โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

โอกาสทองกาแฟไทย...ส่งออกพุ่ง ช่วงโควิด - 19

รักบ้านเกิด

อัพเดต 07 ก.ค. 2563 เวลา 06.18 น. • เผยแพร่ 07 ก.ค. 2563 เวลา 06.18 น. • รักบ้านเกิด.คอม

สายฮิปเตอร์ จิบกาแฟ กลายเป็นเทรนด์ยอดฮิต ไม่ว่าจะไปพื้นที่ไหน คาเฟ่ต์เก๋ ๆ ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว แต่ช่วงที่เกิดการระบาดของ Covid-19 อาจจะดูเงียบเหงาไปพักนึง สำหรับธุรกิจคาเฟ่ต์ แต่ในทางกลับกันยอดส่งออกกาแฟสำเร็จรูปกลับพุ่งขึ้นสวนทางกัน

ประเทศไทยปลูกกาแฟโรบัสต้ามากที่สุด และปลูกมากในพื้นที่ภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น ระนอง สุราษฎร์ธานี และชุมพร รองลงมาคือสายพันธุ์อาราบิกา ที่ปลูกในพื้นที่ภาคเหนือ อย่างเชียงราย เชียงใหม่ และน่าน ซึ่งกาแฟโรบัสต้าพันธุ์ไทย ที่ผ่านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟต่าง ๆ นั้นเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา, โซนยุโรป, ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ ด้วยเทคโนโลยีการผลิต จึงทำให้กาแฟโรบัสต้าพันธุ์ไทยนั้น มีรสชาติที่กลมกล่อม และเป็นที่นิยมของต่างชาติอย่างมาก

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้เผยผลการประชุมทางไกลกับผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟ พบว่าช่วงวิกฤตโควิด-19 ยอดจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปไทยขยายตัว หลังคนหยุดอยู่บ้านมากขึ้น

 

ไตรมาสแรกไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูปราว 6,000 ตัน มูลค่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวถึง 14.69% ชี้เป็นโอกาสทองผู้ส่งออกหลังหลายประเทศผลิตลดลง

 

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการหารือกับผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมกาแฟตลอดห่วงโซ่การผลิต ผ่านระบบการประชุมทางไกล เพื่อติดตามสถานการณ์การค้ากาแฟและผลิตภัณฑ์กาแฟของไทย ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่าในช่วงวิกฤตนี้ยอดจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปของไทยขยายตัว รวมทั้งยอดส่งออกยังเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการผลิต เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีการผลิตลดลง จึงถือเป็นโอกาสทองในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูปของไทย

ร้านกาแฟต้องหันไปเน้นออนไลน์

ผู้ประกอบการร้านกาแฟเห็นว่ามาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ส่งผลให้ยอดขายลดลง จึงจำเป็นต้องปรับรูปแบบการให้บริการ เป็นการขายแบบออนไลน์และแบบเดลิเวอรี่มากขึ้น รวมทั้งปรับเปลี่ยนสินค้าให้อยู่ในรูปแบบกาแฟพร้อมดื่ม ซึ่งสามารถสั่งซื้อและเก็บไว้ได้นานขึ้น รวมถึงปรับผังที่นั่งในร้านให้มีระยะห่างที่เหมาะสม เพื่อรองรับการเปิดบริการหลังผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์

ผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูปเปลี่ยนกลุ่มตลาด

ส่วนผู้ประกอบการโรงคั่วกาแฟและผู้ผลิตกาแฟสำเร็จรูป ให้ข้อมูลว่าสินค้ากาแฟสำเร็จรูป (3 in 1) กาแฟคั่วบด กาแฟแคปซูล และอุปกรณ์ชงกาแฟ ที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและทางออนไลน์ มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่กลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อในปริมาณมาก อาทิ โรงแรม ภัตตาคาร และสายการบิน กลับมียอดขายลดลงเนื่องจากต้องปิดกิจการในช่วงนี้

ส่งออกสัญญาณบวก

สำหรับผู้ส่งออกสินค้ากาแฟสำเร็จรูป แจ้งว่าได้รับการติดต่อจากประเทศผู้นำเข้าที่สนใจซื้อผลิตภัณฑ์กาแฟจากไทย เนื่องจากหลายประเทศผลิตกาแฟสำเร็จรูปลดลง ในขณะที่ไทยสามารถผลิตได้แม้ในช่วงวิกฤต ทำให้ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟได้มากขึ้น ขณะเดียวกันรสนิยมของผู้บริโภคเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้น รวมทั้งสนใจบริโภคกาแฟคั่ว ที่มีส่วนผสมของเมล็ดกาแฟจากไทยกับต่างประเทศ จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบส่งออก เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ และผู้ส่งออกกาแฟคั่วผสม

ความได้เปรียบของกาแฟไทย

ไทยเป็นผู้ส่งออกกาแฟสำเร็จรูปอันดับที่ 11 ของโลก ในปี 2562 ไทยส่งออกปริมาณ 24,812 ตัน คิดเป็นมูลค่า 92.34 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สปป.ลาว ร้อยละ 26 เมียนมา ร้อยละ 24 และกัมพูชา ร้อยละ 20

 

โดยไทยได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งออกกาแฟสำเร็จรูป ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียนที่ร้อยละ 0 รวมถึงนำเข้าเมล็ดกาแฟดิบจากแหล่งนำเข้าสำคัญ อาทิ เวียดนาม สปป.ลาว และอินโดนีเซีย ที่อัตราภาษีร้อยละ 5 ซึ่งทำให้ลดต้นทุนการผลิตได้

 

สำหรับไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) ไทยส่งออกกาแฟสำเร็จรูปปริมาณ 6,606 ตัน เป็นมูลค่า 25.19 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 14.69 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 โดยไทยยังส่งออกไปตลาดรอง เช่น ฮ่องกง และสหรัฐฯ ถึงร้อยละ 28 และ 88 ตามลำดับ

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0