ตำรวจเบลารุสยิงกระสุนจริง ใส่ผู้ประท้วงผลการเลือกตั้ง ส่วน อียู เล็งคว่ำบาตร - BBCไทย
ประชาชนในเบลารุสยังคงออกมาชุมนุมประท้วงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างต่อเนื่องเป็นคืนที่ 3 และเกิดเหตุปะทะกับตำรวจในหลายเมืองเมื่อคืนวันที่ 11 ส.ค. โดยที่ตำรวจถูกกล่าวหาว่าได้ทุบตีและใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุต่อกลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่กระทรวงมหาดไทยระบุว่าตำรวจได้ยิงกระสุนจริงใส่ผู้ประท้วงที่เข้าทำร้าย
กระทรวงมหาดไทยเบลารุสเผยว่า กลุ่มผู้ประท้วงในเมืองเบรสต์ ทางภาคใต้ได้ใช้แท่งเหล็กทำร้ายตำรวจ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงปืนใส่เพื่อป้องกันตัว
ทีมข่าวบีบีซีในกรุงมินสค์ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายร่างกายขณะออกปฏิบัติงานในพื้นที่การประท้วง ซึ่งปะทุขึ้นหลังจาก นายอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก ชนะการเลือกตั้งได้ครองตำแหน่งประธานาธิบดีเบลารุส เป็นสมัยที่ 6 ซึ่งถือเป็นผู้นำประเทศที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดในยุโรป
- ผู้นำเบลารุส กับฉายา "เผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป"
- ผู้ประท้วงเบลารุสถูกจับกุมเหตุค้านเก็บภาษีคนว่างงาน
- ผู้นำเบลารุสแนะดื่มวอดก้าและอบซาวน่าช่วยป้องกันโควิด-19
ด้านนางสเว็ตลานา ทีคานอฟสกายา ผู้นำฝ่ายค้านประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง และหลบหนีออกนอกประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อความปลอดภัย
ขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) ระบุว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีเบลารุสเมื่อวันที่ 9 ส.ค. "ไม่เป็นอิสระและไม่ยุติธรรม
อียูเล็งคว่ำบาตร
รัฐมนตรีต่างประเทศสวีเดน ระบุว่า คณะรัฐมนตรีต่างประเทศอียูจะประชุมกันในวันศุกร์ที่ 14 ส.ค.นี้ เพื่อหารือว่าจะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อเบลารุสหรือไม่
นายลูกาเชนโก ได้คะแนนเสียง 80% ของการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางข้อกล่าวหาจากหลายฝ่ายเรื่องการโกงการเลือกตั้ง
โดยหลังจากนางทีคานอฟสกายาเข้าแจ้งเรื่องร้องเรียนเรื่องผลการเลือกตั้งที่เธอได้คะแนนเสียงไปเพียง 10% เธอได้ถูกควบคุมตัวเป็นเวลาหลายชั่วโมง และเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (11 ส.ค.) เธอได้เดินทางไปยังลิทัวเนีย
นายโจเซฟ บูร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กล่าวหาทางการเบลารุสว่า "ใช้ความรุนแรงเกินกว่าเหตุอย่างไม่อาจยอมรับได้ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คนและบาดเจ็บอีกหลายคน"
มีรายงานว่า เว็บไซต์หลายรายในเบลารุสที่ถูกปิดกั้นการใช้งานมาเป็นเวลาหลายวัน เริ่มกลับมาใช้งานได้อีกครั้งเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (12 ส.ค.) ขณะที่สถานีโทรทัศน์ของทางการเอ่ยถึงการประท้วงเพียงเล็กน้อย และมีผู้ดำเนินรายการ 2 คน ประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจำนวนมากเรื่องที่ตำรวจใช้ความรุนแรงต่อประชาชน เช่น มีการพบเห็นคนถูกดึงลงจากรถยนต์ในคืนที่ 3 ของการประท้วง และมีผู้ประท้วงคนหนึ่งเสียชีวิต ส่วนอีก 200 คน ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้ที่อาการสาหัสรวมอยู่ด้วย อีกทั้งยังมีผู้ถูกตำรวจควบคุมตัวอีกหลายพันคน
โฆษกกระทรวงมหาดไทยระบุว่า เฉพาะเมื่อคืนนี้มีผู้ถูกควบคุมตัวอย่างน้อย 1,000 คน และมีตำรวจรวมทั้งกองกำลังฝ่ายความมั่นคงบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่งในเหตุไม่สงบที่ชาวกรุงมินสค์ และเมืองใหญ่อื่น ๆ
