ถ้าพูดถึงเรื่องกฎระเบียบของทรงผมนักเรียน หลาย ๆ คนก็คงจะคิดถึงเรื่องดราม่าเกี่ยวกับทรงผมที่เกิดขึ้นในบ้านเราเมื่อไม่นานมานี้ ฝั่งนักเรียนก็อาจจะคิดว่าเรื่องทรงผมไม่น่าเกี่ยวกับเรื่องผลการเรียน ฝั่งอาจารย์ก็อาจจะคิดในเรื่องความเป็นระเบียบตามกฎของโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมาอาจารย์ก็อาจจะมีการลงโทษนักเรียนด้วยการตัดผมแหว่งบ้าง ซึ่งตอนนี้เขาก็ได้มีการสั่งห้ามทำโทษด้วยวิธีนี้แล้ว แต่เรื่องของกฎระเบียบทรงผมก็ยังจะเป็นที่ถกเถียงกันในบ้านเราอีกนาน
อีกหนึ่งประเทศที่มีดราม่าเรื่องระเบียบทรงผมไปพร้อม ๆ กับบ้านเราเช่นกันก็คือ “ประเทศญี่ปุ่น” ครับ โดยกฎระเบียบเรื่องทรงผมของญี่ปุ่นก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละโรงเรียน แต่โดยรวมแล้วค่อนข้างมีอิสระกว่าบ้านเรา เช่น ในอดีตนักเรียนหญิงของบางโรงเรียนอาจจะมีกฎห้ามทำสีผม ใครไปทำสีผมมาต้องย้อมกลับมาเป็นสีดำเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกร้องเรียนไปในปีที่แล้ว แล้วทางบอร์ดการศึกษาก็ต้องยอมแพ้ ประกาศยกเลิกการบังคับนักเรียนหญิงให้ต้องย้อมสีผมกลับมาเป็นสีดำ …
แต่ตอนนี้ก็มีดราม่าใหม่ตามมาอีกแล้วครับ เมื่อนาย Yuichi Ikegawa สมาชิกสภาเมืองโตเกียวได้ตั้งกระทู้คำถามประธานบอร์ดการศึกษาในการประชุมสภาเมืองโตเกียวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เขาได้รับการร้องเรียนและสอบถามจากนักเรียนชายหลายคนเรื่องที่ทางเมืองโตเกียวมีกฎให้แบนทรงผมไถข้างแบบ “two block” ไม่ให้นักเรียนชาย ม.ปลายในโตเกียวที่สังกัดกับทางรัฐไว้ทรงนี้
ทรงผมไถข้างแบบ “two block” เป็นทรงผมที่กำลังฮิตกันในตอนนี้ในเอเชียทั้งในเกาหลี ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงไทยด้วย โดยทรงผมแบบนี้ลักษณะจะเป็นการไถผมด้านข้างไล่มาจนถึงด้านหลังแบบไล่ระดับส่วนผมด้านบนก็จะปล่อยให้ค่อนข้างยาวและจัดแต่งทรงด้วยการสไลด์ ซึ่งเป็นทรงผมที่พัฒนามาจากทรง Undercut ให้เหมาะกับรูปหน้าของผู้ชายเอเชียมากขึ้น และเริ่มฮิตมาจากทางเกาหลี
เราจะเห็นว่าดาราเกาหลีหลาย ๆ คนนิยมไว้ทรงนี้จนกลายเป็นทรงผมฮิตในปีนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งตอนนี้กระแสของทรงผม two block ก็กำลังมาแรงในญี่ปุ่นเช่นกันครับ จนทางเมืองโตเกียวได้ออกคำสั่งห้ามนักเรียนชายไว้ทรงผมนี้ จนกลายเป็นเรื่องดราม่าในญี่ปุ่นว่าทางเมืองโตเกียวมีเหตุผลอะไรกันแน่ ?
โดยนาย Yuichi Ikegawa ก็ได้ตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้กับประธานบอร์ดการศึกษาแทนนักเรียน โดยเขาบอกว่าเหล่านักเรียนได้ลองไปถามกับอาจารย์ที่โรงเรียน แต่ก็ได้คำตอบกลับมาแค่ว่า “มันเป็นกฎของโรงเรียน ที่พวกเธอต้องปฏิบัติตาม”
ประธานบอร์ดการศึกษาของโตเกียว คุณ Yuji Fujita ก็ได้ลุกขึ้นตอบคำถามนี้กลางสภา และคำตอบของเขาก็ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์หนักกว่าเดิมซะอีก ! โดยเขาให้คำตอบว่ากฎการแบนทรงผมแบบ two blockนี้มีไว้เพื่อปกป้องนักเรียนของเรา เพราะจากเคสที่ผ่านมา รูปลักษณ์ของทรงผม two blockมีส่วนเกี่ยวของกับการทำให้เกิดคดีความหรืออุบัติเหตุในกลุ่มนักเรียนอยู่เป็นประจำ !!
