นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่า ยังไม่ทราบข้อเสนอให้มีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน เป็น 700 บาทต่อวัน ซึ่งภาคเอกชนคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ในสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ เพราะหากคิดรวมรายได้ต่อเดือนก็เท่ากับเกือบ 20,000 บาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าค่าจ้างแรงงานผู้ที่จบระดับปริญญาตรี ที่มีอัตราเงินเดือนขั้นต่ำขณะนี้ 15,000 บาทต่อเดือน
โดยหากจะมีการปรับขึ้นค่าแรง 700 บาทต่อวัน ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ กลุ่มนายจ้าง อาชีพบริการ อาทิ โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ภัตตาคาร หรืองานบริการอื่นๆ เพราะใช้คนงานจำนวนมาก ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมโรงงานขนาดใหญ่ หรือ ขนาดกลาง ก็ได้ปรับตัวหันไปใช้เครื่องจักรเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นเมื่อช่วงปรับขึ้นค่าแรง 300 บาทต่อวัน หากจะมีการปรับขึ้นอีกรอบก็จะไม่ได้รับผลกระทบด้านนี้
หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง กล่าวว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดทุกจังหวัด สำรวจข้อมูลเกี่ยวกับ
ค่าครองชีพ และข้อมูลตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ นำส่งคณะกรรมการค่าจ้างภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อนำมาคำนวณอัตราการปรับค่าจ้างปี 2561 ตามสูตรคิดอัตราค่าจ้าง
แบบสากล ที่ระบุไว้ 10 ด้าน เช่น ดัชนีค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิต และราคาสินค้า-บริการ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในแต่ละจังหวัดจะมีอัตราการขึ้นค่าจ้างไม่เท่ากัน ตามค่าครองชีพของแต่ละพื้นที่ โดยปัจจุบันอัตราค่าจ้างอยู่ที่ 300 -360 บาท
สำหรับกรณีที่เครือข่ายแรงงาน เสนอให้ปรับขึ้นค่าจ้างเป็น 600 - 700 บาท นั้น จะต้องนำเข้าคณะกรรมการค่าจ้าง พิจารณาปัจจัยในหลายด้าน รวมถึงใช้สูตรคิดคำนวณอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่