ใครที่เคยดูคู่กรรมมา น่าจะคุ้นเคยกับเพลงท่อนนี้ [วิญญาณฉันรอที่ทางช้างเผือก] เคยสงสัยมั้ย? ทำไมต้องทางช้างเผือกหว่า…ไหนๆนี่ก็เดือน 7 พอดี จะไม่เล่าตำนานนี้ยังไงไหว
มันมีที่มาจากความเชื่อในเทศกาลวันทานาบาตะของญี่ปุ่นนั่นเอง จากการสังเกตเห็นว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาวสองดวงที่สว่างไสว คือดาวเจ้าหญิงทอผ้า (หรือก็คือดาวเวก้าที่อยู่ในกลุ่มดาวพิณ) และ ดาวคนเลี้ยงวัว (หรือดาวอัลแตร์ ที่อยู่ในกลุ่มดาวนกอินทรี) ซึ่งดวงดาวทั้งสองนั้นถูกกั้นด้วยทางช้างเผือก ตามความเชื่อญี่ปุ่นนั้นเชื่อว่าเป็นแม่น้ำสวรรค์
ซึ่งวันที่ 7 เดือน 7 นั่นเอง เป็นวันที่ทางช้างเผือกเด่นชัดบนท้องฟ้ามากที่สุด ตำนานนี้จึงถูกสรรสร้างขึ้นมา
ตำนานนั้นได้กล่าวเอาไว้ว่าด้านเหนือของแม่น้ำสวรรค์อามาโนคาวา มีพระราชาผู้ปกครองสวรรค์ดูแลอยู่ พระองค์มีพระธิดาคือ องค์หญิงโอริฮิเมะ นางเป็นคนที่ทอผ้าได้งดงามเป็นอย่างมาก พระราชาจึงมอบหมายให้รับผิดชอบหน้าที่ทอผ้า ทว่าวันหนึ่งนางได้ตกหลุมรักกับฮิโกโบชิ คนเลี้ยงวัว ทั้งสองจึงได้แต่งงานกัน
ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีปัญหาลูกเขยพ่อตา ไม่ยอมรับชนชั้นอย่างที่ในละครไทยชอบเล่นเลย เรื่องของเรื่องคือสองคนนี้ดันมัวแต่ฮันนีมูนไม่ยื่นใบลานี่สิ! องค์หญิงก็มัวแต่หวานลืมทอผ้า ฮิโกโบชิก็มัวแต่เพลินสวีทจนลืมเลี้ยงวัว สิ่งที่เกิดขึ้นคือผ้าก็ขาดตลาด วัวก็วิ่งพล่านไปทั่วสวรรค์(…..) พระราชาแห่งสวรรค์จึงกริ้วมากจับคู่รักทั้งสองแยกกันคนละฝั่งแม่น้ำ
องค์หญิงเสียใจเป็นอย่างมาก จึงได้พยายามต่อรองกับพระบิดาจนใจอ่อน ยอมให้เงื่อนไขว่าถ้าองค์หญิงทำหน้าที่ของตัวเองให้เรียบร้อย ขยันทอผ้า จะให้พบสามีได้ปีละหนึ่งครั้งในวันที่ 7 เดือน 7 นั่นเอง
แต่ทว่าแม้จะได้พบกันก็ดันมีแม่น้ำกั้นทำได้แค่มองหน้า นางจึงยังเศร้าโศกอยู่ดี จึงมีกลุ่มนกกางเขนอาสาว่าพวกมันจะใช้ปีกของมันเป็นสะพานให้คู่สามีภรรยาได้พบกัน ดังนั้นถ้าปีไหนฝนตกนกกางเขนมาไม่ได้ ทั้งสองก็เป็นอันนกไป ได้แต่มองสบตากันปริบๆรอไปอีกปีนั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : อยากสวีทกับคนรักแค่ไหน ก็ต้องเคลียร์งานให้เสร็จ อย่าให้หัวหน้าดุเอาได้นะ
ติดตามบทความใหม่ ๆ จาก ละครสะท้อนอะไร ได้ทุกวันพฤหัสบดี บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่นได้ที่เพจละครสะท้อนอะไร