แน่นอนว่าคำตอบของประธานบอร์ดการศึกษาของโตเกียวสร้างความงุนงงให้กับนาย Yuichi Ikegawa ผู้ตั้งกระทู้ถาม และประชาชนชาวญี่ปุ่นทั่วไปที่ได้รับชมเป็นอย่างมาก โดยเขาถามกลับไปยังบอร์ดการศึกษาโตเกียวอีกครั้งว่ามันมีเอกสารอ้างอิงหรือหลักฐานอะไรไหมที่จะบอกว่าการไว้ทรงผม two block ของนักเรียนนั้นมีส่วนกับการเกิดคดีหรืออุบัติเหตุที่ผ่านมา ?
คือถ้านักเรียนจะเกิดคดีหรืออุบัติเหตุขึ้นมันก็น่าจะเป็นหลาย ๆ ปัจจัยรวมกัน การที่ทางบอร์ดการศึกษาตัดสินใจในการแบนทรงผม two block จึงเป็นการตัดสินใจโดยพลการ ขัดต่อความพยายามที่จะพัฒนาการศึกษาญี่ปุ่นให้ไปสู่ยุคใหม่ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้มีคำตอบจากทางบอร์ดการศึกษาเพิ่มเติมแต่อย่างใด …
จากประเด็นเรื่องการแบนทรงผม two block ก็ถูกขยายความการเป็นดราม่าเรื่องของกฎระเบียบและอิสระเสรีภาพในญี่ปุ่นเช่นกัน มีนักข่าวและรายการทีวีได้ทำการสัมภาษณ์คนที่ไว้ทรงผมแบบ two block ว่าที่ผ่านมาเคยเกิดคดีหรืออุบัติเหตุอะไรที่เกี่ยวกับทรงผมบ้างไหม แต่ส่วนใหญ่ก็จะบอกว่า มันก็มีอุบัติเหตุในชีวิตบ้างเป็นปกติ แต่เขาก็ไม่คิดว่าทรงผมมันจะเกี่ยวกับการเกิดอุบัติเหตุหรอกนะ ส่วนเหตุผลที่คนนิยมไว้ผมทรงนี้ บางคนก็ตอบว่าเพราะเป็นแฟชั่นฮิต บางคนก็บอกว่ามันง่ายต่อการดูแลรักษา ไม่ต้องตัดบ่อย เป็นต้น
แต่ถ้ามองกลับมายังฝั่งของบอร์ดการศึกษาของโตเกียว เหตุผลที่เขามองว่าทรงผมแบบ two block นั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดคดีหรืออุบัติเหตุได้นั้น อาจจะเป็นเพราะว่าในสมัยก่อน การไว้ทรงผมผม“โมฮอร์ค” นั้นเป็นที่นิยมในญี่ปุ่น และทรงผมแบบนี้เองก็จัดเป็นทรงผมแบบ two block ประเภทหนึ่ง ทรงผมนี้มันมักจะถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของเหล่าเด็กเกเร แก๊งมอเตอร์ไซค์ แก๊งอันพา ลเป็นต้น ดังนั้นทางบอร์ดอาจจะต้องการหลีกเลี่ยงการที่ภาพลักษณ์ของโรงเรียนอาจจะเสียหายถ้าเกิดนักเรียนไว้ทรงผมแบบนี้กันเยอะ ๆ ก็เป็นได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในเรื่องของเสรีภาพกับความเป็นกฎระเบียบ เชื่อว่ากลุ่มคนในยุคก่อนก็คงเคยผ่านประสบการณ์เหล่านี้มาแล้วทั้งนั้น ทั้งการถูกทำโทษ ถูกตี ถูกตัดผมจนแหว่ง แต่ตอนนี้ยุคสมัยมันก็เปลี่ยนไป แล้วเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่าสิ่งที่เราทำสืบต่อกันมานั้นมันดีจริงหรือไม่ ข้อดีมันมากกว่าข้อเสียไหม
การที่คนรุ่นใหม่กล้าลุกขึ้นมาตั้งคำถามในสังคมก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการขบคิดขึ้นในสังคม ซึ่งก็แน่นอนว่าอาจจะมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยเป็นธรรมดา ต่างฝ่ายก็มีเหตุผลในมุมมองของตน ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ต้องถกเถียงเพื่อหาคำตอบกันต่อไปอีกยาวนาน
อ้างอิงข่าวจาก metro.tokyo.dbsr.jp
ติดตามบทความใหม่เกี่ยวกับเรื่องน่ารู้และเรื่องแปลก ๆ ของประเทศญี่ปุ่นทาง LINE TODAY: TOP PICK TODAY จากผมได้ทุกวันเสาร์นะครับ
ช่องทางการติดตามเพิ่มเติม
Facebook :Eak SummerSnow
Youtube : Eak SummerSnow
