เมื่อคำถามทั่วไปตอบง่าย แต่คำถามหัวใจดันตอบยาก..ความรักก็มักมีปัญหาเสมอ
จะทำอย่างไรเมื่อไม่มั่นใจในความรัก ไม่รู้ว่าเวลาที่คบกันมาเนิ่นนานจะเรียกว่าเป็นความรักได้ไหม ? เราแค่รักกันเพราะความใกล้ชิด หรือเรารักกันจริง ๆ
“ผมกับแฟนอยู่ด้วยกันมาปีนี้เป็นปีที่ 8 ผ่านกันมาแม้กระทั่งอาถรรพ์ 7 ปี แต่สิ่งที่ผมแปลกกว่าคู่อื่น ๆ คือ ผมกับแฟน ไม่ใช่สเป็คของกันและกันเลย เราเหมือนเป็นเพื่อนกันมากกว่า เราคบกันเพราะความใกล้ชิด เป็นห่วง และแคร์ความรู้สึกของกันและกันมากกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ
“เราเป็นเพื่อนกัน เราต่างคนต่างก็มีแฟน เคยเล่าและปรึกษาปัญหาหัวใจให้กันและกันฟัง เคยรับรู้ถึงสเป็คของคนที่ชอบของกันและกัน เคยเป็นคนแนะนำแฟนให้กันและกัน สุดท้ายผมกับแฟนกลับมาตกหลุมรักกันเอง แต่ด้วยเป็นเพื่อนกัน สนิทกันมาก่อน ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนมากกว่าแฟน ไม่มีเซ็กซ์กัน ไม่ค่อยกอดกัน บางครั้งร่วมปี ถึงสองปี จนบางทีแอบคิด เรายังรักกันอยู่หรือเปล่า”
ปัญหาที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ปัญหา ความรักมันก็ง่าย ๆ แบบนี้ บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป สิ่งที่อยู่กับคนเราจริง ๆ หลังจากที่ใช้ชีวิตด้วยกันมาสักระยะ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่ความรักเพียงอย่างเดียว
บนโลกนี้มีความรักหลากหลายรูปแบบ เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน สุดท้ายมาลงเอยด้วยกันการรักกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมีเยอะแยะ หลายคนอิจฉาความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนเสียด้วยซ้ำ เพราะความรักแบบนี้ค่อนข้างเปิดเผย จริงใจ และตรงไปตรงมา ไม่จำเป็นต้องทำตัวให้ดูดี สร้างภาพเพื่อให้ใครมารัก
ความรักที่เริ่มต้นจากความสัมพันธ์ฉันเพื่อน อาจจะมีข้อเสียอยู่บ้างตรงความหวานของยามแรกรักจะหายไปเลย หรืออาจไม่ได้สัมผัสถึงช่วงเวลาแห่งโปรโมชั่น แต่ข้อดีก็อย่างที่บอกคือจริงใจ ไม่สร้างภาพ รักก็คือรัก ที่สำคัญแนวโน้มที่จะเลิกรากันก็มีน้อยเพราะเข้าอกเข้าใจ รู้จักตัวตนของกันและกันดีจนปัญหาต่าง ๆ ไม่สามารถทำอะไรได้
การที่คนสองคน “อยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อนมากกว่าแฟน ไม่มีเซ็กซ์กัน ไม่ค่อยกอดกัน บางครั้งร่วมปี ถึงสองปี จนบางทีแอบคิด เรายังรักกันอยู่หรือเปล่า” ไม่ใช่เรื่องแปลก
ความสัมพันธ์รูปแบบนี้มีมาเนิ่นนาน มีคำจำกัดความที่ค่อนข้างชัดเจนเลยว่าคือความรักแบบ “Platonic Love” พูดง่าย ๆ ก็คือรักกันโดยไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็คงไม่ต่างจากความรักแบบเพื่อน พี่น้อง หรือญาติ ๆ นั่นแหละ ซึ่งความรักแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดหรือแปลกแตกต่างอะไรเลย โดยเฉพาะในยุคสมัยนี้ไม่ว่าจะเป็นความรักรูปแบบก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
สิ่งที่ต้องชัดเจนก็คือเราทั้งคู่พึงพอใจกับความสัมพันธ์แบบนี้หรือเปล่า ?
