โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ดูดวง

แชร์เก็บไว้เลย! ไหว้พระธาตุประจำปีเกิด เสริมดวงปี 2561

Horoworld

เผยแพร่ 19 ธ.ค. 2560 เวลา 00.45 น. • horoworld
แชร์เก็บไว้เลย! ไหว้พระธาตุประจำปีเกิด เสริมดวงปี 2561

เพื่อเป็นการต้อนรับสู่ปีใหม่ 2561 วันนี้ Horoworld ขอเอาใจสายบุญด้วยการรวมข้อมูล พระธาตุประจําปีเกิด พร้อมบทสวดบูชาไหว้พระธาตุประจําปีเกิด ทั้ง 12 ปีนักษัตร ในประเทศไทยมาฝากกันจ้า  

 

คนเกิดปีชวด : พระธาตุศรีจอมทอง ณ วัดศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่

 

พระธาตุศรีจอมทอง พระธาตุนี้บรรจุพระทักษิณโมลีธาตุ (กระดูกพระยอดเบื้องขวา) ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่างๆ จนถึงบ้านสัมภะการีวัน (บ้านลำปางหลวง) พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะคนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้าผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว และมะตูมมาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณืว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่าลัมพกัปปะนคร แล้วได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอน ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเกศานั้น บรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา แล้วแต่งยนต์ผัด (ยนต์หมุน) รักษาไว้ และถมดินให้เรียบเสมอกัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มีกษัตริย์อีกหลายพระองค์ มาก่อสร้างและบูรณซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นวัดที่มีความงามอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

 

บทสวดบูชาพระธาตุศรีจอมทอง (ตั้งนะโม 3 จบ)

 

นะมามิ ติโลกะโมลี โลหะกุฏเฐ นะติฏฐิตัง ปูชิตัง สัพพะโลเกหิ กิตติมันตัง มะโนระหัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา อังคะวะหะเย ปุเรรัมเม โกวิสารัคคะ ปัพพะเต สะหิเหมะคูหาคัพเภ ทักขิณะ โมลีธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะทา

 

คนเกิดปีฉลู -> พระธาตุลำปางหลวง ณ วัดลำปางหลวง จ.ลำปาง

 

พระธาตุลำปางหลวง  ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปตามบ้านเมืองต่าง ๆ จนถึงบ้านสัมภะการีวัน (บ้านลำปางหลวง) พระพุทธเจ้าได้ประทับเหนือดอยม่อนน้อย มีชาวลัวะคนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน เกิดความเลื่อมใส ได้นำน้ำผึ้งบรรจุกระบอกไม้ป้างมะพร้าว และมะตูมมาถวายพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงพยากรณ์ว่า สถานที่แห่งนี้ต่อไปจะมีชื่อว่าลัมภกัปปะนคร แล้วได้ทรงลูบพระเศียรได้พระเกศามาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอน ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเกศานั้น บรรจุในผอบทองคำ และใส่ลงในอุโมงค์พร้อมกับถวายแก้วแหวนเงินทองเป็นเครื่องบูชา แล้วแต่งยนต์ผัด (ยนต์หมุน) รักษาไว้ และถมดินให้เรียบเสมอกัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในสมัยต่อมาก็ได้มีกษัตริย์อีกหลายพระองค์ มาก่อสร้างและบูรณะซ่อมแซม จนกระทั่งเป็นวัดที่มีความงามอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

 

บทสวดบูชาพระธาตุลำปางหลวง (ตั้งนะโม 3 จบ)

 

ปายุตาภูตา อะนุรานุภาวา จิรังปติฏฐิโต สัมภะกัปปะปุเร เทเวนะ คุตตา อันตุราภิเทยยา นิมามิ หันตัง วะระชินะธาตุง กุมาระกัสสะปัง นราตะ ธาตุโย เมฆิยะมหาเถระโร กัณณะธาตุฏฐะเปติ มหาฐาเน เจติยัง ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

 

คนเกิดปีขาล -> พระธาตุช่อแฮ ณ วัดช่อแฮ จังหวัดแพร่

 

