แชร์ทุกเรื่อง! 1 เดือนกับ LINE MOBILE ใครรอเก็บข้อมูลอยู่ ตามมาเลย

ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ได้ยินคำว่า LINE MOBILE ผ่านตาบ่อยๆ โดยเฉพาะในกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ ที่ส่วนใหญ่หัวข้อกระทู้จะมาในแนวว่า “LINE MOBILE ดีไหม ใช้แล้วคุ้มหรือเปล่า” 

วันนี้มีบทสัมภาษณ์จากผู้ที่ทดลองใช้มาแล้วครบ 1 เดือนพอดี มาดูกันว่ามีอะไรที่ถูกจริตการใช้งานบ้าง

คิดยังไงกับ LINE MOBILE

หลังจากลังเลอยู่ว่าจะลองไหม เพราะไหนๆ ก็เป็นสายชอบแชท คุยกันกับเพื่อนผ่านทางไลน์เป็นหลักอยู่แล้ว เดือนๆนึง หมดดาต้าไปกับ LINE เยอะสุด แล้วดูจากโปรโมชั่นก็คิดว่าใช้แล้วน่าจะเหมาะ แต่ก็ยังกังวลอยู่ 2 เรื่องหลักๆ คือ กลัวจะยุ่งยากเวลาย้ายค่ายกับโปรโมชั่นที่ไม่แน่ใจว่าจะคุ้มจริงหรือเปล่า แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเลิกถามกูเกิ้ลแล้วหาคำตอบนี้ด้วยตัวเอง

ทำไมถึงตัดสินใจลอง LINE MOBILE

เพราะสำรวจตัวเองแล้วว่า กว่าครึ่งของการใช้งานโทรศัพท์มือถือของเราไม่ใช่การโทรเข้า-โทรออก แต่เป็นการแชทผ่าน LINE และบ่อยครั้งที่การโทรหาเพื่อนก็ไม่ได้โทรเข้าเบอร์โทรศัพท์อีกต่อไป แต่เป็นการโทรผ่าน LINE Call นี่ล่ะ เพราะสะดวกตรงที่ไม่ต้องขอเบอร์ แถมไม่เสียตังค์ค่าโทรอีกด้วย แถมทุกวันนี้ยังติดรายการใน LINE TV หลายเรื่องดูกันไปยาวๆทั้งวันทั้งคืน จะมีที่ใช้น้อยกว่าอย่างอื่นก็คงเป็น LINE VDO Call เพราะมักจะไว้ใช้คุยกับเพื่อนที่สนิทมากๆ จริงๆ เท่านั้น แต่โดยรวมแล้วก็คิดว่า ด้วยไลฟ์สไตล์น่าจะเหมาะกับสิ่งนี้ เพราะจุดเด่นของระบบนี้อยู่ตรงที่ใช้ LINE Messenger และดู LINE TV ฟรีแบบไม่เสียค่าเน็ต ไม่ว่าจะเลือกโปรโมชั่นไหน

อีกเหตุผลก็คือ โปรโมชั่น 50% นี่ล่ะ ที่เรียกความสนใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นรายละเอียด แพ็กเกจก็เข้าใจง่าย ดูแล้วไม่ซับซ้อน และมีถึง 7 แบบด้วยกัน คือ XS, S, M, L, XL, XXL และ Unlimited ซึ่งถ้าใครอยากลองแบบซอฟต์ๆ เบาๆ ก่อน ก็อาจจะเลือก XS ที่จ่ายเพียงเดือนละ 125 บาท ซึ่งโทรฟรีได้ 100 นาที พร้อมกับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอีก 1.5 GB แต่ถ้าใครเป็นสายฮาร์ดคอร์ ก็น่าจะเหมาะกับแบบ Unlimited ที่ช่วงโปรโมชั่นนี้ ตกเดือนละ 850 บาท (จากราคา 1,699บาท) ส่วนรายละเอียดก็ unlimited ตามชื่อแพ็กเกจ เพราะโทรฟรีไม่จำกัด อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสุดที่ 100 Mbps ก็ไม่จำกัดเช่นกัน นอกจากนี้ถ้าอยากเก็บอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไว้ใช้เวลาอื่นที่ต้องการ ก็สามารถไปปรับไปเป็นความเร็วอินเตอร์เน็ตที่ 256 kbps ได้ฟรี ไม่จำกัด และสามารถเปลี่ยนได้ด้วยตัวเองง่ายๆ ที่ฟีเจอร์ “ปรับความเร็วอินเทอร์เน็ต” ได้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องรอให้แพ็กเกจความเร็วสูงสุดหมดก่อน

