คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ผูกขาดเป็นคู่ปรปักษ์ระดับโลกจนเกมฟุตบอลที่ทั้ง 2 สโมสรโคจรมาพบกันถูกเรียกขานว่า เอ็ล กลาซีโก (El Clásico) เนื่องจากทั้งคู่เป็นทีมฟุตบอลจาก กรุงมาดริด และ บารเซโลนา 2 เมืองใหญ่ใน สเปน ที่มีความเห็นต่างกันเรื่องการเมืองการปกครอง และทั้ง 2 สโมสรยังมีความยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย มีแฟนบอลติดตามเชียร์ในสนามมากที่สุดในโลก ให้การสนับสนุนสินค้าที่ระลึก ตลอดจนสมัครเป็นแฟนในสื่อสังคมออนลายน์ก็มากที่สุดในโลก มาวันนี้ตัวละครเอกของทั้ง 2 ทีมยักษ์ใหญ่ต่างก็ถูกปั้นแต่งวางตัวเพื่อห้ำหั่นหักโค่นกันอย่างไม่มีเลิกรา
เอ็ล กลาซีโก ของดั้งเดิมนั้น เขาจะเรียกเฉพาะเกมที่ทั้งคู่เจอกันใน ลา ลีกา (La Liga) ฟุตบอลลีกสูงสุดของ สเปน เท่านั้น แต่ต่อมาเหมารวมหมด ไม่ว่าจะเจอกันในถ้วยอะไรก็ตาม ซึ่งตามสถิติตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรกในโอกาสเฉลิมฉลองพระราชพิธีราชาภิเษก กษัตริย์อัลฟ็อนโซ ที่ 13 (Alfonso XIII) ในนาม โกปา เด ลา โกโรนาซิอ็อน (1902 Copa de la Coronación) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 1902 จนถึงนัดล่าสุด ใน ลา ลีกกา เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2020 รวมพบกันอย่างเป็นทางการ 244 นัด ผลชนะเท่ากันเป๊ะเลยทีมละ 96 นัด และเสมอกัน 52 นัด อันนี้ไม่ได้รวมพวกเกมที่เล่นกันสนุกๆไม่มีถ้วยใหญ่เป็นเดิมพันอีก 33 เกมที่เรียกว่า Exhibition game นะครับ ถ้ารวมเข้าไปด้วย บารซา ก็เหนือกว่าเพราะชนะเพิ่มอีก 19 นัด ส่วน ทีมชุดขาว ชนะอีกเพียง 4 นัด และเสมอกัน 10 นัด
คราวนี้มาพูดถึง ลิโอเน็ล เม้สซี่ (Lionel Messi) กองหน้าทีมชาติ อารเฆ็นตีนา วัย 33 ปี แห่งสโมสร บารเซโลนา กับ ซีเนดีน ซีดาน (Zinédine Zidane) อดีตมิดฟีลด์ตัวรุก กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส แช้มพ์โลก 1998 ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้จัดการทีมสโมสร เรอัล มาดริด ทั้งคู่เกือบจะมีวันเกิดวันเดียวกันถ้าคุณแม่ของ ซีซู ไม่ด่วนเบ่งออกมาในวันที่ 23 มิถุนายน 1972 ก่อน เลโอ เพียง 1 วัน แต่ห่างกัน 15 ปีนะครับ ความจริงนักเตะคู่ปรปักษ์ควรเป็น เลโอ กับ โรเนาโด แต่รายหลังย้ายไปซบ ยูเว็นตุส ใน อิตาลี เสียแล้ว ความเป็นคู่ปรปักษ์จึงลดอุณหภูมิลงไปมาก และหันมามองอนาคตว่า บารซา จะหาใครมาหักโค่นความเกรียงไกรของ ซีดาน ในการนำทีมชุดขาวได้ ซึ่งฤดูกาลนี้เหลืออีกเพียง 2 เกมก็จะได้เถลิงแช้มพ์ ลา ลีกา สมัยที่ 34 แล้ว
