โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

“เป็นคนโสดที่มีความสุข” กับการออกกำลังกายบำบัดจิต เทรนด์ใหม่ของคนรักตัวเอง

HealthyLiving

อัพเดต 19 ก.พ. 2561 เวลา 12.55 น. • เผยแพร่ 19 ก.พ. 2561 เวลา 14.00 น. • Healthy Living
Health&Wellness_Thumbnail.jpg

เราสอนกันมานานแล้วว่า การออกกำลังกายเป็นแนวทางหนึ่งที่จะคงไว้ซึ่งร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ความอ้วน และโรคอื่น ๆ อีกสารพัด และนับวัน ผลการวิจัยยิ่งชี้ชัดว่า การออกกำลังกายช่วยลดอาการทางจิตได้หลายอาการ ไม่ว่าจะเป็นความเครียดหรือซึมเศร้า ทั้งยังป้องกันการกลับเป็นซ้ำได้ด้วย การออกกำลังกายไม่ได้หมายถึงการออกแรงอย่างหนัก เหงื่อตกมาก ๆ การออกกำลังกายที่ให้ผลทางสุขภาพจิตนั้นแม้เพียงแค่เดินปกติสัก 10 นาทีก็ได้ผลแล้ว เพราะเราไม่ได้มุ่งหวังจะลดน้ำหนักสัก 1 -2กิโลกรัมที่ต้องวิ่งเป็นระยะทางไกล ๆ วิ่งเร็ว ๆ ให้เหงื่อแตกพลั่ก ๆในทางตรงกันข้าม การออกกำลังกายทางจิตวิทยานั้น หมายถึงการทำร่างกายให้แอคทีฟขึ้นเพื่อส่งผลให้ลดอารมณ์ทางด้านลบและเพิ่มอารมณ์ด้านบวกให้มากขึ้น และยิ่งมีการวางแผนให้เหมาะสมก็จะยิ่งได้ผลมากยิ่งขึ้นด้วย แม้ว่า กลไกที่การออกกำลังกายส่งผลลดอาการ เศร้า เครียด กดดัน เหนื่อยล้าจิตใจ หงุดหงิดโมโห หรือแม้แต่สิ้นหวังนั้นยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ในทางสรีรวิทยา การออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับของสารเคมีในสมอง หรือสารสื่อประสาทที่ปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น อย่างเช่น เอนดอร์ฟิน (endorphins) ช่วยคลายกล้ามเนื้อ หลับลึกขึ้น ลดฮอร์โมนความเครียด และมีผลให้จิตใจสงบขึ้น

