กลุ่มชาติพันธุ์บุกสภาฯร้อง 3 เดือนล็อกดาวน์กระทบหนักแทบอดตาย ด้าน"ก้าวไกล"พร้อมช่วยเต็มที่
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่อาคารรัฐสภา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายธัญญ์วาริน สุขะพิศิษฐ์ นายมานพ คีรีภูวดล และ นายณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล รับเรื่องร้องเรียนจาก น.ส.มัจฉา พรอินทร์ ผอ.องค์กรสร้างสรรค์อนาคตเยาวชนจาก จ.แม่ฮ่องสอน ที่เรียกร้องให้รัฐบาลหาเเนวทางเเละมาตรการในเยียวยาคุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ ให้ได้เข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานคนไทย
น.ส.สายรุ้ง ยามเย็น หรือ น้องแอ เยาวชนเผ่าพื้นเมืองผู้มีความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า เวลานี้คนในหมู่บ้านกำลังจะอดตาย บางคนได้ทิ้งลูก ทิ้งเมีย ทิ้งยาย อายุ 91 ปี ออกจากบ้านไป เนื่องจากได้รับผลกระทบหนักจากโควิด 19 โดยเฉพาะหลังจากมีมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล การไม่มีสัญชาติทำให้เราถูกตัดสิทธิในการศึกษา การรักษาพยาบาล การเข้าไม่ถึงของภาครัฐ ทำให้เราเข้าไม่ถึงเเหล่งอาหาร ถูกละเมิดสิทธิชุมชน เมื่อเกิดโควิด-19 เราตกงานกัน เราไม่ข้าวกิน เด็กเล็กขาดเเคลนนม ผู้พิการขาดเงินประทังชีวิต คนสูงอายุขาดรายได้ในการดูเเลตนเอง ส่วนเด็กเเละเยาวชนที่มีความหลากหลายทางเพศไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว มีความรุนเเรงเกิดขึ้นจากจากรากฐานปัญหาเพศภาวะ ผู้หญิงเป็นคนที่ต้องรับภาระทุกอย่างในครอบครัว พื้นที่ชุมชนยังถูกประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ ทำให้โดนจำกัดในพื้นที่ทำมาหากิน หลังโควิด -19 จึงลำบากมาก การที่มาวันนี้ หนูไม่ได้แค่มาเล่าให้จบ แต่อยากให้ ส.ส.พรรคก้าวไกลร่วมเป็นกระบอกเสียงให้กับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ด้วย
ขณะที่ น.ส.มัจฉา พรอินทร์ ผอ.องค์กรสร้างสรรค์อนาคตเยาวชน จ.แม่ฮ่องสอน กล่าวว่า องค์กรของตนทำงานโดยไม่รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยมาเป็นเวลา 15 ปีแล้ว ทำงานช่วยเด็กเยาวชนที่ไม่มีสัญชาติให้ได้รับการศึกษา ที่ผ่านมาเก็บข้อมูลด้วยความเจ็บปวด ในครั้งนี้ขอยื่นข้อเสนอใน 4 ประเด็น คือ หนึ่ง 4 เดือนที่ผ่านมา ชุมชนไม่มีข้าว ไม่มีอาหาร ต้องการการดูเเลจากภาครัฐ สอง กลุ่มชาติพันธุ์สูญเสียรายได้จากนโยบายล็อกดาวน์ของรัฐ ต้องการได้รับการเยียวยา 5,000 ตั้งเเต่ก่อนวิกฤติจนถึงปัจจุบัน สาม เยียวยาเด็กไร้สัญชาติให้เขามีเงินเเละรัฐบาลต้องส่งเสริมทุนการศึกษาให้แก่เด็กไร้สัญชาติในระยะยาว และประเด็นสุดท้าย ขอเรียกร้องรัฐบาลให้ปกป้องคุ้มครองดูเเลเรื่องความรุนแรงในครอบครัวให้เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ขอเรียกร้องเรื่องเหล่านี้ไปยังรัฐบาลชุดนี้ ถึงเเม้จะไม่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยที่เต็มรูปเเบบ ขอความช่วยเหลือจาก ส.ส.ทุกพรรคการเมือง รวมไปถึงพรรคก้าวไกล เพื่อช่วยเหลือเเละหาเเนวทางรวมถึงมาตรการดูเเลพวกเราด้วย
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่น้องชาติพันธุ์ คือ ความรุนเเรงในครอบครัว ความขาดเเคลนทางการศึกษา เเละการเข้าถึงสิทธิประโยชน์ที่ควรได้รับ ในนามของพรรคก้าวไกล เราจะเร่งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาช่วยเหลือโดยด่วน ทั้งนี้ ในพรรคก้าวไกลก็มี ส.ส.ที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์และตัวแทนกลุ่มที่ทำงานด้านความหลากหลาย ยืนยันว่าพวกเขาจะเป็นตัวแทนที่จะช่วยเร่งดำเนินงานประสานไปยังเครือข่ายชาติพันธ์ุของพรรค เพื่อหาเเนวทางเเละมาตรการดูเเล เเละในส่วนของรายงานในคณะกรรมาธิการกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้ศึกษาเรื่องนี้ เราจะถูกนำส่งปัญหาเเละเเนวทางการจัดการของกลุ่มชาติพันธุ์เข้าไปในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถือเป็นครั้งเเรกเพื่อหาเเนวทางเเละฉันทามติร่วมกันในการดูเเลพี่น้องชาติพันธุ์
นายธัญญ์วารินทร์ กล่าวว่า รู้สึกเจ็บปวดเเละเสียใจที่ผู้ร้องเรียนไม่ได้รับการดูเเลจากภาครัฐเเละการไม่ได้รับสัญชาติ พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ควรได้รับการดูเเล ไม่ควรถูกละเลยแม้เเต่คนเดียว เพราะทุกคนคือคนไทยเหมือนกัน
ขณะที่ นายมานพ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าว คือ บริเวณตำบลสบเมย ติดชายเเดนไทยพม่า ซึ่งถึงตอนี้ยังมีคนตกหล่นเรื่องสถานะสัญชาติอีกมากเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ส่วนมาตรการของรัฐก็ยังกีดกันในหลายประเด็นเกี่ยวกับสิทธิที่พี่น้องกลุ่มชาติพันธ์ุจะได้รับ
“ผมขอเรียกร้องในฐานะ ส.ส.ชาติพันธ์ุ ว่า บุคคลที่ไร้สัญชาติ ถ้ายังอยู่ในกระบวนการพิสูจน์ถือเป็นบกพร่องของรัฐไทยที่ไม่สามารถเข้าถึงปัญหาของพวกเขาได้ ผมจะรีบดำเนินการเเละประสานกับฝ่ายบริหารและหน่วยงานต่างโดยตรงและโดยเร็ว เพราะการค้าด่านชายเเดนไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลประกาศล็อกดาวน์ 3 เดือนที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มชาติพันธ์ุถูกจำกัดพื้นที่ ไม่สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ” นายมานพ กล่าว
นายณัฐพล กล่าวว่า กลุ่มชาติพันธุ์คือเหรียญอีกด้านหนึ่งที่มองไม่เห็นแต่ไม่ใช่ไม่มี ขอวิงวอนให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือ ร่วมพลิกเหรียญอีกด้านหนึ่งมา เพื่อร่วมหาทางออกให้กับกลุ่มคนชายขอบได้เข้าถึงมาตรการดูเเลที่ดีขึ้น ร่วมสร้างความเท่าเทียมร่วมกัน
