หวนคืนสู่บรรยากาศแบบไทยๆ ที่ “ศาลาทิพย์” ห้องอาหารที่เป็นศาลาไทยริมแม่น้ำเจ้าพระยากับอาหารไทยต้นตำรับรสจัดจ้าน พร้อมรับชมการแสดงรำไทยแสนเพลิดเพลิน
Hello Everybody ~ ที่ทักทายด้วยภาษาฝรั่งไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะวันนี้เพื่อนฝรั่งตาสีน้ำข้าวบินมาเที่ยวที่เมืองไทย เพื่อนแสนดีอย่างวาฬก็อยากจะต้อนรับด้วยความรักและความอบอุ่นพร้อมด้วยอาหารไทยรสหนักจัดจ้านที่นางบ่นนักบ่นหนาว่าอยากลองกินสักมื้อ วาฬไม่รีรอรีบจัดการจองโต๊ะที่ ศาลาทิพย์ ห้องอาหารไทยต้นตำรับในเรือนไม้สักทองแสนสวยติดริมแม่น้ำเจ้าพระยากับวิวพระอาทิตย์ลาลับฟ้าบนคลื่นน้ำสีทอง
เมื่อได้เยื้องกรายเข้ามายังร้านอาหารไทย ศาลาทิพย์ ในศาลาไม้ริมน้ำแห่งนี้ บรรยากาศแห่งความเป็นไทยก็ได้โอบล้อมอยู่รอบตัว ทั้งเสียงดนตรีไทยขับกล่อมชวนเคลิ้ม และการตกแต่งแบบไทยดั้งเดิม ภายในศาลาประดับประดาด้วยลวดลายไทย มีโคมไฟระย้าสีเหลืองทอแสงอย่างนุ่มนวลอยู่ด้านบน ยัยเพื่อนหัวทองนี่ดี๊ด๊าใหญ่เลยล่ะค่ะ และแน่นอนว่ารสอาหารของที่แห่งนี้ยังคงรสชาติและกลิ่นอายไทยต้นตำรับอย่างเต็มเปี่ยม โดยฝีมือของเชฟญาณวิทย์ ธีรสมบูรณ์กุล เชฟผู้มากประสบการณ์หลายสิบปีที่นำเอาอาหารพื้นบ้านโบราณ อาหารชาววังฉบับดั้งเดิมแท้ปรุงเสิร์ฟถึงโต๊ะให้เราได้ลิ้มลอง
นั่งชมวิวยามพระอาทิตย์ตกดินได้ไม่นาน ท้องก็ร้องครวญถึงเวลามื้อเย็นแล้ว เริ่มที่จานแรกกันเลยค่ะ “กุ้งทอดใบเล็บครุฑ” เมนูเรียกน้ำย่อย เมนูนี้เป็นอาหารพื้นบ้านทางภาคใต้ที่นำกุ้งมาปั้นเป็นก้อนแล้วทอดพร้อมใบเล็บครุฑ จิ้มกินกับน้ำจิ้มถั่วหวาน ๆ จานนี้ก็กินเล่นได้ดีเลยค่ะ
ต่อด้วย “ยำส้มโอ” (380 บาท) ส้มโอพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง รสเปรี้ยวอมหวานที่คลุกเคล้าเข้ากับน้ำยำรสจัดจ้านจากการผัดเครื่องแกงเข้ากับกะทิ พร้อมเครื่องปรุงชวนน้ำลายสอ และ “ผัดไทยไข่เค็มไชยา” (450 บาท) ผัดไทยเส้นจันท์เหนียวนุ่มสูตรดั้งเดิมจากคุณแม่ของเชฟญาณวิทย์ ประยุกต์เอาเทคนิคโบราณใช้ไข่เค็มผัดน้ำมันให้เกิดกลิ่นหอมแล้วผัดเส้นจันท์ใส่เครื่องปรุงกลายเป็นผัดไทยรสหวานกลมกล่อม พอบีบมะนาวลงไปอูย…แซ่บบบ
ขอยกระดับความแซ่บไปอีกขั้นด้วย “ต้มยำกุ้งแม่น้ำ” (420 บาท) เมนูประจำชาติไทย ที่หากชาวต่างชาติมาเหยียบแผ่นดินไทยแล้วต้องได้ลิ้มลอง เมนูนี้เสิร์ฟมาในมะพร้าวอ่อนลูกเล็กได้ความเปรี้ยว เผ็ดนิด หอมหวานมะพร้าว และทีเด็ดจากมันกุ้งแม่น้ำ แซ่บ ซี้ด มัน แบบนี้ซดกี่ช้อนก็ไม่พอค่ะ! เป็นอีกจานที่เพื่อนสาวขอยกนิ้วกดไลก์ให้เลย
