เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า ได้ทำหนังสือส่งถึงเฟซบุ๊คทั้งในรูปแบบอีเมลและเอกสารเพื่อให้ดำเนินการปิดกลุ่มที่ทำความผิดทางเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ซึ่งที่ผ่านมามัเรื่องร้องเรียนและกระทรวงฯ ได้ตรวจสอบพบว่ากระทำความผิดจริงช่วงเดือนเม.ย.2563 อยู่ที่ 1,365 ยูอาร์แอล และเฟซบุ๊คได้ทำการปิดไปแค่ 236 ยูอาร์แอล ซึ่งที่เหลืออีก 1,129 ยูอาร์แอล ที่เฟซบุ๊คไม่ดำเนินการให้ทั้งๆ ที่มีคำสั่งศาลไป ต่างจากยูทูบที่ว่าเนื้อหาที่เผยแพร่ออกไปผิดตามพ.ร.บ.คอมฯ อยู่ที่ 135 ยูอาร์แอล และก็ดำเนินการปิดให้ทั้งหมด
“ที่ผ่านมาเฟซบุ๊คอาจอ้างว่าไม่ได้รับหนังสือหรือหมายศาลอย่างเป็นทางการ ถือว่าเราให้เวลามานาน แต่ครั้งนี้ตนจะต้องส่งหนังสือไปอีกครั้งเพื่อให้ทราบว่ากระทรวงฯ จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฏหมาย เพราะปล่อยเวลามา 3 เดือนก็ไม่ดำเนินการ เพราะตามมาตรา 27 ตาม พ.ร.บ.คอมฯ จะดำเนินการภายใน 15 วัน เพื่อให้เคารพหรือดำเนินการตามคำสั่งศาลของไทย เราต้องเดินต่อให้สุด ประเทศไทยเราเคารพและจะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม และหากครบ 15 วันนับตั้งแต่วันนี้ หากเฟซบุ๊คไม่ดำเนินการก็จะดำเนินคดีตามกฏหมายคือ มีทั้งโทษอาญาและโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท นอกจากนี้ ยังมีการปรับรายวันไม่เกิน 5 พันบาทด้วย”
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในช่วง 1 สัปดาห์แรกของการเปิดตัว “เพจอาสาจับตาออนไลน์” เพื่อให้ประชาชนส่งข้อมูลแจ้งเบาะแสสื่อสังคมออนไลน์/เว็บผิดกฎหมายเข้ามาแล้ว 1,050 รายการ (ยูอาร์แอล) โดยจากการตรวจสอบพบว่าเป็นการแจ้งเรื่องเดียวกัน (แจ้งซ้ำ) จำนวน 559 รายการ (ยูอาร์แอล) โดยหลังผ่านกระบวนการตรวจสอบ รวบรวมหลักฐาน ได้ดำเนินการยื่นศาลขอปิดกั้น จำนวน 181 รายการ (ยูอาร์แอล) และศาลมีคำสั่งแล้วทั้ง 7 รายการ (ยูอาร์แอล)
"ขณะที่ มีเรื่องอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 174 ยูอาร์แอล แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 1.หลอกลวง ถูกฉ้อโกง จำนวน 35 ยูอาร์แอล (ให้คำปรึกษาประชาชนในการแจ้งความแล้ว) 2.พนันออนไลน์ จำนวน 25 ยูอาร์แอล (ประสานให้ตำรวจพิจารณาดำเนินการ) 3. ข่าวปลอม จำนวน 1 ยูอาร์แอล (ประสานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมตรวจสอบ) และ 4.อยู่ระหว่าการตรวจสอบข้อกฎหมาย จำนวน 101 ยูอาร์แอล"
ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงฯ ได้เร่งรัดระบบรับเรื่องร้องเรียนสื่อออนไลน์ให้รวดเร็วยิ่งขึ้น กระบวนการรวบรวมและตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ต้องเสร็จสิ้นภายใน 48 ชั่วโมง แล้วส่งให้ศาลอนุมัติคำสั่ง เพื่อทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และตำรวจที่เกี่ยวข้องไปตามจับผู้กระทำผิดได้โดยเร็ว ตลอดจนส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดเว็บหรือลบเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม โดยที่ผ่านมาเฉพาะครึ่งปีแรกของปี 2563 รับแจ้ง 8,715 เว็บ ส่งศาลเพื่อออกคำสั่งไปแล้วทั้งสิ้น 7,164 เว็บ