พระธาตุช่อแฮ เป็นเจดีย์บรรจุพระเกศาและพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปูชนียสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเมืองแพร่มาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่าขุนลัวะอ้ายก้อมเป็นผู้สร้าง ปรากฏหลักฐานการบูรณะปฏิสังขรณ์ระหว่าง พ.ศ. 1879-1881 ในสมัยพระมหาธรรมราชา (ลิไท) เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระมหาอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย ลักษณะองค์พระธาตุเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะแบบเชียงแสนสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร สร้างด้วยอิฐโบกปูน หุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง ลงรักปิดทอง 

 

บทสวดบูชาพระธาตุช่อแฮ
เสยะยัง ธัชชัคคะปัพพะเต พุทธาธาตุ ปะติฏฐิตัง ปะสัน เนนะ อะหัง วันทามิ ทูระโตฯ

 

คนเกิดปีเถาะ -> พระธาตุแช่แห้ง ณ วัดแช่แห้ง จังหวัดน่าน
พระธาตุแช่แห้ง จากพงศาวดารเมืองน่านกล่าวว่า พระยาการเมือง เจ้านครน่าน ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุจากกรุงสุโขทัย มาประดิษฐานไว้ที่ดอยภูเพียงแช่แห้ง และตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับสรงน้ำที่ริมฝั่ง แม่น้ำน่านทางทิศตะวันออก ที่บ้านห้วยไคร้ และเสวยผลสมอแห้ง ซึ่งพระยามลราชนำมาถวาย แต่ผลสมอนั้นแห้งมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงนำผลสมอนั้นไปแช่น้ำก่อนเสวย และทรงพยากรณ์ว่า ต่อไปที่นี่จะมีผู้นำพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน จึงเรียกพระสถูปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแห่งนี้ว่า พระธาตุแช่แห้ง

 

บทสวดบูชาพระธาตุแช่แห้ง (ตั้งนะโม 3 จบ)

 

ปายาตุภูตา อตุรานุ ภาวะจิรัง ปะติฏฐิตา นันทกัปปัฏฐานะปุระ เทเวนะคุตตา วะระพุทธาตุงจิรัง อะหัง วันทามิ ตัง ชินะธาตุง เสตะฐาเน อะหัง วันทามิ ทูระโตฯ

 

คนเกิดปีมะโรง -> พระธาตุสิงห์ ณ วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 

 

พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ ตั้งอยู่ในวัดพระสิงห์วรมหาวิหาร จ.เชียงใหม่ ถือเป็นพระเจดีย์เก่าแก่สร้างในสมัยเดียวกับการตั้งวัด โดยเป็นศิลปะแบบล้านนา หริภุญชัย ผสมลังกา ที่เน้นความงามเรียบง่าย พระธาตุเจดีย์แห่งนี้ พระเจ้าผายู เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ โปรดให้สร้างขึ้น เมื่อ พ.ศ. 1888 ต่อมาได้บูรณะใหม่สมัยครูบาศรีวิชัย ราว พ.ศ. 2469 ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระนำมาจากทวีปลังกา จึงมีความเชื่อว่า อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตผู้เกิดปีมะโรง หากได้มีโอกาสมานมัสการพระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ จะเป็นมงคลอันสูงสุด

 

บทสวดบูชาพระธาตุวัดพระสิงห์และพระพุทธสิหิงค์ (ตั้งนะโม 3 จบ)

 

นะมามิ สิหิงคะพิมพัง สุวัณณะภิรัมมัง ลังกาละ ชาตัง โสภาภิโสภัง สะลาภิกันตัง นะมามิหังฯ

 

คนเกิดปีมะเส็ง -> เจดีย์ศรีมหาโพธิ์พุทธคยา วัดโพธารามมหาวิหาร อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 

 

เจดีย์ศรีมหาโพธิ์พุทธคยา (เจดีย์เจ็ดยอด) เป็นวัดที่สำคัญและเก่าแก่แห่งหนึ่งของเชียงใหม่ มีลักษณะคล้ายกับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยา ในประเทศอินเดีย ที่ฐานเจดีย์ประดับปูนปั้นรูปเทวดา ด้านนอกพระเจดีย์ ประดับงานปูนปั้นรูปเทวดาทั้งนั่งขัดสมาธิและยืนทรงเครื่องที่มีลวดลายต่างกันไปดูงามน่าชม 

 

บทสวดบูชาพระเจดีย์ศรีมหาโพธิ์  (ตั้งนะโม 3 จบ)

 