 ประโยชน์ในทางสุขภาพจิต- เพิ่มความสำเร็จและความเชื่อมั่นในตนเอง การออกกำลังกายเพิ่มความรู้สึกว่า เราทำอะไรได้สำเร็จและเมื่อต่อเนื่องนาน ๆ เข้าก็จะผันเป็นเพิ่มความเชื่อมันในตนเอง ดอกเตอร์คริสตินบอกว่า ความรู้สึกเชื่อมั่นมั่นใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองสำเร็จเป็นพลังด้านบวกที่จะโน้มน้าวให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านบวกอื่น ๆ ให้เกิดขึ้นตามมา เขายังอธิบายต่อไปว่า เวลาที่คนเราซึมเศร้า เรามักจะคิดว่า เราไม่มีแรง หรือพลังเพียงพอที่จะดูแลตัวเอง หรือรับผิดชอบอะไรต่อมิอะไร คนที่ซึมเศร้าจะขาดความเชื่อมั่นในตนเอง รู้สึกขาดประสิทธิภาพ จึงทำให้ทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นการได้ออกกำลังกายจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาสัมผัสความสำเร็จเล็ก ๆ ขั้นต้นได้อีกครั้งหนึ่งอันเป็นก้าวแรกของก้าวต่อ ๆ ไป - หันเหความสนใจไปในทางบวก เมื่อเวลาที่เราเศร้าหรือเครียด เรามักสนใจหมกมุ่นกับตัวเอง กับอาการ และผลของอาการ วนเวียนอยู่อย่างนั้น สิ่งนี้เป็นการผลาญเวลาไปกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ นอกจากนั้นมันยังลดประสิทธิภาพในการขบคิดแก้ปัญหา ทำให้วงจรร้ายอันนี้ดำดิ่งยิ่งขึ้น ในทางตรงกันข้าม การออกกำลังกาย ทำให้เราหันเหความสนใจออกไปเรื่องอื่น ละความคิดในแง่ลบลง โฟกัสกับสิ่งหรือคนอื่น ๆ บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น การไปออกกำลังกายจะได้พบเห็นสิ่งต่าง ๆ พบผู้คน หรือการเปิดเพลงไปพร้อม ๆ การออกกำลังกายก็ช่วยผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี - เพิ่มความมีคุณค่าในตัวเอง การออกกำลังกายช่วยฟื้นฟูอาการที่คิดว่าตัวเองไร้ค่าไร้ประสิทธิภาพ ออกกำลังกายแม้เพียงนิดก็ช่วยให้เรามองตัวเองดีขึ้น เห็นคุณค่าในตัวเรา และคิดที่จะทำตัวเราให้เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้น - จับคู่ในทางบวก ในระหว่างการออกกำลังกายนั้น ร่างกายเรามีการเปลี่ยนแปลงของการหายใจ เหงื่อออก ชีพจรเร็วขึ้น อาการเหล่านี้คล้ายกับอาการที่เกิดเมื่อเวลาเราเครียด แต่อาการที่เกิดขณะออกกำลังกายเหล่านี้เกิดขึ้นคู่กับความรู้สึกดี ๆ ทางจิตใจของการได้ออกกำลังกาย ดังนั้นโดยอัตโนมัติจิตใจของเราก็จะจับคู่อาการใจสั่น เหงื่อออก หายใจเร็วหรือขัด ไปในทางบวก ต่อต้านกับความรู้สึกเดิม ๆ ทำให้เรามองหรือเห็นอาการทำนองนี้ไปในด้านบวกมากขึ้น ลดหรือเลิกกลัวกับอาการเหล่านี้ที่เดิมเคยคิดว่ามันเป็นความเครียด เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันได้โดยไม่กลัวมัน - สิ่งแวดล้อมพร้อมสนับสนุน การออกกำลังกายเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับสิ่งแวดล้อม ผู้คนแวดล้อมในทางบวก เพราะคนซึมเศร้ามักแยกตัวเอง การออกกำลังกายทำให้ได้พบปะผู้คน ยิ่งเป็นผู้คนที่ชอบออกกำลังกาย คนเหล่านี้อารมณ์แจ่มใสอยู่แล้ว รอยยิ้ม คำพูด เสียงหรือสิ่งต่าง ๆ รอบตัวล้วนเสริมอารมณ์ให้แจ่มใสง่ายขึ้น - ทักษะการคิดในทางบวก การทำอะไรในทางบวกที่จะจัดความเครียดความเศร้าเป็นประสบการณ์ด้านบวก เป็นการเรียนรู้ว่าวิธีจัดการกับอาการเหล่านั้นทำได้ และสำเร็จด้วย เพราะแทนที่จะนั่งรอให้ความเครียดความเศร้ามันหายไปเอง การได้ช่วยตัวเองด้วยการออกกำลังกายจึงเป็นทักษะหรือประสบการณ์ในด้านบวกให้เพิ่มมากขึ้นการฝืนความฝืดแน่นอนครับ การลุกขึ้นมาออกกำลังกายสำหรับคนที่ไม่เคย ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นความฝืดที่ยิ่งใหญ่แบบหนึ่ง ข้างล่างนี้เป็นแนวทางบางประการที่จะช่วยลดความฝืดเหล่านั้นลงหาวิธีออกกำลังกายแบบที่เราสนุก ไม่ว่าจะเป็นชนิดของการออกกำลังกาย เวลาที่สะดวก สถานที่รู้สึกดี ๆ กับคนที่ชอบ ฯลฯจะช่วยให้การออกกำลังกายสนุกขึ้นได้ ตั้งเป้าแบบที่เป็นไปได้ การตั้งเป้าแบบเริ่มต้นก็จะออกกำลังกายหนึ่งชั่วโมงต่อวันนั้น บางทีเป็นเป้าที่สูงเกินจริง ค่อยๆ เริ่มค่อยๆ ทำครับ อาจแค่วันละ 5 นาทีแล้วเพิ่มก็ได้ จะได้มีกำลังเพราะทำสำเร็จได้ง่ายซอยย่อยแผนการออกกำลังกาย  สมมติว่า อยากออกกำลังกายให้ได้ 45 นาทีต่อวัน ให้แบ่งเป็น เดิน 10 นาที แกว่งแขน 5 นาที พัก 5 นาที วิ่งอีก 10 นาที ฯลฯ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงเป้าหมายที่เราตั้งไว้ เมื่อเราประสบความสำเร็จเล็ก ๆ ความสำเร็จที่ใหญ่กว่าก็อยู่ไม่ไกล ขอให้แค่เริ่มเท่านั้นอย่าคิดว่าการออกกำลังกายเป็นภาระ ให้คิดเสียว่า มันเป็นยาชนิดหนึ่งที่จะช่วยรักษาหลายโรค ทั้งยังลดความเฉื่อย เพิ่มความเชื่อมั่น เพิ่มการมองแง่บวก ฯลฯเตรียมพร้อมสำหรับอุปสรรค ใหม่ๆอาจมีเยอะ แต่พอผ่านพ้นไปทีละขั้นทีละน้อยมันจะน้อยไปเอง การแบ่งแผนการออกกำลังเป็นข้อย่อย ๆ ช่วยให้เวลาที่เราทำไม่สำเร็จในขั้นใด จะไม่เสียหายไปทั้งหมด ไม่ต้องเริ่มใหม่หมด เราสามารถที่จะเริ่มต้นในจุดต่อไปได้ อย่างน้อยก็ไม่คิดว่ามันพังทั้งหมดยึดมั่นกับการแผนออกกำลังกาย การเริ่มต้นเป็นสิ่งที่ยาก แต่การรักษาไว้ดูจะยากยิ่งกว่า ดังนั้นเราต้องเตรียมการเอาไว้ครับ เอาไว้แก้ไขสถานการณ์ไม่คาดฝันที่อาจจะเกิดขึ้น เช่น ฝนตก มีทางเลือกอื่น ๆ ของการออกกำลังกายไหม หารองเท้าไม่เจอ ตื่นสาย ฯลฯ ต้องมีทางออกเอาไว้ การคิดถึงผลดีต่าง ๆ ในการออกกำลังกาย และสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในทางดีที่เกิดขึ้นจะช่วยให้เรายึดอยู่กับออกกำลังกายได้นานขึ้น แรงผลักอื่น ๆ ก็เช่นกัน ให้หามาเป็นแรงจูงใจให้ออกกำลังกายได้ต่อไป และอย่าลืมว่า ซอยย่อยแผนการออกกำลังกายเป็นขั้นเล็ก ๆ ช่วยให้เรื่องที่ฝืดลื่นขึ้น เมื่อล้มนิดล้มหน่อยจะลุกและก้าวต่อได้ง่ายขึ้นครับ  ขอบคุณข้อมูลจาก bangkokhealth.com

    ล็อคอิน หรือ สมัครสมาชิก แล้วแชร์บทความนี้เพื่อรับแต้มเลย!

_เพิ่มช่องทางการรับข่าวสารและข้อมูลดี ๆ ผ่าน Line Official AZAYfan ที่จะช่วยทำให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น ได้ที่

 

เพิ่มเพื่อน
เพิ่มเพื่อน

  

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0