ระหว่างนั้นก็มีนางรำเข้ามาร่ายรำในศาลาอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะสวยงามพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ ทำเอาทั้งวาฬและเพื่อนร่วมโต๊ะหยุดมือเพื่อมาชื่นชมการร่ายรำตรงหน้าเลยค่ะ เมื่อการแสดงจบลงก็หันมา Enjoy Eating กันต่อสิคะ กับน้ำพริกบ้าน ๆ ที่ได้กินกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ “น้ำพริกกะปิปลาทูทอด” (220 บาท) เชฟญาณวิทย์ตำน้ำพริกสดใหม่ทุกครั้งที่เสิร์ฟเลยค่ะ ใช้กะปิเคยแท้ได้ความหอมกะปิ แต่ไม่เหม็นฉุน ปรุงรสได้เค็ม เปรี้ยว เผ็ด หวานกำลังดี เป็นน้ำพริกรสผู้ดีแบบนัว ๆ ที่กินกันไม่หยุดปาก เสิร์ฟมาพร้อมกับปลาทูทอดแกะก้างแล้ว และผักสดนานาชนิด ๆ บอกเลยจานนี้ยิ่งได้ข้าวสวยร้อน ๆ ฟินค่า
ตามมาด้วย “กุ้งมังกรทอดกระเทียม” (1,680 บาท) เพื่อนฝรั่งถึงกับร้องว้าว เพราะจานนี้คือกุ้งล็อบสเตอร์เนื้อหวานตัวโตทอดกระเทียมหอม ๆ กินกันเพลินเลยค่ะ คนไทยชอบ ฝรั่งปลื้มเลยแหละจานนี้
โบราณว่ากินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ วาฬจึงขอปิดท้ายมื้อด้วย “ทับทิมกรอบ” (240 บาท) หวานเย็นชื่นใจแบบไทย ๆ ทับทิมที่นี่กรอบจริงสมชื่อ เสิร์ฟมาในน้ำกะทิสดกลิ่นหอมรสหวานกำลังดี กินแล้วสดชื่นขึ้นมาเลยค่ะ ถ้าไม่ติดว่าพุงจะปลิ้นแล้ว วาฬจะขอเบิลอีกสองถ้วยไปเลย!
แค่ได้พาเพื่อนต่างชาติมากินอาหารไทยต้นตำรับในบรรยากาศดี ๆ ริมแม่น้ำที่ห้องอาหารไทย ศาลาทิพย์ แล้วเพื่อนสาวถูกใจกับรสชาติอาหาร แถมยังได้ชมการแสดงรำไทยหลากหลายชุดตลอดเวลาร่วมโต๊ะ…เท่านี้วาฬก็ Happy แล้วค่า นางยังบอกอีกว่ารอบหน้าต้องมาลองเมนูอื่น ๆ ของที่นี่แล้วล่ะ
การเดินทาง
หากกำลังมองหาห้องอาหารไทยในบรรยากาศแบบไทยดั้งเดิม ไม่ควรพลาดที่จะพาเพื่อนชาวต่างชาติมาที่ ศาลาทิพย์ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับอาหารไทยพื้นบ้านแล้วยังเต็มอิ่มกับบรรยากาศในศาลาเรือนไทยสีเข้มติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาก พร้อมรับชมการแสดงรำไทยอันหลากหลาย สามารถนั่งบีทีเอสลงสถานีสะพานตากสิน แล้วเดินเข้าโรงแรมมาได้เลย หากขับรถมาโรงแรมตั้งอยู่บนถนนเจริญกรุงค่ะ อ๊ะ! บอกก่อนว่าควรโทรมาจองโต๊ะกันก่อนนะคะ เราจะได้เลือกมุมที่วิวดีที่สุดด้วย รายละเอียดต่าง ๆ สอบถามได้ที่ โทร. 02-236-9952 หรืออีเมล restaurants.slbk@shangri-la.com
