ทันทีที่เปิดฝาท่อระบายน้ำ พบ ไขมัน ลักษณะแข็งหนา ไม่ต่างจากหินปูน ลอยตัวจับกันเป็นก้อน สะสมในท่อระบายน้ำ จนน้ำไม่สามารถระบายได้ เจ้าหน้าที่จึงใช้จอบตักขึ้นมา หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่หมด ทำให้ต้องลงไปในท่อ แล้วใช้ตะกร้าช้อนขึ้นมา แต่น้ำยังไม่ระบาย ต้องใช้เครื่องมือที่เรียกว่า ลูกลาก สอดเข้าไปจากท่อนี้ เพื่อให้โผล่ไปยังอีกท่อ ใช้แรงดึงด้วยกำลัง 4 คน ลูกลากถึงผ่านออกมาได้ พร้อมกับก้อนไขมัน ส่งผลให้น้ำในท่อไหลได้ช้าๆ และลดลงเรื่อยๆ
ท่อระบายน้ำนี้อยู่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งในซอยสุขุมวิท 23 แม้เจ้าหน้าที่กรุงกรุงเทพมหานคร จะเคยขุดลอกมาแล้วเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังกังวลว่า หากผู้ประกอบการยังไม่ดักไขมัน เมื่อฝนตกหนัก อาจจะทำให้น้ำในท่อไม่สามารถระบายได้ สอดคล้องกับคำบอกเล่าของประชาชนว่า ช่วงฝนตกหนักติดต่อกัน 2-3 ชั่วโมง น้ำจะท่วมขังผิวถนน
จากข้อมูลกองจัดการขยะของเสียอันตรายและสิ่งปฏิกูล สำนักวิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร พบว่า แหล่งที่มาของการเกิดไขมัน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 50 เขต มีทั้งหมด 15,473 แห่ง เกินกว่าครึ่ง เป็นร้านอาหาร นั่นหมายความว่า หากร้านอาหารเหล่านี้ ไม่มีวิธีการกำจัดไขมัน ตั้งแต่เริ่มต้น สิ่งที่ตามมาจะก่อให้เกิดปัญหามากกว่าน้ำท่วมได้
ไขมันเหล่านี้จะนำไปเข้าสู่กระบวนการแปรรูปเป็นปุ๋ยอินทรีย์ โดยกรุงเทพมหานครมีโรงงานกำจัดไขมัน โดยเฉพาะ 2 แห่ง รองรับไขมันได้ 600 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน แต่พบมีไขมันเข้ามาในโรงงานเฉลี่ย 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวันเท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วน อาจจะจัดการไขมันเหล่านี้เอง หรือใช้บริการบริษัทเอกชน แต่หากไม่บำรุงรักษาบ่อดักไขมัน อาจจะทำให้ไขมันปะปนออกมาพร้อมกับน้ำทิ้งได้
เกศินี เขียนวารี รายงาน
ฮานีฟ สาแลมิง ถ่ายภาพ