุนเอาไว้ข้ามปี มีจำนวนทั้งสิ้น 6 หุ้น ประกอบไปด้วยบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA,บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART,บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMTธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB,บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP และบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC
โดยหุ้นที่ทางบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) แนะนำนั้นเป็นหุ้นที่แนวโน้มกำไรกลับมาขยายตัวได้ดีและมีสตอรี่เด่นในการขับเคลื่อน ซึ่งเริ่มจาก EA โดยในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นแรงต่อเนื่องจากโมเมนตัมกำไรที่ดี ไตรมาส 3/64คาดจะเดินหน้าต่อจากฤดูกาลผลิตกระแสไฟฟ้า และปรับปรุงแผงโซล่าร์ใหม่ทำให้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูงขึ้น
ขณะที่ในภาพใหญ่ EA ได้เข้าไปอยู่ใน mega trend ของโลก EV แล้วโดยรายได้เริ่มทยอยเข้าตั้งแต่ไตรมาส 3/64และมีแผนส่งมอบ 120 คันปีนี้ และอีก 300 คันปีหน้า การหันมาจับตลาดรถบัส-รถบรรทุกไฟฟ้าเป็นแนวทางของโลก และนโยบายรัฐ ที่สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัท เรามองว่าธุรกิจนี้จะเติบโตได้แข็งแกร่ง คาดรายได้ปี 65 ขยายตัว +33.9% YoY เป็น 2.2 หมื่นล้านบาท และ กำไรสุทธิขยายตัว6.1% เป็น 7,000 ล้านบาท
มากันที่ JMART เป็น Investment HoldingCompany ที่ยังเติบโตแข็งแกร่งในปี 2565 นอกจาก 2 บริษัท JMT-SINGER ที่เป็นดาวโรจน์และแรงขับเคลื่อนหลักของกำไรมากกว่า80% สามารถเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 50%YoY ยังมีดาวรุ่งที่กำลังเข้าสู่ Growth stage อย่าง KBJ(ร่วมลงทุนกับ KB Kookminซึ่งเป็นธนาคารยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้เพื่อดำเนินธุรกิจสินเชื่อในไทย),JVentures (JVC: พัฒนาเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มในเครือฯ) นอกจากนี้ เม็ดเงินลงทุนและ Synergy ในภาคธุรกิจจากVGI-U จะสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในปีหน้า

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0