ปะฐะมัง โพธิปัลลังกัง ทุติยังอนิมิสสะกัง ตะติยัง จังกะมะเสฏฐัง จะตุตะถัง ระตะนะฆะรัง ปัญจะมัง อะชะปาลานิโครธัง ฉัฏฐังราชา ยะตะนัง สัตตะมัง มุจจะรินทัง อะหัง วันทามิ ทูระโตฯ

 

คนเกิดปีมะเมีย -> พระบรมธาตุเจดีย์ วัดพระบรมธาตุ อ.บ้านตาก จ.ตาก

 

พระบรมธาตุเจดีย์ ตั้งอยู่ในวัดเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งสร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 18 แต่เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัดพระเจ้าทันใจ เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าทันใจ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ และมีตำนานว่าสร้างเสร็จในหนึ่งวัน พระเจ้าทันใจนี้ร่ำลือกันว่าศักดิ์สิทธิ์นัก จริงๆ แล้วพระเจ้าทันใจมีอยู่อีกหลายวัด แต่ที่เป็นที่นับถือมากที่สุด คือ วัดพระบรมธาตุ พระครูพิทักษ์บรมธาตุ (ทองอยู่) โดยเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุได้จดจำเอารูปทรงของเจดีย์ชเวดากองมาสร้างครอบเจดีย์องค์เก่า ซึ่งมีรูปทรงสมัยสุโขทัยไว้ และยังสร้างพระบรมธาตุองค์เล็ก ๆ 16 องค์ และเจดีย์ใส่พระพุทธรูปอีก 16 องค์ และโขงจุดไฟเทียนอีก 6 โขง ไว้รายรอบเจดีย์องค์ใหญ่ด้วย 
ด้านซ้ายมือของเจดีย์จะเป็นทางเข้าวิหารเก่าครึ่งตึกครึ่งไม้และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองปางมารวิชัย ภายในวิหารยังมีธรรมาสน์เก่าเป็นไม้แกะสลักอย่างวิจิตรงดงาม ทางซ้ายของเจดีย์เป็นพระอุโบสถครึ่งตึกครึ่งไม้ มีประตูไม้แกะสลักรูปป่าหิมพานต์ หน้าบันและจั่วเป็นไม้แกะสลักไว้อย่างวิจิตร หน้าบันที่สวยมากจะอยู่ทางด้านหลังของพระอุโบสถ บานหน้าต่างเป็นภาพพระพุทธประวัติใช้ไม้แกะสลักปิดทองสวยงามมาก วัดพระบรมธาตุเป็นวัดที่กล่าวได้ว่า สวยงามที่สุดในจังหวัดตาก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีชาวบ้านเป็นจำนวนมาก นำดอกไม้ธูปเทียนมาบูชา นอกจากนั้นยังมีงานประเพณีที่สำคัญอีกงานหนึ่ง คือ ประเพณีขึ้นธาตุเดือนเก้า
คำบูชาพระธาตุ (ตั้งนะโม 3 จบ) 
สัมมาสัมพุทธะ นะลาตะ อัฏฐิ จะตุเกสาธาตุยา คันธะวะ รัง ฐิตัง ปะระมา ธาตุ เจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะธา 
คนเกิดปีมะแม -> วัดพระธาตุดอยสุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
พระธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 9 โดยพระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระ นำมาจากเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งได้ขุดพบจากนิมิตฝันของพระมหาสุมนเอง เมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสู่เชียงใหม่แล้ว พระธาตุได้แยกเป็นสองส่วน พระเจ้ากือนาทรงเลื่อมใส ได้อัญเชิญมาบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอก 
ส่วนองค์ที่สอง ได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทายว่า ช้างหยุดที่ใด ก็จะสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่นั่น แล้วปล่อยช้างไป ช้างได้มุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันตก ขึ้นไปยังดอยสุเทวะฤาษี หรือดอยสุเทพปัจจุบัน แล้วมาหยุดที่ยอดดอยสุเทพ พระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้สร้างพระเจดีย์ ณ ที่นั้น มีขนาดสูง 5 วา เมื่อ พ.ศ. 1916 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2068 พระเจ้าเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ของเชียงใหม่ ได้ทำการบูรณะพระเจดีย์ โดยได้นิมนต์พระมหาญาณมงคลโพธิ จากลำพูนมาเป็นประธานการบูรณะ โดยขยายพระเจดีย์ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม สูง 11 วา กว้าง 6 วา ที่ปรากฏทุกวันนี้ 