ตอนที่ เลโอ ขึ้นมาเล่นทีมใหญ่ของ บารซา ตั้งแต่ฤดูกาล 2004-05 ด้วยวัย 17 ปี ยังมีโอกาสได้ซดกับ ซึซู ในฐานะนักเตะถึง 2 ฤดูกาล และกวาดแช้มพ์ ลา ลีกาไปได้ทั้ง 2004-05 และ 2005-06 น่าแปลกจริงๆที่นั่นเป็นช่วง 2 ฤดูกาลที่ ซีซู ไม่มีแช้มพ์อะไรติดไม้ติดมือกลับบ้านเลย
จนเมื่อ ซีซู กลับมาสู่ เรอัล มาดริด ชุดใหญ่อีกครั้ง คราวนี้ในฐานะผู้จัดการทีมตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2016 เขานำทีมสู้กับ เลโอ เม้สซี่ ที่ยังอยู่ในฐานะนักเตะและสามารถกวาดถ้วยมาได้จนล้นตู้โชว์ เริ่มตั้งแต่แช้มพ์ ลา ลีกา 2016-17 ซุปแปรโกปา (Supercopa de España) 2017 และ 2020 ในขณะที่ ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (UEFA Champions League) ถ้วยใหญ่ของ ทวีปยุโรป นี่ยิงยาว 3 ปีซ้อน 2015-16 2016-17 และ 2017-18 ถ้วย ยูเอ๊ฟฟ่า ซุพเพ่อร์ คัพ (UEFA Super Cup) 2016 และ 2017 แถมด้วยถ้วย ฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด คัพ (FIFA Club World Cup) 2016 และ 2017
เมื่อนำช่วงเดียวกันนี้มาเปรียบเทียบกับทางฝั่ง บารซา นั้น เลโอ นำทีมคว้าถ้วย ลา ลีกา 2015-16 2017-18 และ 2018-19 โกปา เด็ล เรย์ 2015-16 2016-17 และ 2017-18 ซุปแปรโกปา (Supercopa de España) 2016 และ 2018 แต่ไม่มีถ้วย ยูเอ๊ฟฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้วย ยูเอ๊ฟฟ่า ซุพเพ่อร์ คัพ และถ้วย ฟีฟ่า คลับ เวิร์ลด คัพ เลย ในช่วงที่ ซีซู คุมทีมฝั่งโน้น
ฤดูกาลนี้ บารซา กำลังจะวืดแช้มพ์ ลา ลีกา สถานการณ์ค่อนข้างระส่ำ กีเก เซเตียน (Quique Setién) ผู้จัดการทีม ชาวสเปน วัย 57 ปี คงไม่ได้อยู่ต่อ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่ากับที่มีหลายคนเกรงกันว่า เลโอ ซึ่งมีสัญญาถึงกลางปี 2021 จะย้ายออก ทำให้ โชเซ้พ มาริอา บารโตเมอู (Josep Maria Bartomeu) ประธานสโมสรต้องรีบออกมาแถลงว่า เลโอ ไม่พร้อมที่จะย้ายออกจากทีมที่สังกัดมาตั้งแต่เป็นเด็กฝึก เขาคุยกันมาตลอดนะ นอกจากนั้น โชเซ้พ ยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่า นักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลรายนี้ยังเล่นฟอร์มยอดเยี่ยมแบบนี้ได้อีกหลายปี ตนไม่เคยสงสัยแม้แต่น้อยในอนาคตของเขากับ บารซา แม้กระทั่งหลังอาชีพค้าแข้งด้วยซ้ำ นั่นย่อมเป็นการเผยว่า เมื่อเลิกค้าแข้ง เลโอ มีงานคุมทีมรออยู่แน่ อันนี้แน่นอนว่าเพื่อมาดับความเกรียงไกรของ เรอัล มาดริด คู่ปรปักษ์ตลอดกาลนั่นเอง
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO
