กลายเป็นพระเอกเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้นสำหรับเอริค มักซิม ชูโป-โมติง หัวหอกวัย 31 ปีของ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ที่เป็นผู้ซัดประตูชัยพาต้นสังกัดลิ่วเข้าสู่รอบตัดเชือกศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ
ซึ่งภูมิหลังก่อนที่ชูโป-โมติง ที่มายืนอยู่ ณ จุดตรงนี้ เขาต้องผ่านเรื่องราวมากมาย เรียกได้ว่าเหมือนเส้นกราฟที่กำลังจะตกสู่จุดต่ำจุด พุ่งขึ้นมาถึงในปัจจุบันนี้ ว่าแล้วเราลองไปไล่เรียงกันดูหน่อยว่าชีวิตที่ผ่านมาของนาย ชูโป-โมติง มันเป็นอย่างไรกันบ้าง
แจ้งเกิดฟุตบอลลีกเมืองเบียร์
ย้อนกลับไปในวันที่ลืมตาดูโลกเจ้าตัวเกิดที่ประเทศเยอรมัน แต่ถือสัญชาติของแคเมอรูน ดังนั้นมันจึงไม่แปลกที่กับทีมชาติชุดใหญ่ ชูโป-โมติง จะเลือกรับใช้ทัพ "หมอผี" ทั้งที่สมัยเขาวชนเจ้าตัวติดทีมชาติเยอรมันมาแทบทุกชุด โดย ชูโป-โมติง เริ่มแจ้งเกิดในเส้นทางสายฟุตบอลกับสโมสร ฮัมบูร์ก โดยเข้าไปร่วมทัพฝึกปรือวิชาลูกหนังตั้งแต่อายุเพียง 15 ปีเท่านั้น
ก่อนที่ชีวิตจะพเนจรอยู่กับทีมในลีกเมืองเบียร์ไม่ว่าจะเป็น เนิร์นแบร์ก, ไมนซ์ และ ชาลเก้ 04 ที่ เจ้าตัวเริ่มจะมีชื่อเสียง โชว์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม และก้าวขึ้นมาเป็นแข้งกำลังหลักของทีม โดยตลอด 3 ปีในสีเสื้อ "ราชันสีน้ำเงิน" เจ้าตัวซัดไป 22 ประตู จากการลงสนาม 106 นัด จนกระทั่งฟอร์มเริ่มไปเข้าตากับทีมต่างแดนอย่าง สโต๊ด ซิตี้ ทีมเล็กๆ แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซึ่งนั้นคือโอกาสครั้งสำคัญในการที่เขาจะได้ออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับฟุตบอลต่างแดน
ชีวิตที่เกาะอังกฤษ
ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 ครั้งแรกกับการออกมาผจญภัยจากสถานที่เดิมๆเอริค มักซิม ชูโป-โมติง เลือกที่จะโยกย้ายมายังเกาะอังกฤษ ค้าแข้งกับสโมสร สโต๊ค ซิตี้ แน่นอนว่าด้วยชื่อเสียงที่เก็บมามากพอสมควรจากศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ทำให้แฟนบอลเองก็ตั้งความหวังกับหัวหอกรายนี้ไม่ใช่น้อยว่าจะช่วยเหลือทีมให้อยู่รอดปลอดภัยในศึกพรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
โอเคละครับว่าการออกสตาร์ท 3 เกมแรกในลีก ชูโป-โมติง อาจจะยังปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลสไตล์อังกฤษ และรูปแบบการเล่นของ สโต๊ค ได้ไม่ดีพอ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันช่างแตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยเจอมามากพอสมควร มันก็เลยทำให้เจ้าตัวยังไม่ผลิตสกอร์แรกกับสีเสื้อสโมสรใหม่ได้เสียที
ก่อนที่เขาจะเริ่มมีของมาฉายแสงเอาในเกมที่พบกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งในเกมดังกล่าว ชูโป-โมติง รับเหมาคนเดียว 2 ประตู ช่วยให้ทีมแบ่งแต้มเสมอกับ "ปีศาจแดง" ได้สำเร็จ ซึ่งนั้นเปรียบเสมือนเสียงเตือนว่าผลงานของเขาเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว
แต่ทว่าดูเหมือนสิ่งที่แฟนบอลคิดจะแตกต่างจากภาพที่เห็น เพราะ 7 เกมต่อจากนั้น ชูโป-โมติง ไม่อาจพาบอลเข้าไปกระทบตาข่ายได้อีกเลย ทั้งที่มีได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงแทบจะทุกนัด บทสรุปผลผลงานในสีเสื้อ "ช่างปั้นหม้อ" เจ้าตัวผลิตสกอร์ได้เพียง 5 ตุง จากการลงสนามทุกรายการ 32 นัด หนำซ้ำสโมสรยังมีอันต้องร่วงตกชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เรียกว่าทั้งผลงานส่วนตัว และสโมสรของ ชูโป-โมติง มันช่างน่าผิดหวังเสียจริงๆ
ย้ายร่วมทัพ เปแอสเช แบบสะท้านวงการ