 

บทสวดบูชาพระธาตุดอยสุเทพ (ตั้งนะโม 3 จบ) 
สุวัณณะเจติยัง เกสาวะระมัตถะลุงคัง อรัญญะธาตุ สุเทเว สัพพะ ปูชิง ตัง นะวะเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

 

คนเกิดปีวอก -> พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม 
พระธาตุพนม เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของภาคอีสาน ประดิษฐานบนเนินที่เรียกว่าภูกำพร้า ปัจจุบันเป็นบริเวณวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมราว 52 กิโลเมตร พระธาตุพนมสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ประมาณ พ.ศ. 8 โดยเจ้าเมือง 5 องค์คือ พระยาสุวรรณภิงคารนะ พระยาคำแดง พระยาอินทปัตถะนคร พระยาจุลนีพรหมทัต และพระยานันทเสน เพื่อบรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ลักษณะพระเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม หรือทรงแจกัน ก่อด้วยอิฐมีลวดลายจำหลักลงไปในแผ่นอิฐ มีซุ้มคั่นด้านละซุ้ม ซ้อนกัน 3 ชั้น ลดหลั่นกันลงมาอย่างวิจิตร พระธาตุพนมได้รับการบูรณะเรื่อยมาตามกาลเวลา และในวันที่ 11 สิงหาคม 2518 องค์พระธาตุพนมได้หักโค่นลง ประชาชนชาวไทยทั่วทั้งประเทศได้ร่วมกันสละทุนทรัพย์ก่อสร้างขึ้นใหม่ และมีพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นบรรจุอีกครั้งในวันที่ 23 มีนาคม 2522 
บทสวดบูชาพระธาตุพนม ( ตั้นะโม 3 จบ )
กะปะณะ คิริสมิง ปัพพะเต มหากัสสะเปนะ ฐาปิตัง พุทธะอุรัง คะธาตุง สิริสา นะมามิฯ

 

คนเกิดปีระกา :  วัดพระธาตุหริภุญชัย อ.เมือง จ.ลำพูน 
พระธาตุหริภุญชัย เป็นปูชนียสถานสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในภาคเหนือ และเป็นมิ่งขวัญของชาวลำพูน ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุหริภุญชัย ในกลางเมืองลำพูน ภายในวัดเป็นลานกว้าง มีวิหารหลายหลัง หอระฆังสวยงาม ปรากฏในตำนานว่า สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระเจ้าอาทิตยราช กษัตริย์นครหริภุญชัยราว พ.ศ. 1586 ต่อมาได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุนี้อีกหลายครั้งในรัชกาลพระเจ้าติโลกราชเมื่อ พ.ศ. 1986 ได้โปรดให้เสริมพระธาตุเป็น 23 วา ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก ยอดมีฉัตร 7 ชั้น 
หลังจากนั้นพระเมืองแก้วได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์และสร้างระเบียงหอก ซึ่งเป็นรั้วล้อมพระธาตุ 500 เล่ม แล้วทรงสร้างวิหารหลวง และใน ปี พ.ศ. 2329 พระเจ้ากาวิละได้ทรงทำการบูรณะพระบรมธาตุ และทรงสร้างฉัตรหลวงขึ้น 4 มุม และสร้างฉัตรยอดเจดีย์ด้วยทองคำเป็น 9 ชั้น ฐานพระธาตุเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างด้านละ 10 วา และสร้างรั้วทองเหลืองล้อมรอบองค์เจดีย์ด้านในองค์พระธาตุเป็นสีทองอร่ามเป็นที่ต้องตาต้องใจนักท่องเที่ยวต่างเมืองผู้มีโอกาสได้ไปเยือนยิ่งนัก ทางจังหวัดลำพูนได้จัดให้มีงานนมัสการประจำปีขึ้นในวันเพ็ญ เดือน 6 ซึ่งก็คือวันวิสาขบูชา 

 

บทสวดบูชาพระธาตุหริภุญชัย  ( ตั้งนะโม 3 จบ )
สุวัณณะเจติยัง หะริภุญชะยัฏฐัง วะระโมลีธารัง อุรัฏฐเสฎฐัง สะหะอังคุลิฏฐัง กัจจายะเนนา นิตะปัตตัปปะรัง สีเสนะ มัยหัง ปะณะมามิ ธาตุง อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ

 

คนเกิดปีจอ -> พระธาตุเกศแก้วจุฬามณี วัดเกตการาม อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
พระธาตุวัดเกตการาม ความเป็นมาตามพุทธประวัติ ได้กล่าวไว้ว่า เป็นที่ประดิษฐานพระทันตธาตุที่พระอินทร์นำมาจากพระบรมธาตุที่โทณพราหมณ์ได้แอบซ่อนไว้ เมื่อครั้งมีการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าให้แก่เจ้าเมืองต่าง ๆ ด้วยเหตุที่ พระธาตุเจดีย์องค์นี้ มนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปถึงได้ ดังนั้น นอกจากนมัสการด้วยการบูชารูปแล้วยังสามารถบูชาพระเจดีย์ ที่วัดเกตการาม จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีชื่อพ้องกับพระเกศแก้ว จุฬามณี เจดีย์วัดนี้ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิง ในเขตย่านการค้าของชาวต่างชาติ ตามประวัติ ว่าสร้างโดยพญาสามฝั่งแกน เมื่อ พ.ศ. 1971 แต่พระเจดีย์ได้พังทลายลง ในปี พ.ศ. 2121 พระสุทโธ รับสั่งให้สร้างขึ้นใหม่ให้เป็นเจดีย์ทรงลังกาแบบล้านนา นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพระวิหารใหญ่ที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ และพิพิธภัณฑ์เก็บของใช้พื้นบ้านให้ชม (เปิด 08.00-16.00 น.) ที่ตั้ง บ้านวัดเกต ถ.เจริญราษฎร์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 
บทสวดบูชาพระธาตุเจดีย์เกตุแก้ว (ตั้งนะโม 3 จบ) 
จัตตาฬีสะสะมา ทันตา เกส โลมรา นขาปิจะเทวา หะรันติ เอเกกัง จักกะวาฬาปะรัมปะรา ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ

 

คนเกิดปีกุน -> วัดพระธาตุดอยตุง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย 
พระธาตุดอยตุง นับเป็นโบราณสถานอันเก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตามประวัติตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระมหากัสสปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อาราธนาอัญเชิญเอายังพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า (พระรากขวัญเบื้องซ้าย) ของพระพุทธเจ้า มามอบถวายแด่พระเจ้าอุชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกชัยบุรี รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์สิงหนวัติ เป็นประธานพร้อมด้วยมุขมนตรีเสวกอำมาตย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาบรรจุสร้างขึ้น ณ ที่ดอยดินแดง (คือดอยตุงปัจจุบัน) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1454 ต่อมาอีก 100 ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อว่า พระมหาวชิรโพธิเถร ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมามอบถวายให้พระเจ้ามังรายะนะธิราช แล้วจึงได้พร้อมใจกันนำเอาพระบรมธาตุขึ้นบรรจุสร้างใหม่ขึ้นมาอีกองค์หนึ่งบนดอยตุง พร้อมได้ปฏิสังขรณ์องค์เดิม 

 

บทสวดบูชาพระธาตุดอยตุง (ตั้งนะโม 3 จบ) 


พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาชาตุ จิรัง มะหาคะมา นะมามิหัง อะหัง วันทามิ สัพพะทาฯ

 

อย่างไรก็ดีการไปไหว้พระธาตุประจำปีเกิดถือว่าเป็นมหามงคลยิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชน เพราะสามารถขอพรให้สัมฤทธิ์ได้อย่างตั้งใจ พระคาถาประจำปีเกิดก็เป็นคาถาสำคัญยิ่ง เมื่อผู้ใดได้บริกรรมพระคาถานี้จะพ้นจากความทุกข์ยากทั้งมวลได้บรรลุความสุขในชาตินี้และชาติหน้า ผู้ใดภาวนาได้อานิสงค์มากปราศจากภัยพิบัติทั้งปวง

 

ดูดวงปี2561แบบจัดเต็ม! 10 คำถามเพียง 300 บาท  กับ หมอดูที่ใช่สำหรับคุณ -> คลิกเลย <-

*วิเคราะห์ดวงคุณโดยหมอดู Horoworld โทร
1900-111-116(15บ./นาที)

ติดตามเช็คคำทำนายดวงดีๆ ได้ที่นี่
www.horoworld.com

Facebook : Horoworldfanpage
Line : @horoworld
IG : horoworld
Twitter : horoworld


0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0