หลังจากที่ "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เข้าป้ายคว้าเเชมป์ "พรีเมียร์ลีก" มาครองได้สำเร็จ เพราะว่าทำแต้มทิ้งห่าง “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบขาดลอย “แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่” ต่างก็เริ่มเบนความสนใจไปที่ “โควต้า UCL” เพราะว่าทั้ง เชลซี, เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่างมีโอกาสที่จะยึด “พื้นที่ท็อปโฟร์” ได้ทั้งหมด เพียงแต่ว่าน่าจะมีแค่ 2 ทีมเท่านั้นที่ “สมหวัง” เพราะดูแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่น่าแพ้รวด 4 นัดติดต่อกัน(ในการแข่งขัน 4 นัดสุดท้าย)
ย้อนกลับไปก่อนที่ “ลีกเมืองผู้ดี” จะหยุดพักยาวเพื่อหนี “โควิด-19” วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เป็นอีก 2 ทีมที่มีโอกาสลุ้นไปเตะ “ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก” เพราะอยู่ห่างจาก “อันดับที่ 4” เพียงแค่ 5 คะแนนเท่านั้น โดยเฉพาะทาง เชฟฯ ยูฯ ที่มีเกมตกค้างกับ แอสตัน วิลล่า เหลือในมืออีก 1 เกม ซึ่งหากเก็บชัยชนะมาครองได้ เชฟฯ ยูฯ ก็จะขยับขึ้นมาเป็น “อันดับที่ 5” และมีแต้มห่างจาก “โควต้า UCL” เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น แต่ว่าสุดท้ายทำไม่ได้
จนกระทั่งเกมผ่านไปจนถึงนัดที่ 34(ไม่รวมผลคู่ แมนฯ ยูฯ - วิลล่า) เชฟฯ ยูฯ และ วูลฟ์ฯ กลับดูมีโอกาสน้อยเต็มที่ในการลุ้น “พื้นที่ท็อปโฟร์” เนื่องจากทั้งคู่เริ่มถูก “อันดับที่ 4” ทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ จากที่เคยตามอยู่ที่ 5 คะแนน ล่าสุด วูลฟ์ฯ ตามหลัง เลสเตอร์ฯ(อันดับ 4) อยู่ทั้งหมด 7 คะแนน ส่วนทาง เชฟฯ ยูฯ ตามหลัง 8 คะแนน โดยเหลือเกมในลงเล่นอีกแค่ 4 นัดเท่านั้น
ทีมที่มีโอกาสไปลุย “แชมเปี้ยนส์ ลีก” ร่วมกับ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ มากที่สุด ณ เวลานี้คือ “สิงห์บลูส์” เพราะว่ามีอันดับดีที่สุดในกลุ่มลุ้นตั๋ว “แชมเปี้ยนส์ ลีก” โดยเก็บไปทั้งหมด 60 คะแนน จากการลงสนาม 34 นัด ตามมาด้วย เลสเตอร์ฯ 59 คะแนน และ แมนฯ ยูฯ 55 คะแนน(ถ้าชนะ วิลล่า ในนัดที่ 34 จะเก็บเพิ่มเป็น 58 คะแนน)
หากว่ามองไปที่โปรแกรม 4 นัดสุดท้ายของแต่ละทีม “จิ้งจอกสยาม” น่าจะเจองานหนักที่สุด เพราะว่าต้องพบกับทั้ง แมนฯ ยูฯ และ ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ซึ่งถือว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งคู่ โดยทาง “ปีศาจแดง” ใส่เต็มสูบแน่นอนเพื่อแย่ง “พื้นที่ท็อปโฟร์” ขณะที่ “ไก่เดือยทอง” ก็ยังมีหวังที่จะไปลุย “ยูโรป้าฯ” น่าจะไม่มีผ่อนเช่นกัน
ทางฝั่งของ เชลซี ดูแล้วน่าจะโปรแกรมเบาที่สุดในกลุ่ม เพราะมีเกมหนักแค่การบุกเยือน “แอนฟิลด์” ของทีมแชมป์อย่าง “หงส์แดง” เท่านั้น ส่วนนัดอื่นๆที่เหลือจะพบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, นอริช ซิตี้ และ วูล์ฟแฮมป์ตันฯ ลูกทีมของ แฟรงค์ แลมป์พาร์ด น่าจะเอาตัวรอดได้
ขณะที่ แมนฯ ยูฯ ถือว่าโปรแกรมที่เหลือ “ไม่หนักไม่เบา” ดูแล้วที่สำคัญที่สุดคือการดวลกับ เลสเตอร์ฯ ซึ่งถือเป็นการตัดแต้มกันโดยตรง ถ้าชนะก็ได้เปรียบทันที แต่ถ้าพลาดก็เสียเปรียบทันควัน ส่วนที่เหลืออีก 3 เกมคือการพบกับ เซาแธมป์ตัน, คริสตัล พาเลซ และ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด อาจหนักใจบ้างในเกมกับ “เดอะ แฮมเมอร์ส” เพราะคู่แข่งต้องดิ้นรนหนีการตกชั้น แต่ถ้าเล่นได้ตามฟอร์มที่ผ่านมา แมนฯ ยูฯ เก็บได้แน่นอน
ฟันธงฉับ!(ผิดหรือถูกว่ากันอีกเรื่อง) เชลซี และ แมนฯ ยูฯ น่าจะเป็น 2 ทีมสุดท้าย ที่คว้าตั๋วลุย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ร่วมกับ “แชมป์” และ “รองแชมป์” ส่วนทาง เลสเตอร์ฯ น่าจะออกอาการแผ่วปลาย เพราะดูแล้ว เบรนดอน ร็อดเจอร์ ยังไม่นิ่งพอ
ปลั๊ก ภุมเรศ
