โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

สรุปม้วนเดียว'คดีน้องชมพู่' ยิ่งขุดเจาะลึก-ยิ่งบานปลาย

เดลินิวส์

อัพเดต 12 ก.ค. 2563 เวลา 10.37 น. • เผยแพร่ 12 ก.ค. 2563 เวลา 09.39 น. • Dailynews
สรุปม้วนเดียว'คดีน้องชมพู่' ยิ่งขุดเจาะลึก-ยิ่งบานปลาย
เปิดไทม์ไลน์เหตุการณ์แบบม้วนเดียว “น้องชมพู่” หนูน้อยวัย 3 ขวบ พบเป็นศพปริศนา กว่า 2 เดือนผ่านไป แต่ยังไร้วี่แววผู้ทำผิด จนเป็นที่จับตาของสังคมไทย สื่อยิ่งขุดคดียิ่งบานปลาย

เป็นอีกหนึ่งคดีที่กำลังได้รับความสนใจไปทั่วทั้งสังคมไทยอยู่ในขณะนี้ สำหรับการเสียชีวิตของ "น้องชมพู่" เด็กหญิงวัย 3 ขวบที่หายออกจากบ้านพักที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร บริเวณภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้านพักประมาณ 5 กิโลเมตร และครบ 2 เดือนแล้วแต่ยังจับผู้ก่อเหตุไม่ได้

หากย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดังกล่าวนั้น เกิดจากการหายตัวปริศนาของ "น้องชมพู่" ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค. 2563 ก่อนจะพบเปลือยกายเสียชีวิตบริเวณป่าภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร และได้มีการชันสูตรพลิกศพ 3 รอบ แต่ก็ไม่มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีผู้ใด โดยทางด้านโลกสังคมออนไลน์และผู้ที่ติดตามข่าวน้องชมพู่ รวมถึงแม่น้องชมพู่ ต่างพุ่งเป้าไปที่ "ลุงพล" ลุงของน้องชมพู่ เนื่องจากคุณแม่ได้เผยว่าลุงพลไม่ได้มาที่งานศพเลย ทั้งที่บอกว่ารักหลานสาวคนนี้มาก

ส่วนทางด้าน ลุงพล ออกสื่อ หลายครั้งที่พูดไม่ตรงกัน เพราะ"สะดิ้ง" พี่สาวของน้องชมพู่บอกกับแม่ว่า ยังไม่ได้บอกใครว่าน้องหาย จนเดินไปถึงบ้านป้าแต๋น ซึ่งตอนนั้นเหลือแค่ป้ากับลูกของป้า แต่ลุงพลออกมาบอกว่า เจอสะดิ้ง แล้วสะดิ้งบอกว่า น้องชมพู่หายไป ซึ่งข้องใจว่า รู้ก่อน หรือหลัง ไปรับพระกันแน่ เพราะพูดไม่ตรงกับสะดิ้งที่บอกว่าไม่เจอลุงพลที่บ้าน ซึ่งแม่เชื่อว่า สะดิ้งจำไม่ผิด และพูดตรงกันทุกครั้ง อีกทั้งสะดิ้งยืนยันว่า ไม่ได้โกหก

นอกจากนี้ ในคดีดังกล่าวยังเกิดกระแสตั้งข้อสงสัย "แม่น้องชมพู่" ว่าทำไมไม่ไม่เสียใจที่น้องจากไป แม่อธิบายว่า แม่ได้มานั่งเสียใจออกทีวี ทำใจและต้องรีบหาน้อง ตอนเย็นก่อนจะเจอศพก็กำลังจะไปทำพิธีหา ร่างทรงก็บอกว่าจะพบลูกสาวภายใน 19.00 น. และอีกอย่าง มีตำรวจมาหาตลอด เราก็ไม่มีเวลามานั่งร้องไห้ผ่านสื่อ

ขณะที่ทางด้าน "พ่อน้องชมพู่" ก็ได้ตอบคำถามสังคม เรื่องที่หลายคนสงสัยว่า วันที่น้องหายไปพ่ออยู่ที่ไหน โดยพ่อระบุว่า ไปไถนาออกจากบ้าน 07.30 น. ไปถึงนา มีคนเลี้ยงควาย เห็นพ่ออยู่ตลอดเวลา

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ได้ออกแถลงรายงานความคืบหน้าทั้งหมด โดยระบุว่า