ความรักที่ยืนยาวส่วนหนึ่งมาจากความสมดุล ทั้งสองคนจะต้องตกลง เห็นชอบกับการใช้ชีวิต วิธีคิด และรูปแบบความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ดังนั้นก็ต้องเกิดจากการยินยอม และยอมรับของคนสองคนด้วยเช่นกัน
แต่ถ้าคนใดคนหนึ่งไม่โอเคกับความสัมพันธ์รูปแบบนี้ ก็ต้องพูดคุยกันให้ชัดเจนว่าจะหาทางออกร่วมกันอย่างไร ความสัมพันธ์ทางกายมีความสำคัญมากแค่ไหนสำหรับอีกคน ถ้ายังสำคัญและจำเป็นก็ต้องหาวิธีที่ดีและยอมรับกันทั้งฝ่าย เพราะสำหรับบางคนเซ็กซ์ก็สำคัญพอ ๆ กับความรัก
"เมื่อแต่งงานแล้วให้อยู่กันเหมือนเพื่อน จะทำให้อยู่กันได้นาน"
จริง ๆ เดี๋ยวนี้มีสามี-ภรรยาหลายคู่ที่ใช้ความรู้สึกแบบเพื่อนในการใช้ชีวิตคู่ ทำให้คุยกันง่ายขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น ทะเลาะกันน้อยลง กลายเป็นความสงบที่ลงตัวของการใช้ชีวิตร่วมกัน ซึ่งแม้ความรักจะหายไป แต่ที่ได้กลับมามากกว่าก็คือความผูกพันที่มั่นคง สบายใจ และที่สำคัญคือขาดกันไม่ได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น ความรักต้องอาศัยความซื่อสัตย์ ความสัมพันธ์รูปแบบนี้ก็เช่นกัน ถ้าไม่ซื่อสัตย์เมื่อไหร่ ต่อให้เป็นเพื่อนก็ต้องจบความสัมพันธ์ลงเหมือน ๆ กัน จะคบกันแบบเพื่อนกับเรา แต่ไปมีความสัมพันธ์แบบคนรักกับคนอื่นไม่ได้ !
ความรักที่มีปัญหา แก้ไม่ตก หาทางออกไม่ได้กันแบบทุกวันนี้ ก็เพราะใช้แต่แรงปรารถนาและความคาดหวังเป็นตัวขับเคลื่อน เมื่อรักกันแล้วต้องแบบนั้น แบบนี้ ต้องทำ 1 2 3 4 ทั้งที่ความจริงแล้วความรักไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรเลย คนเราต่างหากที่ไปคาดหวัง กะเกณฑ์ให้ความรักต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ เมื่อไม่เป็นอย่างที่หวังก็เกิดปัญหา เป็นทุกข์ ทำให้รักเป็นพิษจนย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
ดังนั้นก็เลยมีคำพูดที่ว่า "เมื่อแต่งงานแล้วให้อยู่กันเหมือนเพื่อน จะทำให้อยู่กันได้นาน" เพราะการใช้ชีวิตด้วยกันแบบเพื่อนทำให้ความรักมันง่ายขึ้น แค่ “มีอะไรก็ถาม ไม่ชอบอะไรก็บอก” ก็ทำให้ปัญหาน้อยลงได้ ที่เหลือก็แค่ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองโดยมีพื้นฐานของความเป็นเพื่อนเข้ามาเสริมเกราะให้ความรักแข็งแรงขึ้นก็อยู่ด้วยกันได้อีกนาน
ข้อควรระวังของความรักแบบนี้ก็คือ ต้องหาจุดสมดุลระหว่างความเป็นคนรักและความเป็นเพื่อน เพราะต่อให้มีความสัมพันธ์แบบเพื่อนแต่ในเมื่อยังเป็นแฟนกัน เป็นสามี-ภรรยากัน สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือความรักอยู่ดี หาเวลาอยู่ด้วยกันสองคน ทำกิจกรรมด้วยกันบ้าง ก็ช่วยเติมความรักให้กันได้แล้ว
ถ้าปล่อยให้ความสัมพันธ์แบบเพื่อนดำเนินไปเรื่อย ๆ ก็คงหลีกเลี่ยงความสงสัยต่าง ๆ นานาไม่ได้ สงสัยว่ายังรักกันอยู่หรือเปล่า สงสัยว่าเค้าจะไปมีคนอื่นไหม สงสัยว่าคู่ของเราทำไมไม่เหมือนคนอื่น และอีกล้านความสงสัยที่จะค่อย ๆ แว่บเข้ามาในหัว ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่เริ่มมีความสงสัยก็แปลว่าได้เวลาที่ต้องเติมความหวานลงไปในความสัมพันธ์นี้แล้วก็ได้
ยังไงสุดท้ายแล้ว..การยอมรับกันและกันก็เป็นสิ่งสำคัญของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอยู่ดี ~