โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

บทเรียนขากร่าง! เก่งกับผู้หญิง เอาจริงร้องไห้ขออภัยสังคม

Manager Online

อัพเดต 20 ธ.ค. 2560 เวลา 13.06 น. • เผยแพร่ 20 ธ.ค. 2560 เวลา 13.06 น. • MGR Online

ทำได้แม้กระทั่งผู้หญิง! โจ๋สุดกร่างปล่อยหมัดรัวใส่หญิงสาว หลังเพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์ชนท้ายแท็กซี่ คุยโวเพื่อนถูกเสมอ ด้านศิลปิน + พลังโซเชียลฯ ช่วยลากคนผิดเข้าคุก สุดท้ายคอตกรับทราบข้อกล่าวหา อ้างไม่มีเจตนา แค่ระบายอารมณ์ ทนายแนะ เจอเหตุการณ์แบบนี้อย่าไปต่อปากต่อคำ เก็บหลักฐาน แล้วไปเคลียร์ที่โรงพัก!

ตั้งสติ - เก็บหลักฐาน - ไปเคลียร์ที่โรงพัก

กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันสนั่นโลกออนไลน์ หลังจากที่เฟซบุ๊ก "Tharntong Rodluk" ของ “ธารทอง รอดหลัก” หรือ “น้องเกด” โพสต์คลิปวิดีโอ เล่าเหตุการณ์หลังจากที่ตนเองและน้องสาวชมคอนเสิร์ตเสร็จ และกำลังรอพ่อมารับกลับบ้าน จู่ๆ ก็มีอุบัติเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ชนท้ายรถแท็กซี่ของพ่อเธอ บริเวณถนนพุทธมณฑลสาย 1 ทำให้ผู้ขับขี่จักรยานยนต์ได้รับบาดเจ็บ

ไม่นานนัก ได้มีชายวัยรุ่น 6 - 7 คน ที่เป็นเพื่อนกับผู้ขี่รถจักรยานยนต์ ปรี่เข้ามากล่าวหาคนขับแท็กซี่ ว่าเป็นคนผิดและทำให้เพื่อนของตนบาดเจ็บ พร้อมกับบอกว่าเพื่อนของตนถูกเสมอ ก่อนจะเข้ามาทำร้ายร่างกาย ด้วยเห็นว่าพ่อถูกทำร้าย เกดและน้องสาวจึงเข้าไปห้ามและขอร้องให้คู่กรณีใจเย็น และกล่าวว่าพ่อของตนไม่ได้ขับรถปาดหน้ารถจักรยานยนต์เพื่อไปรับผู้โดยสาร เพราะไม่ได้ขับแท็กซี่เพื่อหาเงิน แต่ตั้งใจออกมารับลูกกลับบ้าน

แต่เหตุการณ์กลับเลวร้ายลงเรื่อยๆ เพราะเจ้าของคลิปและน้องสาวกลับถูกชายในกลุ่มนั้นทำร้าย โดยเฉพาะน้องสาววัย 18 ปี ที่ถูกต่อยเข้าที่ใบหน้าหลายครั้งจนใบหน้าฟกช้ำ ทั้งหมดจึงต้องหนีเข้ามาหลบอยู่ในรถแท็กซี่ด้วยความหวาดกลัว แต่อีกฝ่ายก็ยังอาละวาดไม่เลิก ทั้งถีบรถ ทั้งทุบกระจก จนครอบครัวคนขับแท็กซี่ต้องขับรถหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุด้วยเกรงว่าจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต

คลิปเหตุการณ์นี้มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 10 ล้านครั้ง และนำมาซึ่งความคิดเห็นทั้งด่าทอทั้งสาปแช่งระอุโลกโซเชียลฯ หลายความคิดเห็นแนะนำให้เธอและครอบครัวอย่าไปยอมรับ ขณะเดียวกันได้แฟนเพจหนึ่งตั้งศาลเตี้ย ประกาศลงขันกันล่าโจ๋หัวร้อนรายนี้ ซึ่งมียอดพุ่งไปถึงครึ่งแสน แต่ในเวลาต่อมาก็มีหลายคนออกมาระบุว่าเป็นเพจปลอม เช่นเดียวกันกับที่โลกโซเชียลฯ มีการแชร์ภาพผู้ก่อเหตุกำลังร้องไห้ พร้อมคำบรรยายว่า ทำไปเพราะเมาและรู้เท่าไม่ถึงการณ์

