ดินดานเกิดขึ้นที่ไหน น้ำธาตุอาหารปุ๋ยไม่สามารถซึมลงไปในดินชั้นล่างได้ ทำให้รากพืชดูดอาหารมาเลี้ยงลำต้นไม่ได้ พืชไม่สามารถ เจริญเติบโตได้เต็มที่ เกษตรกรได้ผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูง…เป็นปัญหาที่พบเจอบ่อยในไร่มันสำปะหลังและไร่อ้อย
การแก้ปัญหาที่ได้ผลต้องใช้วิธีการไถระเบิดดินดาน ใช้รถแทรกเตอร์กำลังสูง 70-80 แรงม้า ลากจูงคันไถสำหรับขุดเจาะดินดานให้แตกตัวออกมาเป็นดินร่วนซุย…แต่เป็นวิธีที่เหมาะกับเกษตรกรรายใหญ่มีกำลังทรัพย์สูง
"เกษตรกรรายเล็กไม่มีปัญญาจะซื้อหามาใช้ได้ และเกษตรกรกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะมีรถไถขนาดเล็ก 40-50 แรงม้า จึงทำให้การเพาะปลูกได้ผลผลิตต่ำ ต้นทุนสูง ปี 2555 กรมวิชาการเกษตรจึงคิดหาวิธีที่จะทำให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ให้ได้"
นายยุทธนา เครือหาญชาญพงค์ วิศวกรการเกษตรชำนาญการพิเศษ สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม เผยถึงที่มาของ "คันไถจิ๋วระเบิดดินดาน" นวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางการเกษตร คว้ารางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติประจำปี 2558 จากสำนักงานวิจัยแห่งชาติ (วช.)
รูปร่างหน้าตาคล้ายคันไถระเบิดดินดานเดิม แต่มีขนาดเล็กลง…ด้านหน้าเป็นชิ้นเหล็กประกอบตลอดแนวยาว สำหรับขาของคันไถทำด้วยเหล็กหนา 25 มม. กว้าง 180 มม. ที่ปลายด้านล่างมีหัวเจาะ กว้าง 120 มม. ยาว 400 มม.
ความโดดเด่นของ "คันไถจิ๋วระเบิดดินดาน" ที่แปลกพิเศษกว่าคันไถรุ่นใหญ่อยู่ตรงการคิดคำนวณออกแบบหัวเจาะให้มีมุมกดอยู่ระหว่าง 30 องศา ที่มีความลาดเอียงพอเหมาะกับดินดาน
ต่างจากหัวเจาะคันไถแบบเดิมที่มีความลาดชันสูง การลากไถระเบิดดินเลยต้องใช้กำลังแรงเยอะ…ด้วยคันไถจิ๋วฯมีหัวเจาะลาดเอียงที่พอเหมาะ จึงสามารถใช้รถไถกำลังแรงต่ำลากระเบิดดินดานได้ไม่ยาก
นอกจากนั้น หัวเจาะยังมีปีกที่เรียกว่าซุปเปอร์ริง มาช่วยให้ดินดานแตกร่วนได้เร็วขึ้น และช่วยปกป้องดินดานที่ถูกระเบิดไม่ให้พุ่งกระเด็นขึ้นมากีดขวางการทำงานของโครงคันไถ
และจากการทดสอบประสิทธิภาพการไถระเบิดดินดานที่ความลึกเฉลี่ย 41 ซม. ปรากฏว่า สามารถไถได้ 2.41 ไร่ต่อชั่วโมง มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 3.52 ลิตรต่อไร่…และการไถทดสอบในดินชุดทั่วประเทศ "คันไถจิ๋วระเบิดดินดาน" สามารถขุดทะลุชั้นดินดานที่ระดับความลึก 45 ซม.ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเปรียบเทียบผลผลิตการปลูกมันสำปะหลังและอ้อย ระหว่างแปลงที่มีการไถระเบิดดินดานกับไม่มีการไถ ในพื้นที่ของกรมส่งเสริมการเกษตรและสำนักเศรษฐกิจการเกษตร พบว่าแปลงที่มีการไถระเบิดดินดานช่วยให้เกษตรกรได้ผลเพิ่มขึ้น 16.15% ช่วยลดต้นทุนการผลิต 11.06% มีกำไรเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 20.47%
สนใจติดต่อได้ที่ 08-9212-4183, 0-2579-2757 หรือสถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร สนนราคาอยู่ที่ชุดละ 30,000 บาท.
ไชยรัตน์ ส้มฉุน