โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'ศาลตายาย' ส่งฝนตกคุ้มครองบ้านเก่า-แมนชั่น ให้รอดกองเพลิงยักษ์!

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

อัพเดต 08 ก.ค. 2563 เวลา 00.59 น. • เผยแพร่ 07 ก.ค. 2563 เวลา 17.22 น.
ภาพไฮไลต์
ภาพไฮไลต์

ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไฟไหม้บ้านเก่าแก่ติดแมนชั่น กองเพลิงโหมไหม้อย่างรุนแรง ประกอบกับมีลมกระโชก โดยที่บ้านที่ถูกไหม้ ลูกชายติดอยู่ในกองเพลิงก็รอดออกมาได้ เชื่อเป็นเพราะ "ศาลตายาย" ช่วยคุ้มครองให้ฝนตกในเวลานั้นเพื่อดับไฟ ขณะที่ศาลไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย ส่วนยายวัย 86 ปี มั่นใจสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ไม่ให้อยู่บ้านขณะเกิดเหตุ

จากกรณีเมื่อคืนนี้ (6 ก.ค.) เกิดเหตุไฟไหม้บ้านไม้เก่าอายุกว่า 50 ปี สองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ภายในซอยถนอมใจ ข้างสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ถนนเทวบุรี อ.เมืองนครศรีธรรมราช เปลวไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงวอดทั้งหลังอย่างรวดเร็ว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครนครศรีธรรมราช พร้อมรถดับเพลิงจำนวน 5 คัน ระดมฉีดน้ำสกัดเปลวไฟ เพื่อไม่ให้ลุกลามไปบ้านที่อยู่ติดกัน รวมทั้งแมนชั่นที่อยู่ห่างไม่ถึง 5 เมตร โชคดีที่ระหว่างเกิดเหตุมีฝนตกลงมาอย่างหนัก จนท.ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ พบตัวบ้านชั้นสองที่เป็นโครงสร้างไม้ถูกไฟเผาเสียหายทั้งหมด ขณะที่ลูกชายเจ้าของบ้าน ซึ่งติดอยู่ในห้องนอนชั้นสอง สำลักควันไฟ เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ และนำส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช อาการปลอดภัยแล้ว มีเพียงแผลพุพองบริเวณขา และสำลักควันเท่านั้น

ล่าสุดวันที่ 7 ก.ค.63 หลังเกิดเหตุ นายวิทยา ถนอมพงศ์ อายุ 64 ปี และ นางนฤมล ถนอมพงศ์ อายุ 86 ปี แม่ของนายวิทยา รวมทั้งญาติๆ เข้าตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พบว่าทรัพย์สินบนชั้นสองถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด เหลือเพียงวัตถุมงคล พระเครื่อง และเงินเหรียญโบราณที่สะสมไว้ ถูกไฟไหม้จนดำเกรียม ส่วนสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรบริเวณปลั๊กไฟชั้นสองของบ้าน

นางนฤมล เล่าว่า บ้านหลังนี้สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ.2515 ด้วยไม้หลุมพอ มี นายวิทยา ลูกชาย และ นายเมธาวัฒน์ หลานชาย พักอาศัยอยู่กัน 2 คน ปกติตนจะมาพักอาศัยที่บ้านเกิดเหตุเป็นครั้งคราว เมื่อวานนี้ตนตั้งใจจะนอนที่บ้านหลังเกิดเหตุ และจะนอนอยู่ห้องนอนชั้นสองที่ถูกไฟไหม้ แต่โชคดีที่เมื่อวานนี้ตนไม่ได้นำเสื้อผ้ามา ประกอบกับต้องไปงานศพพ่อของเพื่อน จึงออกจากบ้านเกิดเหตุตั้งแต่ 5 โมงเย็น กระทั่งช่วงค่ำ ลูกชายบอกว่าไฟไหม้บ้าน ถึงกับเป็นลม แต่โชคดีที่ตนไม่ได้นอนที่บ้านคืนเกิดเหตุ หากตนนอนเชื่อว่าต้องเสียชีวิตแน่นอน เพราะตนอายุมาก เดินเหินไม่คล่อง คงหนีลงมาไม่ทันถูกไฟคลอกเสียชีวิตแน่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระบรมธาตุเมืองนครที่ตนเคารพ กราบไหว้ทุกวัน ช่วยคุ้มครองให้ตนรอดปลอดภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน ส่วนความเสียหายประเมินค่าไม่ได้ และอยู่ระหว่างประเมินกับลูกหลาน ว่าจะทำอย่างไรต่อกับบ้านหลังนี้

ขณะที่ นางบุษบา นกเกิด อายุ 54 ปี แม่บ้านเพรียวแมนชั่น เล่านาทีระทึกว่า เมื่อคืนเกิดเหตุไฟลุกไหม้บ้านอย่างหนัก เปลวไฟสูงกว่า 10 เมตร หรือสูงเท่ากับชั้น 4 ของแมนชั่น ช่วงเกิดไฟไหม้มีลมกระโชกพัดเปลวไฟก้อนมหึมาเปลี่ยนทิศมาทางแมนชั่น ซึ่งอยู่ติดกัน จากนั้นไม่กี่นาทีก็มีฝนตกลงมาอย่างหนัก และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุเร็ว จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ไม่ลุกลาม ยอมรับตกใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะน่ากลัวมาก เปลวไฟที่โหมอย่างหนักรับรู้ได้ถึงความร้อนเหมือนอยู่ในเตา รุนแรงและน่ากลัว ขณะที่ผู้ที่เช่าห้องพักของแมนชั่น รีบเข้าไปเคลื่อนย้ายรถจักรยานยนต์ที่จอดริมกำแพงแมนชั่น ซึ่งอยู่ห่างที่เกิดเหตุเพียง 5 เมตร ถึงกับร้อนหน้า และสำลักควันหลายคน อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุตนถึงกับอึ้งและขนลุก เพราะศาลตายาย 2 ศาล ที่เจ้าของแมนชั่นตั้งบูชาเมื่อปีที่แล้ว ไม่ได้รับความเสียหายแม้แต่น้อย รอยเขม่าควันไฟก็ไม่มี แม้อยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุเพียง 1–2 เมตรเท่านั้น ที่สำคัญช่วงเกิดเหตุมีลมกระโชกแรง และเปลวไฟมหึมาเปลี่ยนทิศมาทางแมนชั่น ทันใดนั้นเกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก เหมือนกับว่าศาลตายายดลบันดาลให้เกิดฝนตกเพื่อดับไฟที่ไหม้บ้าน และคุ้มครองคนในบ้านที่เกิดเหตุ รวมทั้งคุ้มครองแมนชั่นให้รอดปลอดภัย.

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0