หลายต่อหลายเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน สาเหตุหลักๆ มาจากความใจร้อน หัวร้อน และขาดสติ และหากยิ่งมีสุรายาเมาเข้ามาผสมด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ทีมข่าวผู้จัดการ Live จึงต่อสายตรงไปยัง “ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” ทนายความชื่อดังและเจ้าของเพจ “ทนายคู่ใจ” ว่าจะมีวิธีใดบ้างที่จะป้องกันตนเองได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยทนายรณณรงค์แนะนำว่า “อย่าต่อล้อต่อเถียง ให้ไปคุยที่โรงพักเท่านั้น”

“ผมมองว่าไม่ควรไปต่อล้อต่อเถียงครับ อย่าไปคุยอะไรทั้งสิ้นครับ ไปคุยที่โรงพักอย่างเดียว ห่างกันไว้ได้ก็ห่าง สามารถอัดคลิปวิดีโอได้ ถ้าอยู่ในระยะที่ปลอดภัย จะหนีก็หนีเลยครับ ถ้าดูแล้วไม่ปลอดภัย ก็ขับรถไปโรงพักเลย เพราะโรงพักจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งชุดปราบปราม สืบสวนสอบสวน เขาเอาไว้สำหรับควบคุมดูแลอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่ามีการโวยวายอะไรที่สถานที่ราชการก็โดนจับอยู่แล้ว เราไม่ได้ชนแล้วหนี การชนแล้วหนีคือกรณีไม่แสดงตัวครับ

ส่วนอัตราโทษ ถ้าทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับขั้นบาดเจ็บสาหัสก็โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 ถ้ามีการเตะรถ ก็อาจจะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งก็มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาทครับ”

เช่นเดียวกันกับ “ทนายรัชพล ศิริสาคร” แห่งเพจ “สายตรงกฎหมาย” ที่ให้แนวทางปฏิบัติไปในลักษณะเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเป็นผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการถูกทำร้าย ก็สามารถป้องกันตนเองได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ต้องมีสติ”

“ถ่ายคลิปไว้ครับผม แล้วก็ทำความรู้จักกับผู้คนรอบข้างแถวนั้น ถ้าจะให้ดีก็ขอชื่อ ที่อยู่ แล้วก็เบอร์โทรศัพท์ เพื่อจะได้ช่วยเป็นพยานได้ แต่ถ้าเสี่ยงต่อการถูกทำร้าย เราสามารถป้องกันตัวได้ตามสมควรครับ หมายความว่า เราสามารถป้องกันตัวให้มันพ้นภัยได้ แต่ไม่ถึงกับว่าไปฆ่าเขาเลยนะ ถ้าผู้หญิงไปเจอเหตุการณ์แบบนี้ ต้องเอาตัวรอดให้ได้ครับ ถ้ามีอาวุธ มีมีดหรืออะไร สามารถแทงได้นะ

ถ้าสมมติว่าผู้หญิงตัวเล็กกับผู้ชายตัวใหญ่ สามารถเอามีดแทงได้ ถ้าเราเป็นผู้เสียหาย เราไม่ผิดอยู่แล้วครับ เราขับหนีมาได้ปุ๊บ ถ้าเขาตาม เราก็ควรขับไปที่สถานีตำรวจ ยังไงก็มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยดูแลอยู่ครับ ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครตอบได้หรอกครับว่าจะต้องทำยังไง คือต้องเอาตัวรอดให้ได้เองครับ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ต้องพยายามเก็บหลักฐานไว้ พวกคลิปหรือว่าพยานบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ เราไม่รู้ว่าภัยจะเกิดเมื่อไหร่ ทางที่ดีก็ต้องตั้งสติและเอาตัวรอดให้ได้ครับ แล้วก็พยายามรวบรวมหลักฐานให้ได้มากที่สุด จำหน้าคู่กรณีให้ได้ ยิ่งโดยเฉพาะตำหนิของคนร้ายให้ได้ ถ้ามันชัดเจนครับ ให้เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีครับ”

สำหรับอาการล่าสุดของหญิงสาววัย 18 ปี ที่ถูกทำร้ายนั้น ขณะนี้ดวงตามีอาการพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด และมีจุดเลือดภายใน ซึ่งเธอต้องเดินทางไปมหาวิทยาลัยทั้งที่ยังบาดเจ็บ เนื่องจากอยู่ในช่วงสอบพอดี

คอตกรับทราบข้อกล่าวหา

หลังจากที่คลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไปแล้วนั้น ก็ได้มีหลายฝั่งออกมาเคลื่อนไหว รวมถึงศิลปินวง Cocktail ซึ่งเป็นวงดนตรีที่เกดและน้องสาวเดินทางมาชมคอนเสิร์ตก่อนที่จะเกิดเรื่อง ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ประกาศจะช่วยเหลือและยินดีออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการเอาผิดวัยรุ่นกลุ่มนี้ให้ถึงที่สุด

