โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“JKN”เสริมฐานทุนออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 1,200 ล้านให้ Morgan Stanleyสยายปีกผู้นำคอนเทนต์เอเชีย

สยามรัฐ

อัพเดต 18 พ.ย. 2562 เวลา 07.41 น. • เผยแพร่ 18 พ.ย. 2562 เวลา 07.40 น. • สยามรัฐออนไลน์
 “JKN”เสริมฐานทุนออกหุ้นกู้แปลงสภาพ 1,200 ล้านให้ Morgan Stanleyสยายปีกผู้นำคอนเทนต์เอเชีย

JKN ปรับโครงสร้างบริหารพอร์ตรายได้ในประเทศ – ต่างประเทศ และรายได้จากการขายสื่อ ในสัดส่วน 60:30:10 เอื้อต่อการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืน พร้อมใช้เครื่องมือทางการเงิน โดยออกหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bond) อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี มูลค่า 1,200 ล้านบาทให้กองทุน North Haven Thai Private Equity (“NHTPE”) ในกลุ่ม Morgan Stanley บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริการทางการเงินระดับโลกช่วยลดต้นทุนทางการเงิน กำหนดใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นทุนในราคา 8 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกปีนี้ ทำรายได้รวม 1,287 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 203 ล้านบาท

จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนผลักดันการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะบาลานซ์พอร์ตรายได้ที่เหมาะสมและวางแผนการทำตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งแนวทางดำเนินงานนั้นยังคงให้ความสำคัญกับการขยายตลาดต่างประเทศที่เป็น Blue Ocean จากการทำตลาดและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และคอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 ในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV(กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาและเวียดนาม) ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก รวมถึงขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศในเอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง ยุโรปและละตินอเมริกา

ขณะที่คอนเทนต์ละครไทยจากช่อง 3 นั้น บริษัทจะมุ่งเจาะตลาดเพิ่มเติม หลังจากประสบความสำเร็จในการทำตลาดที่ประเทศเกาหลี ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ภายใต้แนวคิดซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งถือเป็นโมเดลการทำตลาดที่ช่วยสร้างกระแสความน่าสนใจให้แก่กลุ่มผู้ชมได้ทั่วโลก ส่งผลดีต่อภาพรวมสัดส่วนรายได้ของตลาดต่างประเทศเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วนตลาดในประเทศนั้น บริษัทจะจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดีย ฟิลิปปินส์ และสารคดีชั้นนำจากต่างประเทศให้แก่สถานีทีวีดิจิทัล ที่ลงทุนซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพื่อนำไปออกอากาศมากกว่าจะลงทุนผลิตคอนเทนต์เอง จึงเป็นโอกาสของ JKN ที่จะผลักดันยอดขายคอนเทนต์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการขายโฆษณา การผลิตรายการข่าวเศรษฐกิจการเงินและการลงทุนภายใต้แบรนด์ JKN-CNBC ที่ออกอากาศทุกแพลตฟอร์มทั้งออนไลน์และสถานีทีวีดิจิทัลเพิ่มเติม ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากการขายโฆษณาเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

“ในปี 2563 ศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ JKN จะแข็งแกร่งมากขึ้น จากแผนงานทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ บริษัทจึงปรับโครงสร้างการบริหารงานและสัดส่วนรายได้ให้เอื้อต่อการเติบโตย่างยั่งยืนในอนาคต โดยจะบาลานซ์พอร์ตรายได้ที่กระจายความเสี่ยงให้ดียิ่งขึ้น โดยจะมีสัดส่วนรายได้ในประเทศ 60% ต่างประเทศ 30% และรายได้จากการขายสื่อ 10%”

ทั้งนี้บริษัทได้วางกลยุทธ์บริหารต้นทุนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับแผนรุกขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น ล่าสุดได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี วงเงินรวม 1,200 ล้านบาทให้แก่กองทุน North Haven Thai Private Equity ในกลุ่ม Morgan Stanley บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริการทางการเงินระดับโลก เพื่อนำเงินจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ ไปลดต้นทุนทางการเงินที่จะเอื้อต่อการความสามารถทำกำไรที่ดีขึ้น

โดยกองทุนฯ ดังกล่าวจะได้รับสิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นทุน เมื่อครบกำหนด ในราคา 8 บาทต่อหุ้น ซึ่ง JKN จะออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ 0.50 บาทต่อหุ้นไว้รองรับ โดยจะจัดให้มีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 17 ธ.ค.62 ที่โรงแรมรอยัล ซิตี้ เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นต่อไป

สำหรับการที่กองทุน North Heaven Thai Private Equity ในกลุ่ม Morgan Stanley บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบริการทางการเงินระดับโลก ให้ความสนใจลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทฯ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในทิศทางการดำเนินงานและการเติบโตที่ดีของ JKN จากการเป็นผู้จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อันดับ 1 ในประเทศไทย ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำตลาดและมีความเข้าใจในพฤติกรรมผู้ชมในภูมิภาคนี้เป็นอย่างดี

ส่วนผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.62) บริษัทมีรายได้รวม 1,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนรายได้มากกว่า 90% มาจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มีอัตราการเติบโต 31% คิดเป็น 296 ล้านบาท แบ่งเป็นการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์แก่ลูกค้าภายในประเทศจำนวน 863 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และเป็นลูกค้าต่างประเทศ จำนวน 402 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 127% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิรวม 203 ล้านบาท เติบโต 11% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0