โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

9 ขนมไทยของท้าวทองกีบม้า กินอะไรดี กี่แคลอรี่?

SistaCafe

อัพเดต 20 มี.ค. 2561 เวลา 05.03 น. • เผยแพร่ 20 มี.ค. 2561 เวลา 05.03 น. • Minnie.Mew

สนุกและฟินทุกตอนจริง ๆ สำหรับละครที่ฮอตสุดในตอนนี้ จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากเรื่อง " บุพเพสันนิวาส " นั่นเอง หลายคนในตอนนี้คงจะจินตนาการว่าตัวเองนั้นเป็น " แม่หญิงการะเกด " หรือ " แม่หญิงจันทร์วาด " กันอยู่ใช่ไหมล่ะ
แต่ละครเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ความบันเทิงเพียงอย่างเดียว เพราะยังสอดแทรกความคิด ความเชื่อ ภาษาโบราณ เหตุการณ์และเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เอาไว้ด้วย มีหลายตัวละครที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ หนึ่งในนั้นคือ" มารี กีมาร์ " หรือ " ท้าวทองกีบม้า " หรือที่รู้จักกันในละครว่า" แม่มะลิ " หญิงสาวเชื้อสายโปรตุเกส เบงกอล และญี่ปุ่นที่พำนักอยู่ในกรุงศรีอยุธยา มีชีวิตอยู่ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั่นเอง

มารี กีมาร์, แม่มะลิ ในละครบุพเพสันนิวาส รับบทโดย ซูซี่ สุษิรา แน่นหนา
มารี กีมาร์, แม่มะลิ ในละครบุพเพสันนิวาส รับบทโดย ซูซี่ สุษิรา แน่นหนา

อย่างที่หลายคนก็ทราบกันดีว่าท้าวทองกีบม้า เป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ขนมไทยหลากหลายชนิด ซึ่งดัดแปลงมาจากขนมของโปรตุเกส จนเธอได้รับการขนานนามว่า" ราชินีแห่งขนมไทย " ไปโดยปริยาย วันนี้นอกจากเราจะมาบอกเล่าเก้าสิบถึงขนมไทยที่ได้รับการรังสรรค์จากเธอแล้ว เราจะมาบอกกันด้วยค่ะว่าขนมแต่ละอย่างนั้นมีแคลอรี่มากน้อยเท่าไหร่กัน :)

ก่อนจะได้สมญานาม " ราชินีแห่งขนมไทย " ชีวิตของเธอก็ตรากตรำมาไม่น้อย หลังจากเจ้าพระยาวิชเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน ( รับบทโดยพี่หลุยส์ สก็อต ) โดนตัดสินโทษประหารชีวิต ( บางเอกสารก็บอกว่าเธอเสียใจกับการจากไปของสามี แต่เอกสารบางฉบับก็บอกว่าเธอสมน้ำหน้า…แรงส์ แต่ก็พอจะเดาออกใช่มั้ยคะว่าในละครตัวของแม่มะลิรู้สึกอย่างไรกับสามีของเธอ )

ใครอยากรู้เรื่องราวของท้าวทองกีบม้ามากกว่านี้ก็ไปตามหาอ่านกันได้ทั่วไปเลยค่ะ แต่ตอนนี้กลับมาเข้าเรื่องของเรากันต่อดีกว่า ดูซิว่าเธอได้ทำขนมอะไรออกมาบ้าง แต่ละอย่างกินเข้าไปมีแคลอรี่เท่าไหร่?

1. ทองม้วน

ขนมอบกรอบ ทำเป็นแผ่นแล้วนำมาม้วนเป็นวง มีส่วนผสมที่ทำจากแป้ง มะพร้าว น้ำตาลปีบ ไข่ไก่ พืช และงาดำ มีรสชาติหอมหวานกำลังดี ซึ่งกินแล้วบางทีก็หยุดไม่ได้! เพราะฉะนั้นจงกินแต่พอดี เพราะทองม้วน 7 ชิ้นในปริมาณ 21 กรัม เท่ากับ 102 กิโลแคลอรี่ค่ะ ใครกำลังไดเอท ( ขอ Accent แบบแม่หญิงการะเกด ) อย่ากินเกินกว่านี้นะจ๊ะ

