ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับเทศกาลสำคัญของเหล่าคนไทยเชื้อสายจีนอย่าง ‘เทศกาลตรุษจีน’ ไปแล้ว วันนี้ HELLO! จะขอพามาผ่อนคลายจากบรรยากาศสีแดง สีมงคลตามความเชื่อของชาวจีน มาพบกับ8 สุดยอดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์…ครั้งหนึ่งในชีวิตควรต้องไป!!! ที่สำคัญบอกเลยว่านอกจากจะได้ไปขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแล้วยังถือเป็นการได้ไปท่องเที่ยวเปิดโลกทัศน์ ณ ดินแดนแหล่งอารยธรรมอีกด้วย
วัดพระเขี้ยวแก้ว (Buddha Tooth Relic Temple) ย่านไชน่าทาวน์ ประเทศสิงคโปร์
วัดที่ได้รับการออกแบบจากศิลปกรรมจีนสมัยราชวงศ์ถังผสมผสานกับศิลปะมันดาลาจนได้ผลลัพธ์สวยงามเป็นอาคารสีแดงสด ที่มาพร้อมเรื่องราวภาพวาดฝาผนังที่เกี่ยวข้องกับโลก สวรรค์ แบบมหายาน
ชั้นบนสุดของอาคาร เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ หรือ พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานอยู่ในสถูปใหญ่ โดยมีน้ำหนัก 3,500 กิโลกรัม ทำจากทองแท้หนัก 320 กิโลกรัม โดยทองคำ 234 กิโลกรัม ตกแต่งสวยงามด้วยชิ้นงานศิลปะนูนต่ำ เน้นสีทอง
สามารถทำบุญด้วยการถวายโคมไฟ ช่อพวงมาลัย เหรียญมงคลต่างๆได้ และนั่งสมาธิได้ที่บริเวณนี้
พระมหาเจดีย์ชเวดากอง (Shwedagon Pagoda) เมืองย่างกุ้ง สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า
เจดีย์ห่อหุ้มด้วยทองคำแท้ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 2,000 ปี โดยมีน้ำหนักถึง 1,100 กิโลกรัมเป็นที่ประดิษฐานพระเกศาธาตุ 8 เส้นของพระพุทธเจ้า และมีความยิ่งใหญ่อลังการมาก ซึ่งที่นี่ถูกสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของชาวพม่า ที่ร่วมกันบริจาคทรัพย์สินเงินทอง เพื่อการก่อสร้างเจดีย์ ชเวดากอง ให้มีความใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งไปกว่านี้ ข้างบนยอดเจดีย์ยังถูกประดับไปด้วยเพชรพลอยอันเลอค่า ส่องแสงระยิบระยับซึ่งเราสามารถมองเห็นมาแต่ไกลเลยล่ะค่ะ
*หอบูชาฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven)กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน *
การกราบไหว้ฟ้าดิน หรือ ทีกง ตามความเชื่อของชาวจีนลัทธิเต๋า เสมือนการแจ้งให้เทวดาผู้ปกปักษ์รักษาเปิดทางให้แก่เราในการเข้าไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปฏิบัติอย่างหนึ่งก็ว่าได้ โดยหอมีลักษณะทรงกรวย ดูสวยงามแปลกตาและแน่นอน ทำให้มีผู้เข้าชมมืดฟ้ามัวดินเหมือนกับที่ท่องเที่ยวที่อื่น ๆ
นครวัด หรือวัดอังกอร์ (Angkor Wat) เมืองพระนคร จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา
เป็นวัดที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในเนครวัดจัดเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน และด้วยความที่นครวัดมีสถาปัตยกรรมอันงดงามตระการตาตามแบบสถาปัตยกรรมของเขมรในยุคคลาสสิก จึงทำให้ถูกจัดอันดับว่าเป็นวัดที่สวยที่สุดอันดับต้น ๆ ของโลกเลยก็ว่าได้
เจดีย์บุโรพุทโธ (Borobudur) เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย
ศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดใน ความสวยงามและความอลังการของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยหินประมาณ 2 ล้านก้อน เรียงต่อกันเป็นฐานที่ยิ่งใหญ่และมั่นคง จนทำให้องค์การยูเนสโกออกประกาศให้บุโรพุธโธเป็นมรดกของโลก เมื่อปี พ.ศ. 2534
วัดทักซัง หรือวัดถ้ำเสือ (Taktsang Dzong) ประเทศภูฏาน
ท่ามกลางเมฆหมอก และภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขา ทำให้วัดในเมฆหมอกของหิมาลัย ซึ่งตั้งอยู่บนขอบหน้าผาที่มีความสูงกว่า 3,000 ฟุต หรือประมาณ 900 เมตร สร้างความตื่นตาตื่นใจ และความตื่นเต้นให้แก่ผู้มาเยือนทุกครั้ง
และลักษณะของอาคารที่อยู่บนเทือกเขาสูงชันแบนี้จึงทำให้เป็นเอกลักษณ์จุดเด่นที่น่าสนใจของสถานที่แห่งนี้
วัดเชนรานัคปุระ (Ranakpur Temple) เมืองอุทัยปุระ ประเทศอินเดีย
เป็นวัดที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตามแนวเทือกเขาของประเทศอินเดีย วัดเชนแห่งนี้สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง โครงสร้างมั่นคงได้ด้วยเสาหินถึง 1,444 ต้น สวยงามตระการตาด้วยลวดลายแกะสลักแตกต่างกัน อีกทั้งภายในและภายนอกอาคารยังเต็มไปด้วยลวดลายแกะสลักที่วิจิตรตระการตาหาชมยากมากทีเดียว
พระพุทธรูปเทียนถาน (Tian Tan Buddha Statue) เกาะลันเตา ประเทศฮ่องกง
พระพุทธรูปองค์ใหญ่สร้างขึ้นจากทองสัมฤทธิ์กว่า 200 แผ่น ที่เชื่อมเข้าด้วยกัน สูง 34 เมตร ที่ตั้งตระหง่าอยู่บนยอดเขาวัดโปหลิน ถือว่าเป็นจุดขอพรที่ดีที่สุดในโลก ผู้คนมักจะนั่งกระเช้าขึ้นมาที่นี่เพื่อสักการะเสริมสร้างสิริมงคลแก่ตนเองและขอพรในสิ่งที่ปรารถนา
และที่พลาดไม่ได้..สำหรับประเทศไทยเองก็มี วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (Wat Phra Kaew) ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระคู่บ้านคู่เมืองของแผ่นดินสยามนั่นเอง