แม้ภาพการใช้ความรุนแรงของตำรวจได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้ได้พบเห็น แต่หนังสือพิมพ์ของทางการที่ชื่อ Belarus Segodnya รายงานว่ามีการควบคุมตัว "กลุ่มผู้ประสานงาน" การประท้วง ซึ่งรวมถึงชาวกรุงมินสค์คนหนึ่งที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้จัดให้เกิด "เหตุไม่สงบครั้งใหญ่" จากห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่ง
เกิดอะไรขึ้นในพื้นที่การประท้วง
นายอับดูจาลอิล อับดูราซูลอฟ ทีมข่าวบีบีซี ประจำกรุงมินสค์ ระบุว่า กลุ่มผู้ประท้วงไปชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายเมื่อคืนวานนี้ที่บริเวณใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินแห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมืองหลวง แต่สถานการณ์ได้ลุกลามไปเป็นเหตุปะทะรุนแรงอย่างรวดเร็ว
ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดแสง ก่อนที่จะแผ่กระจายกำลังเพื่อผลักดันผู้ประท้วงให้ถอยร่นไป
ผู้ประท้วงบางคนล้มลุกคลุกคลานขณะพยายามหนี และถูกตำรวจไล่ต้อนเข้าไปในสนามหญ้าบริเวณกลุ่มอาคารชุดพักอาศัย เมื่อกลุ่มผู้ประท้วงจนมุม ตำรวจจึงได้ใช้กระบองเข้าทุบตีอย่างรุนแรง ท่ามกลางสายตาของผู้พักอาศัยในอะพาร์ตเมนต์ที่ตะโกนสาบแช่งและโห่ร้องขับไล่ตำรวจ
ก่อนหน้านั้น ทีมข่าวบีบีซีได้ถูกกลุ่มชายชุดดำ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทำร้ายร่างกาย
"เอากล้องออกไป" กลุ่มชายชุดดำตะโกนสั่งขณะเดินเข้าหาทีมข่าวบีบีซี ที่แสดงบัตรสื่อมวลชนที่รัฐบาลออกให้ แต่เจ้าหน้าที่นายหนึ่งได้กระชากบัตรดังกล่าวออกจากคอทีมงานหญิง จากนั้นได้ยึดกล้องของเธอไปและพยายามทำลายมัน
เมื่อทีมข่าวพยามขอบัตรสื่อมวลชนคืน เจ้าหน้าที่นายหนึ่งได้ใช้ไม้กระบองทุบตีทีมงาน แต่เคราะห์ดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยนอกจากทีมข่าวบีบีซีแล้ว ยังมีรายงานว่าผู้สื่อข่าวหลายคนในกรุงมินสค์ได้ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงข่มขู่คุกคามเมื่อคืนนี้ และมีข่าวการจับกุมผู้สื่อข่าวของสื่อฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลด้วย อีกทั้งมีการทำลายและยึดอุปกรณ์การทำงานไปด้วย
"เผด็จการคนสุดท้ายของยุโรป"
นายลูกาเชนโก วัย 65 ปี ครองอำนาจในเบลารุส มาตั้งแต่ปี 1994 เขาเป็นผู้นำที่ใช้อำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เหมือนกับในยุคโซเวียต ควบคุมสื่อหลัก กลั่นแกล้งและคุมขังศัตรูทางการเมือง
เขาเผชิญกับการประท้วงต่อต้านครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี มาตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง 9 ส.ค. และมีการจับกุมผู้ประท้วงหลายร้อยคนจากการประท้วงหลายระลอกที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่เดือน พ.ค.
ด้านนางทีคานอฟสกายา ซึ่งเป็นคู่แข่งหลัก ได้ลงสู่สนามเลือกตั้ง หลังจากที่นายเซอร์ไก ทีคานอฟสกายา สามีของเธอ ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์ที่มีคนชื่นชอบจำนวนมาก ถูกขัดขวางไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งและถูกจำคุก
องค์กรว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป (Organization for Security and Co-operation in Europe--OSCE) ซึ่งเป็นหน่วยงานสังเกตการณ์เลือกตั้งแถวหน้า เห็นว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาในสมัยของนายลูกาเชนโกไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
สำหรับกระแสความโกรธแค้นรัฐบาลของนายลูกาเชนโกส่วนหนึ่งมาจากการจัดการเรื่องการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยที่ผ่านมาผู้นำเบลารุสมักพยายามพูดลดทอนความร้ายแรงของโรคระบาดที่เกิดขึ้น พร้อมแนะนำให้ประชาชนต่อสู้กับโรคนี้ด้วยการดื่มเหล้าวอดก้า และเข้าห้องซาวน่า
เบลารุส ซึ่งมีประชากร 9.5 ล้านคน มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกือบ 70,000 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 600 คน