สำหรับเรา เลือกที่แพ็กเกจกลางๆ อย่างไซส์ M ที่ลดเหลือเพียงเดือนละ 215 บาท โทรฟรี 150 นาที กับอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอีก 5 GB

ย้ายค่ายหรือเปลี่ยนโปรฯ ง่ายจริงไหม

จากประสบการณ์ตรง บอกเลยว่าย้ายง่ายจริงด้วย เพราะสามารถดูรายละเอียดและทำได้ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งถ้าเรากรอกทุกอย่างเรียบร้อย ไม่เกิน 3 วัน ซิมก็จะส่งถึงบ้าน แต่จะใช้เวลานานต่างกันที่ขั้นตอนแรก ที่ต้องชำระค่าบริการของเจ้าเก่าให้เรียบร้อยก่อน เพราะถ้าเรามียอดค้างชำระค่าบริการ หรือ ติดสัญญาใดๆ ก็อาจจะต้องใช้เวลาจัดการสักนิด แต่ถ้าเคลียร์เรียบร้อยก็ถือว่าม้วนเดียวจบ สามารถย้ายค่ายได้อย่างสะดวก 

สำหรับเราจัดการเรียบร้อยไม่มีติดค้างอะไรพอได้ PIN แล้วก็เข้าไปสมัคร กรอกรายละเอียด รวมถึงเลือกแพ็กเกจที่ th.LINEmobile.com พอทำมาถึงขั้นนี้ ยอมรับเลยว่าสะดวกจริงๆ เพราะสามารถดูรายละเอียดและทำได้ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งถ้าเรากรอกทุกอย่างเรียบร้อย ไม่เกิน 3 วัน ซิมก็มาส่งถึงบ้าน 

ส่วนการเปลี่ยนโปรโมชั่นนั้นก็ทำได้ด้วยตัวเองเหมือนกัน และทำเมื่อไรก็ได้ โดยผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE MOBILE ที่เป็นเหมือน one-stop service ของการใช้บริการ LINE MOBILE เพราะรวมทุกข้อมูลในการใช้งานของเราไว้ในนั้น เช็คได้ตลอด หรือจะเปลี่ยนผ่านทางเว็บไซต์ หรือ official account ของ LINE MOBILE ก็ได้เหมือนกัน ซึ่งถ้าสงสัยตรงไหนก็สามารถแชทผ่านทางเว็บไซต์ หรือ แอปฯ ได้ตลอด รวมถึงบริการ call center ที่ไม่ปล่อยให้รอสายนาน 

อะไรที่ถูกใจเป็นพิเศษหลังจากใช้งาน

ตอนแรกที่เลือกใช้เพราะคิดว่าน่าจะคุ้มค่าในเรื่องโปรโมชั่นที่เหมาะกับการใช้งานของเรา แต่พอใช้จริงๆ สิ่งที่รู้สึกปลื้มมากกว่าโปรโมชั่นที่ว่าคุ้มแล้วก็คือเรื่องของความสะดวกในการเรียกดูข้อมูลและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตลอดเวลานี่ล่ะ เรียกว่า 1 เดือนที่ผ่านมานี่ถึงจะแชทหนักมาก อัพนู่นนี่รัวๆ และดู LINE TV แบบถี่ๆ แต่ก็ไม่เจอปัญหารู้ตัวอีกทีต้องจ่ายค่าบริการโทรศัพท์มากกว่าราคาโปรโมชั่นหลายเท่า

call center เองก็ติดต่อง่าย หรือถ้าบางคนไม่ชอบโทรคุย ก็อย่างที่บอกว่าสามารถแชทไปถามทางเว็บไซต์ หรือ ผ่านแอปฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ก็มีคำตอบให้ตลอดเวลา เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่คนใช้งานใหม่แล้วมีคำถามเยอะอย่างเราถูกใจเอามากๆ แถมเวลามีปัญหาโทรเข้า call center ไม่เสียตังค์ค่าโทรอีกด้วย 

อีกอย่างที่เราว่ามันเวิร์กมากก็ตรงที่สามารถทำทุกอย่างได้ผ่านแอปฯ กับทางเว็บนี่ล่ะ เพราะว่าช่วยประหยัดเวลาได้มากๆ ไม่ต้องไปติดต่อที่ช็อปเองเหมือนที่ผ่านมา เซฟเวลาเดินทางและเวลาต่อคิวไปได้เยอะ แล้วก็เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของเราที่อยู่กับโทรศัพท์หรือไม่ก็หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่

สรุปสั้นๆ ว่า 1 เดือนที่ผ่านมา สายแชท เสพติด LINE อย่างเรารู้สึกโอเคกับการใช้งาน LINE MOBILE เพราะตอบโจทย์ได้ตรงกับความต้องการเลยล่ะ