ภายหลังแสดงผลงานได้อย่างน่าผิดหวังกับ สโต๊ค ซิตี้ ไม่มีใครคาดคิดว่าชีวิตของ ชูโป-โมติง จะพลิกผันและได้โอกาสครั้งใหญ่ และครั้งสำคัญมากขนาดนี้ ย้อนกลับช่วงซัมเมอร์ปี 2018 เปแอสเช จัดหนักคว้านักเตะชื่อดังมากมายเข้าสู่ทีมเพื่อผนึกกำลังกับ เนย์มาร์ เพื่อหวังไปให้ถึงเป้าหมายคือการเป็นเจ้ายุโรปให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น คีเลียน เอ็มบัปเป้, จานลุยจิ บุฟฟ่อน, ฆวน เบร์นาต หรือดาวรุ่งอย่าง ธิโล เคห์เรอร์ นอกจากนั้นในตลาดนักเตะช่วงดังกล่าว เปแอสเช ยังมีข่าวพัวพันกับนักเตะดังๆ หลายคนไม่ว่าจะเป็น อิวาน ราคิติซ, แกเร็ธ เบล, คริสเตียน อิริคเซ่น หรือ เยโรม บัวเต็ง
แต่ทว่าสุดท้ายพวกเขาเลือกที่จะเบนเป้าไปเซ็นสัญญาแบบฟรีๆ กับ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เซอร์ไพร์สแฟนบอลเป็นอย่างมาก เพราะถ้าดูจากโปรไฟล์แล้วทั้งคู่ไม่น่าจะมาบรรจบร่วมงานกันได้ แต่อย่างไรก็ตามการย้ายมาสู่เมืองหลวงฝรั่งเศสของ ชูโป-โมติง นั้นเจ้าตัวก็ได้ร่วมงานกับอดีตเจ้านายอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล อีกครั้ง ภายหลังเคยผนึกกำลังกันสมัยที่ ไมนซ์ 05
"ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้เซ็นสัญญากับ เปแอสเช ซึ่งเป็นสโมสรใหญ่แห่งยุโรป ผมอยากขอบคุณผู้บริหารและโค้ชสำหรับความมั่นใจที่พวกเขาแสดงออกมาในการเซ็นสัญญากับผม นี่คือช่วงเวลาที่น่าอัศจรรย์ในอาชีพของผม ผมจะได้เล่นร่วมกับเพื่อนร่วมทีมที่สุดพิเศษ"คำกล่าวของ ชูโป-โมติง ในวันแถลงเปิดตัวกับ เปแอสเช ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
มีข่าวถูกปล่อยตัวมาตลอด
ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีข่าวหลุดมาตลอดว่า ชูโป-โมติง จะถูกโละออกจากทีมทั้งที่เพิ่งเซ็นสัญญา 2 ปีเข้ามาร่วมทัพ เนื่องจากถ้าดูเพื่อนร่วมทีมในตำแหน่งเดียวกับเขาแล้วมันยากไม่ใช่น้อยที่จะสอดแทรก ทำให้โอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมันค่อนข้างน้อย ถึงขนาดบางครั้งชื่อของเขาไม่ได้ถูกใส่เข้าไปในทีมแม้กระทั่งตัวสำรองด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องของผลงานในขวบปีแรกกับ เปแอสเช เจ้าตัวลงสนามทุกรายการ 31 นัด (ตัวจริง 13 นัด) ซัดไปได้ 3 ประตู พอรูดม่านปิดซีซั่นก็มีข่าวทำนองย้ายทีม หรือทีมปล่อยตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็ยังคงอยู่กับทีม
ค่อมาในฤดูกาลนี้เจ้าตัวเพิ่งถูกส่งลงสนามไปเพียง 18 นัด (ตัวจริง 8 นัด) เท่านั้น แต่ก็ซัดไปได้ถึง 6 ตุง ถือว่าเป็นสัดส่วนการยิงประตูที่ไม่ได้เลวร้ายเลย ซึ่งแน่นอนว่าข่าวเรื่องการย้ายทีมของเขายังมีออกมาเรื่อยๆ แต่คราวนี้มันอาจจะเกิดขึ้นจริงแล้วก็เป็นได้เพราะสัญญาของเขากับทีมกำลังจะหมดลงในช่วงสิ้นเดือนสิงหาคมนี้
ฮีโร่แห่ง เปแอสเช
ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก มักจะมีฮีโร่โผล่ออกมาอยู่เสมอ เฉกเช่นเดียวกับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่เปแอสเช พบกับ อตาลันต้า นาฬิกาบนสกอร์บอร์ดผ่านไป 80 นาที ทีมตามหลังคู่แข่งอยู่ 1-0 โธมัส ทูเคิ่ล ตัดสินใจส่ง ชูโป-โมติง ลงสนามไปแทนที่ของ เมาโร อิคาร์ดี้ แน่นอนว่าภารกิจของเขาคือการทำประตูให้กับต้นสังกัดให้ได้
จนกระทั่งครบ 90 นาทีทีมมาได้ประตูตีเสมอจาก มาร์ควินญอส ซึ่งดูทีท่าน่าจะต้องต่อเวลาพิเศษกันออกไป แต่อย่างที่ว่าวินาทีนั้นไม่มีใครคาดคิด ชูโป-โมติง ดาวเตะตัวสำรองสวมบทฮีโร่ผู้ซัดประตูชัยให้ทีมในช่วงนาทีที่ 90+3 ช่วยให้สโมสรกรุยทางผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ
ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่อาจรู้ได้ว่าบทสรุป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะสามารถก้าวขึ้นไปเถลิงบัลลังก์แชมป์ได้หรือไม่
แต่อย่างหนึ่งเชื่อเลยว่ามันคือค่ำคืนที่น่าจดจำของชายที่ชื่อ เอริค มักซิม ชูโป-โมติง อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาเขาคือนักเตะที่กำลังจะตกชั้นไปสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพ แต่วันนี้ได้กลายมาเป็นฮีโร่ในคืนที่ยิ่งใหญ่อย่างศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