“จากเหตุการณ์ที่มีอันธพาลรุมทำร้ายร่างกายเด็กผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้พวกคุณทุกคนจะต้องได้รับโทษอย่างสาสม สิ่งที่คุณทำจะต้องย้อนกลับมาหาตัวคุณอย่างแน่นอน ทราบข่าวมาว่าเหตุเกิดหลังจากน้องเกดและน้องสาวมาชมคอนเสิร์ตของเราและกำลังรอคุณพ่อมารับ ทางวงเป็นกำลังใจให้ขอให้คุณพ่อ น้องเกด และน้องสาว หายไวๆ และได้รับความยุติธรรมครับ

ทางวงยินดีให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายทุกอย่าง อำนวยความสะดวก จัดหาทนาย รวมถึงค่าต่อสู้คดีทุกบาท ทั้งสิ้นเพื่อเอาผิดคนกลุ่มนี้เต็มที่ครับ **ได้พูดคุยกับน้องเกดแล้วล่าสุด น้องเล่าว่าน้องสาวยังมีอาการน่าเป็นห่วง ช่วยกันแชร์เพื่อตามหาคนร้ายรวมถึงช่วยกันส่งกำลังใจให้น้องด้วยนะครับ”

กระแสโซเชียลฯ ยังไม่หยุดแค่นั้น คนจำนวนมากพยายามคุ้ยคุ้นประวัติของมือชกรายนี้ จนได้เบาะแสหลายอย่าง บ้างก็ว่าเขาเป็นลูกน้องของผู้มีอิทธิพลจึงกล้าทำตัวกร่าง บ้างก็ว่าให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะ เพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้อาจจะมีสารเสพติดด้วย

นอกจากนี้ ยังมีอีกคนหนึ่งที่ถูกกล่าวถึง คือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปรากฏอยู่ในคลิป ที่หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมจึงไม่ช่วยระงับเหตุ จนทำให้น้องผู้หญิงต้องถูกทำร้ายจนบาดเจ็บขนาดนี้

ล่าสุด สน.บางเสาธง พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล ได้มีการแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ลงมือทำร้ายครอบครัวคนขับรถแท็กซี่ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งทางผู้ต้องหาได้รับสารภาพ ขอโทษคู่กรณีและยอมรับผิดทุกประการ เบื้องต้นแจ้งข้อหา 2 ข้อหา กับผู้ต้องหาที่ 1 คือ ธนากร ภิรมย์ อายุ 23 ปี และผู้ต้องหาที่ 2 คือ ณัฐวุฒิ รำพึงกิจ อายุ 20 ปี ข้อร่วมกันทำร้ายร่างกายน้องผู้หญิง ส่วนธนากร โดนอีกข้อหาคือทำให้เสียทรัพย์ ที่ไปเตะรถแทกซี่จนเสียหาย โดยให้ช่างมาประเมินค่าเสียหาย อยู่ที่ประมาณ 30,000 บาท

ทั้งนี้ได้มีการตรวจปัสสาวะ ไม่พบแอลกอฮอล์หรือสารเสพติด และไม่มีประวัติอาชญากรรม ซึ่งในขณะนี้เตรียมขยายผล เพื่อที่จะเข้าค้นบ้าน ส่วนประเด็นที่มีกระแสข่าวออกมาว่าผู้ก่อเหตุเป็นลูกน้องของเสี่ยโป้ ธนากรกล่าวว่าไม่รู้จัก และไม่ได้เป็นลูกน้องเสี่ยโป้

ในส่วนของตำรวจทั้งโลกโซเชียลฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ละเลยการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ ก็กล่าวว่า ได้เรียกตำรวจคนดังกล่าวมาสอบถามแล้ว ซึ่งก็ได้ความว่า ตำรวจคนดังกล่าวพยายามห้ามปรามแล้ว ไม่ได้นิ่งเฉย มีเหตุการณ์ที่ยาวกว่าคลิปที่เห็น

ทางด้าน “อภิรักษ์ ชัชอานนท์” หรือ “เสี่ยโป้” ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่ถูกพาดพิง ว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นลูกน้องของเขา ก็เดินทางมายัง สน.บางเสาธง เพื่อใช้โอกาสนี้ชี้แจงต่อหน้าสื่อ ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และผู้ก่อเหตุไม่ใช่ลูกน้องของตน หากแต่เป็นเด็กในละแวกบ้านเท่านั้น พร้อมจะฟ้องกลับสื่อดัง 2 สำนัก ที่ลงข่าวให้ตนเองเสียหายอีกด้วย ยืนยันว่าตนก็หมั่นไส้ผู้ต้องหาเช่นกัน

ขอบคุณภาพ : เฟซบุ๊ก "Tharntong Rodluk"

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0