1.การชันสูตรศพพลิกศพของ "น้องชมพู่" นั้นทางพนักงานสอบสวน ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมเอกสารรายงาน จากแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรจากโรงพยาบาลดงหลวง, จากโรงพยาบาล สรรพสิทธิ์ประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานีและแพทย์ผู้ตรวจชันสูตรจากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำมาประกอบในคดีอาญาต่อไป โดยระหว่างนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนเป็นการประสานข้อมูลกับ แพทย์ฯตามรายงานการตรวจศพ เบื้องต้นจากแพทย์ผู้ตรวจเท่านั้นซึ่งทางแพทย์ผู้ร่วมตรวจชันสูตรพลิกศพ น้องชมพู่ฯ จะได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อสรุปผลการชันสูตรอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

2.ขณะนี้ผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จากวัตถุพยานทั้งหมด 101 รายการยังอยู่ระหว่างการตรวจหาสารพันธุกรรม (DNA) ทำการตรวจไปแล้ว 62 รายการ และโดยทำการเก็บตัวอย่างบุคคลเปรียบเทียบสารพันธุกรรม (DNA)จำนวน 115 ตัวอย่าง ทำการตรวจไปแล้ว 82 ตัวอย่าง

3.การสอบสวนปากคำบุคคลทั้งหมดเป็นการสอบสวนปากคำในฐานะพยานในคดีทั้งสิ้น โดยแบ่งเป็นการซักถามปากคำโดยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจำนวน 937 ราย (บุคคลภายในหมู่บ้านกกกอก จำนวน 278 รายบุคคลพ้นโทษใน จังหวัดมุกดาหาร สกลนคร และกาฬสินธุ์ จำนวน 478 รายบุคคลที่ผ่านเข้ามาในพื้นที่ เกิดเหตุ หมู่บ้านกกกอก จำนวน 181 ราย)และสอบสวนปากคำโดยพนักงานสอบสวนเพื่อประกอบสำนวนจำนวน 63 ปากซึ่งยังไม่ได้มีการสอบสวนปากคำบุคคลใดในฐานะผู้ต้องหาหรือผู้ต้องสงสัย แต่อย่างใด

4. ทั้งนี้ขอความอนุเคราะห์ความร่วมมือ จากสื่อมวลชนระมัดระวังในเรื่องการนำเสนอข่าวว่าจะมี การออกหมายจับบุคคลใด ๆในฐานะผู้ต้องหาในคดีนี้ ซึ่งยังไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เกรงว่าอาจจะกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคล หรือชื่อเสียงของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้

5. ตามข้อ 2 นั้นทางเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวน จำเป็นต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งสื่อมวลชน ,เจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน ,อาสาสมัครต่างๆ ที่ได้ขึ้นภูเหล็กไฟไปยังจุดพบร่าง "น้องชมพู่" ในวันที่ 14 พ.ค. ในการออกมาแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนเป็นการส่วนตัว โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินในทางปกปิดอย่างแน่นอน เพราะเจ้าหน้าที่มีความจำเป็นจะต้องทำการจัดเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม หรือ  DNA ของผู้ที่ได้ขึ้นไปที่ภูเหล็กไฟ เพื่อนำมาเปรียบเทียบคัดแยกออกจาก DNA ของบุคคลต้องสงสัย แต่มิใช่เป็นการตรวจเปรียบเทียบว่าเป็นผู้ต้องสงสัยหรือไม่แต่อย่างใด

6.สมมุติฐานในการตั้งประเด็นการสืบสวนในทางคดีในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเรื่อง เด็กเดินขึ้นไปแล้วเสียชีวิตเองบนภูเหล็กไฟได้หรือไม่ หรือเกิดจากการกระทำของบุคคลอื่น หรืออื่นๆ ล้วนเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนในการคลี่คลายคดี ทำความจริงให้ปรากฏต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต และสังคมซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนยังไม่ได้ตัดประเด็นใดๆทิ้งไป ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลการรวบรวมพยานหลักฐาน ตลอดจนผลจากการชันสูตรพลิกศพและผลการตรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน

 7.ส่วนที่มีการสัมภาษณ์บุคคลทั้งที่เกี่ยวข้องกับคดี และไม่เกี่ยวข้องกับคดีรวมถึงการนำเสนอเรื่อง ความเชื่อและไสยศาสตร์ก็เป็นแนวทางการนำเสนอข่าวสารสู่ประชาชน ซึ่งประชาชนควรได้โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชมแต่ไม่ได้ส่งผล ต่อการชี้นำแนวทางการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด เพราะทางคดีจะต้องใช้หลักในการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบ

ทั้งนี้ บทสรุปเรื่องราวการตามล่าหาตัวคนร้ายที่พรากลมหายใจของ "น้องชมพู่" จะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามกันต่อไป แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ยิ่งสื่อแข่งกันขุดคุ้ยข้อมูลเจาะลึกมากเท่าใด ดูเหมือนคดีจะยิ่งบานปลายไปเรื่อยๆแล้ว.

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0