โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

หวั่น "ท่องเที่ยวโลก" ทรุดยาว WTO เร่งทั่วโลก "รีสตาร์ต"

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 13 ก.ค. 2563 เวลา 03.30 น. • เผยแพร่ 12 ก.ค. 2563 เวลา 09.15 น.
ลงทะเบียน เที่ยวด้วยกัน ผู้ประกอบการ

ตลอดระยะ 4-5 เดือนที่ผ่านมาไวรัสโควิด-19 สร้างความสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในทุกภูมิภาคทั่วโลกอย่างหนักรวมถึงประเทศไทยด้วย เรียกว่าเป็นตัวที่เข้ามาทุบดีมานด์การเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกที่เติบโตขึ้นทุกปีจนเหลือตัวเลขเป็น 0 โอกาสในการฟื้นท่องเที่ยวรอบใหม่จะเป็นอย่างไร สมาคมการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEANTA) ได้ร่วมกับ”ทีเส็บ” เชิญผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมาร่วมเสวนาในรูปแบบออนไลน์จากผู้ทรงคุณวุฒิระดับโลก เพื่อนำเสนอถึงแนวโน้มของการท่องเที่ยวโลกที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤตโควิด-19 โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้สรุปคอนเทนต์บางส่วนมาเสนอไว้ดังนี้

นักท่องเที่ยวทั่วโลกลด 60-80%

“แฮรี่ ฮวัง” ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก องค์การท่องเที่ยวโลก(World Tourism Organization : WTO) ระบุว่า วิกฤตการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการท่องเที่ยวในปี 2563 ทำให้แรงงานในภาคการท่องเที่ยวมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียงานกว่า 100-120 ล้านตำแหน่งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกลดลง 60-80% และส่งผลกระทบต่อรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกให้ลดลงไปกว่า 850-1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดยแต่ละภูมิภาคทั่วโลกต่างก็ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ในไตรมาส 1ที่ผ่านมาทุกภูมิภาคมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 35% รองลงมาคือ ภูมิภาคยุโรป จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 19% ภูมิภาคอเมริกาจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 15% ภูมิภาคแอฟริกา จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 12% และภูมิภาคตะวันออกกลางจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง 11% รวมถึงพื้นที่ท่องเที่ยว และจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวเกือบ 100% ทั่วโลกถูกปิดให้บริการ

ประเมินการฟื้นตัว 3 เฟส

องค์การท่องเที่ยวโลกก็ได้ใช้ข้อมูลจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมาประมาณการถึงสถานการณ์การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวโลกออกมาเป็น 3 รูปแบบ โดยรูปแบบที่ 1 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2020 จะลดลง 58% และเริ่มเปิดชายแดนเพื่อการท่องเที่ยวในเดือนกรกฎาคมรูปแบบที่ 2 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลง 70% และเริ่มเปิดชายแดนเพื่อการท่องเที่ยวในเดือนกันยายนและรูปแบบที่ 3 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลง 78% และเริ่มเปิดชายแดนเพื่อการท่องเที่ยวในเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ หากสถานการณ์เป็นไปในรูปแบบที่ 1 ประเมินว่าการท่องเที่ยวโลกจะกลับมาเป็นปกติในเดือนธันวาคม 2563-มกราคมปี 2564 แต่ถ้าเป็นไปในรูปแบบที่ 2 และ 3 จะต้องใช้เวลานานกว่านั้นในการฟื้นตัว

เปิดชายแดนรีสตาร์ตท่องเที่ยว

“แฮรี่” อธิบายว่า หากต้องการจะรีสตาร์ตการท่องเที่ยวขึ้นมาใหม่ในเวลาอันสั้น จำเป็นที่จะต้องเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ โดยจะต้องยึดความปลอดภัยตามกฎระเบียบด้านสุขภาพของแต่ละประเทศในการเดินทางเป็นสำคัญ รวมถึงจะต้องมีระเบียบปฏิบัติที่ชัดเจนและขอแบ่งปันข้อมูลการเดินทางจากนักท่องเที่ยวอย่างถูกต้อง โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวช่วย และควรจะยึดมาตรการด้านสุขอนามัยไว้จนกว่าจะมีทางเลือกที่ดีกว่า

ดูแลสภาพคล่อง-การจ้างงาน

พร้อมย้ำว่า ทุก ๆ ขั้นตอนในการเดินทางท่องเที่ยว ตั้งแต่การค้นหาและจอง การออกเดินทาง การเดินทาง และการท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทาง จะต้องปฏิบัติตามโปรโตคอลที่กำหนดไว้ และทุกขั้นตอนจะต้องให้ความสำคัญกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค

นอกจากนั้นยังเสนอว่าสิ่งสำคัญที่ควรเร่งทำเป็นอันดับต้น ๆ คือการรักษาสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและรักษาการจ้างงานเอาไว้ให้ได้ พร้อม ๆ กับการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ก่อนการเปิดชายแดนอย่างเป็นระบบ และมีความรับผิดชอบตามหลักการทางด้านสุขอนามัยระดับนานาชาติโดยเชื่อว่าในอนาคตนวัตกรรมและความยั่งยืนจะกลายเป็นนิวนอร์มอลใหม่ของการท่องเที่ยว

“จีน” ส่งสัญญาณเริ่มฟื้น

ด้าน “หลิว ชีจุน” เลขาธิการสมาพันธ์ท่องเที่ยวโลก (World Tourism Alliance : WTA-China) องค์การไม่แสวงหาผลกำไรด้านการท่องเที่ยวจากจีน กล่าวว่าตลาดการท่องเที่ยวจีนเริ่มฟื้นฟูขึ้นเรื่อย ๆพร้อมกับความมั่นใจของนักท่องเที่ยวกำลังทยอยกลับมาโดยในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่มีวันหยุดยาว การท่องเที่ยวในประเทศจีนฟื้นตัวได้ราว 50% แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่เกิดขึ้นโดยระหว่างการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจีน กลุ่มที่จะกลับมาก่อนคือ “การท่องเที่ยวระยะสั้น”

เช่นเดียวกับที่การท่องเที่ยวในเมือง การท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านจะเพิ่มขึ้น และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติกับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีจะได้รับความนิยมมากขึ้นสอดคล้องกับความนิยมในการท่องเที่ยวด้วยตนเอง และการท่องเที่ยวโดยการขับรถ นอกจากนั้นคุณภาพในการท่องเที่ยวจะเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวคำนึงถึง เช่นเดียวกับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดีต่อสุขภาพ

แนะบริหารความเสี่ยง

ส่วนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตการณ์มาได้ก็จะต้องพยายามรักษากระแสเงินสดเอาไว้ สร้างความมั่นคงให้กับบริษัท และพยายามบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ โดยหลายบริษัทอาจจะเน้นทำโปรโมชั่นลดราคาเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการจองให้สะดวกเพื่อตอบรับกับยุคใหม่

“การท่องเที่ยวต้องการเวลาที่จะใช้ในการฟื้นตัวกลับคืนมาอีกครั้ง แต่อย่างไรก็จะผ่านไปได้ เมื่อใดที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวและกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง คนก็จะอยากออกไปท่องเที่ยวเช่นกัน”

โควิดยืดเยื้อ “ยุโรป” ยังไม่ฟื้น

ขณะที่ “พาเวล เนียวิดอมสกี” ประธานสมาพันธ์การท่องเที่ยวยุโรป (The European Travel Agents” and Tour Operators” Associations : ECTAA) ให้ข้อมูลว่า แม้ธุรกิจท่องเที่ยวในยุโรปจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่ด้วยความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังต่ำทำให้ยอดการจองยังคงไม่มาก และการเดินทางส่วนใหญ่ของประชาชนเป็นการเดินทางเพื่อเยี่ยมเพื่อนและครอบครัวเป็นหลัก รวมถึงมีอุปสรรคในเรื่องการบังคับกักตัวและข้อกำหนดด้านสุขภาพและความปลอดภัยที่หลายประเทศยังคงกำหนดให้ผู้ผ่านด่านต้องกักตัว รวมถึงระหว่างการเดินทางจะต้องจำกัดพื้นที่และเว้นระยะห่าง เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดจากความหนาแน่นของผู้โดยสาร

นอกจากนั้นอาจจะมีข้อกำหนดที่ต้องปฏิบัติตามหากแสดงอาการผู้ติดเชื้อทำให้ปัจจุบันการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวในยุโรปเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีขีดความสามารถในการขนส่งทางอากาศน้อยลงจากจำนวนเที่ยวบินที่ลดลง และยังมีการปิดตัวของโรงแรม รวมถึงร้านอาหารในบางพื้นที่ เนื่องจากความกังวลด้านสุขอนามัย

ไม่เพียงเท่านี้ สถานการณ์ปัจจุบันของตลาดท่องเที่ยวยุโรปยังยากจะคาดการณ์ เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวยุโรปมีความแตกต่างกันในเชิงพื้นที่และจำนวนประชากรเป็นอย่างมาก

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0