2. ทองหยิบ

" ทองหยิบ " ขนมสีเหลืองสดรูปดอกไม้ที่น่าจะครองใจใครหลาย ๆ คน มีกลิ่นหอมหวานน่ารับประทาน ได้รับอิทธิพลมาจากขนมของโปรตุเกส ทำจากทำจากไข่แดงตีจนฟู นำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือดจนสุก แล้วนำมาจับจีบ ปัจจุบันจัดเป็นขนมในงานมงคลต่าง ๆ
สำหรับใครที่ชอบกินทองหยิบ ควรกินแต่พอดีนะคะ เพราะ1 ชิ้นนี่ก็ให้พลังงาน 100 กิโลแคลอรี่เข้าไปแล้ว สมมติกินไป 5 ชิ้น ก็เท่ากับ 500 กิโลแคลอรี่! เอาเป็นว่ากินให้พอดี ๆ ให้หายอยากก็พอนะคะ

3. ทองหยอด

มีทองหยิบแล้ว ก็ต้องมี " ทองหยอด " ตามมาด้วย มีต้นกำเนิดมาจากโปรตุเกสเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนผสมและวิธีทำคือทำจากแป้ง ไข่แดง และน้ำ หยอดลงในน้ำเดือด แล้วนำไปเคี่ยวกับน้ำตาล สุกแล้วก็จะกลายเป็นเม็ดสีเหลืองทอง 
ทองหยอด 100 กรัมจะมีประมาณ 15 ลูก ให้พลังงาน 299 แคลอรี่ จัดว่าน้อยกว่าทองหยิบอยู่พอประมาณ ถ้าห่วงน้ำหนักแต่ยังอยากกินของหวาน ทองหยอดก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ

4. ฝอยทอง

นี่น่าจะเป็นของโปรดของใครหลายคน สำหรับขนมที่ทำจากไข่เป็ด โดยคัดเอาไข่แดงล้วน ๆ ทำเป็นเส้นฝอยสีเหลืองทอง จนได้ชื่อว่า" ฝอยทอง " ที่แหล่งกำเนิดมาจากโปรตุเกสเช่นเดียวกัน ฝอยทองปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 433 กิโลแคลอรี่ นับว่าสูงมากทีเดียว เพราะการที่ทำมาจากไข่แดงล้วน ๆ นั่นเอง

5. กะหรี่ปั๊บ

อีกหนึ่งเมนูที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ " กะหรี่ปั๊บ " ก็เป็นขนมที่มาจากมารี กีมาร์ผู้นี้เช่นเดียวกัน เชื่อว่าดัดแปลงมาจากโปรตุเกสที่มีชื่อว่า " ปัสแตล " ในคราแรกก็มีชื่อว่า " Curry Puff " จนต่อมาได้กร่อนเสียงเป็นภาษาพื้นเมืองแบบไทย ๆ จนเรียกว่า " กะหรี่ปั๊บ " ในที่สุด จัดเป็นขนมที่นิยมในหมู่ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยค่ะ
สำหรับกะหรี่ปั๊บจะให้พลังงานสูงถึง 157 กิโลแคลอรี่/ชิ้นค่ะ แบบนี้กินสัก 2 ชิ้นน่าจะอยู่ท้องเลยไปเลยแหละ

6. ขนมหม้อแกง

มาถึงขนมขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก" ขนมหม้อแกง " มีไข่ แป้ง และกะทิ เป็นส่วนผสมหลัก อาจมีโรยหน้าด้วยเผือก เม็ดบัว ถั่ว และหอมเจียว เป็นขนมที่เชื่อว่าลูกมือของท้าวทองกีบม้าได้นำสูตรและวิธีทำติดตัวออกมาขณะที่แต่งงานออกเรือนมาแล้ว
สำหรับขนมหม้อแกงในปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงานอยู่ที่ 244 กิโลแคลอรี่ ซึ่งจัดว่าไม่เบาเลยทีเดียว

7. สังขยา

มาถึงอีกหนึ่งเมนูคลาสสิค นั่นก็คือ" สังขยา " นั่นเอง เมื่อพูดถึงสังขยา บางคนอาจนึกถึงถึงสังขยาใบเตย หรือสังขยาไข่ที่จิ้มกับขนมปัง แต่สำหรับสังขยาของท้าวทองกีบม้าเป็นคนละอย่างกันค่ะ…
ตรงนี้หลายคนอาจจะงง แต่ถ้าพูดชื่อ" ข้าวเหนียวสังขยา " ปุ๊บ ก็คงจะร้องอ๋อกันเลยใช่มั้ยล่ะ? เมนูนี้จัดอยู่ในอิทธิพลของโปรตุเกสเช่นเดียวกัน โดยทำจากกะทิและน้ำตาล นำไปนึ่ง กินคู่กันกับข้าวเหนียว จนเป็นที่มาของข้าวเหนียวสังขยานั่นเอง
ข้าวเหนียวสังขยาในปริมาณ 100 กรัม จะให้พลังงาน 249 กิโลแคลอรี่ จัดว่าอยู่ท้องพอสมควรเลยนะคะ

