นักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศเผย2สถานการณ์จุดจบม็อบฮ่องกง "จบลงอย่างสงบ"หรือ "แตกหัก"ก่อนจะถึงวันชาติจีน 1 ต.ค. ด้านกงสุลใหญ่ในฮ่องกงเตือนคนไทยระมัดระวังและเลี่ยงจุดชุมนุมประท้วง ขณะฮ่องกงหั่นจีดีพีไตรมาส2 หลังการประท้วงยืดเยื้อฉุดรายได้ประเทศ ส่วนซีอีโอสายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิกลาออก รับผิดชอบกรณีนักบินร่วมชุมนุม
นายเดวิด โรช ผู้ก่อตั้งและนักวางกลยุทธ์บริษัทอินดิเพนเดนท์ สตราติจี บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาด้านการลงทุนทั่วโลก ให้ความเห็นว่า การตอบสนองต่อกรณีการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงที่ยืดเยื้อมานานกว่า2เดือนของรัฐบาลปักกิ่งจะเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนและเกี่ยวโยงกับความสัมพันธ์ของจีนกับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการเมืองกับเศรษฐกิจของจีนจะดำเนินไปควบคู่กัน และการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงจะมีจุดจบ2รูปแบบคือ ปิดฉากลงอย่างสงบหรือจบลงแบบแตกหัก มีการใช้กำลังทหารของจีนเข้าปราบปรามกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไรจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 1 ต.ค.ซึ่งเป็นวันชาติของจีน ที่ปีนี้ครบรอบ 70 ปี
"ผมไม่คิดว่าการชุมนุมประท้วงในฮ่องกงเป็นแค่ปัญหาเล็กๆในระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีน เพราะผมเชื่อว่าการแทรกแซงฮ่องกงของรัฐบาลปักกิ่งจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนและการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ"นายโรช กล่าว
ขณะที่นายเรย์ ดาลิโอ ผู้ก่อตั้งบริดจ์วอเตอร์ แอสโซซิเอต บริษัทด้านการลงทุน ให้ความเห็นว่า การชุมนุมประท้วงที่กำลังเกิดขึ้นในฮ่องกงขณะนี้ไปไกลกว่าการชุมนุมประท้วงและได้กลายเป็นการปฏิวัติในฮ่องกงไปแล้ว เป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความปั่นป่วนในวงกว้างและเป็นความซับซ้อนด้านภูมิศาสตร์การเมืองของโลก แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเสี่ยงขนาดปานกลางสำหรับเศรษฐกิจจีน โดยยกให้ความเสี่ยงอยู่ในระดับ 3 หรือ 4 จากคะแนน1-10
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ด้วยเงื่อนไขตอนนี้แทบไม่ต้องคิดเลยว่าจะได้เห็นกองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีน (พีแอลเอ) หรือกองทัพของสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าไปในฮ่องกง ซึ่งกองทัพจีน มีกำลังพลในฮ่องกงประจำการอยู่แล้วประมาณ 5,000 คน ตั้งแต่รับมอบเกาะฮ่องกงจากอังกฤษ