8. ขนมไข่เต่า

ขนมยอดฮิตที่เห็นทั่วไปตามท้องตลาด ริมถนน หน้าโรงเรียน และในสถานที่ต่าง ๆ มากมาย บางคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ" ขนมไข่เต่า " แต่คุ้นเคยกับ" ขนมไข่นกกระทา " มากกว่า ถึงหน้าตาจะเป็นลูกกลม ๆ ธรรมดา ๆ ส่วนผสมที่ใช้ก็ง่าย ๆ อย่างแป้ง มันเทศ ผงฟู เกลือ น้ำตาล และกะทิ นำไปทอดกับน้ำมัน แต่ต้องยอมรับเลยนะคะว่านี่คือเมนูโปรดของใครหลาย ๆ คนอย่างแท้จริง!
ขนมไข่เต่าหรือไข่นกกระทา 11 อัน ( 40 กรัม ) ให้พลังงานถึง 191 กิโลแคลอรี่ค่ะ เพราะฉะนั้นกินแต่พอดี ๆ กันนะคะ

9. ลูกชุบ

เมนูสุดท้ายที่หลายคนคุ้นเคย ขนมหวานหน้าตาน่ารักที่ทำเป็นรูปผัก ผลไม้ บางครั้งก็ทำเป็นรูปพริกขี้หนู มีส่วนผสมหลักมาจากถั่วเขียว ถูกบดและนำมาปั้นเป็นรูปทรงต่าง ๆ ตามด้วยการใช้สีผสมอาหารตกแต่งให้ดูน่ารับประทานมากขึ้น ใช่แล้ว สิ่งนี้เรียกว่า " ลูกชุบ " นั่นเอง เราเชื่อว่าหลายคนก็ทำเมนูนี้เป็นกันใช่มั้ยล่ะคะ
ลูกชุบ 1 ชิ้นจะอยู่ที่ 23 กิโลแคลอรี่/ชิ้นค่ะ ยังถือว่าทานได้ค่อนข้างเยอะกว่าเมนูอื่น ๆ แต่ก็อย่าให้เกินพอดีไปนะคะ

***********************************************
อันที่จริงขนมหวานของท้าวทองกีบม้ายังมีอีกหลายเมนูค่ะ บางเมนูก็เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี อย่างเช่น ขนมผิง บางเมนูหลายคนก็อาจไม่คุ้นชื่อ อย่างเช่น ขนมทองพลุ ขนมทองโปร่ง ( เรียกอีกชื่อว่าขนมหน้านวล ) หรือขนมสัมปันนี…

ขนมทองพลุ
ขนมทองพลุ
ขนมทองโปร่ง หรือ ขนมหน้านวล
ขนมทองโปร่ง หรือ ขนมหน้านวล
ขนมสัมปันนี
ขนมสัมปันนี
ขนมผิง
ขนมผิง

 
ที่เรานำมาให้ชมกันก็เป็นเมนูที่หากินง่ายและหลายคนน่าจะรู้จัก อย่างน้อยบทความนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับใครหลาย ๆ คนนะคะว่าขนมที่เป็นของโปรดของเรา เรากินมาตลอด ให้แคลอรี่เท่าไหร่กัน หากรู้ว่ากินเยอะเกินไปก็จะได้ลดปริมาณลงบ้าง เราไม่ได้ห้ามไม่ให้กินนะคะ แต่เอาให้ " ฟินพอประมาณ " ก็พอ อย่าให้รบกวนน้ำหนักและเพิ่มไขมันในร่างกายจนเกินไป สุดท้ายนี้ต้องขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้าหนาออเจ้า บ๊ายบายค่ะ

ติดตามบทความใหม่ๆได้ที่ SistaCafe Facebook
SistaCafe เว็บไซต์รวบรวมบทความสำหรับผู้หญิง https://sistacafe.com
♥ ดาวน์โหลด App SistaCafe ฟรีได้แล้ววันนี้! ♥
iOS : AppStore
Android : PlayStore

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0