โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

โรม-จ่านิวนัด 5พค.ขับไล่คสช. ทลม.ประเดิมคึก จัดประชุมพรรค

Khaosod

อัพเดต 25 มี.ค. 2561 เวลา 02.10 น. • เผยแพร่ 25 มี.ค. 2561 เวลา 02.10 น.
Untitl52ed 1

“วิษณุ”ย้ำคสช.ไฟเขียวพรรคใหม่จัดประชุมแค่ บางกรณี พรรคทางเลือกใหม่ประเดิมเวทีเลือก”ราเชน ตระกูลเวียง”อดีตแกนนำกปปส.นั่งหัวหน้า ลั่นผูกมิตรทุกพรรค พร้อมเชียร์”บิ๊กตู่”เป็นนายกฯ กกต.เผย 58 พรรคเก่าตอบรับฟังชี้แจงแนวปฏิบัติ 28 มี.ค.นี้ “มาร์ค”ลุยปรับโฉมปชป.ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมค่าย “อนุทิน”ยกทีมไหว้ย่าโม ขอให้ภูมิใจไทยคว้าชัยทุกสนามเลือกตั้ง เผย”วาดะห์-ทวี”เนื้อหอม แห่รุมจีบหวังชิง 14 เก้าอี้ภาคใต้ “โรม-จ่านิว”บุกทัพบกตามนัด จี้หยุดหนุนคสช. ขู่ 5 พ.ค. ชุมนุมใหญ่ขับไล่ ยันต้องเลือกตั้งปีนี้ “ศิริกาญจน์ เจริญศิริ” ทนายความสิทธิฯ รับรางวัลสตรีผู้กล้าหาญที่สหรัฐ ปิดตำนาน”เสธ.แอ๊ว”วัย 77 ปี

“วิษณุ”เผยเหตุคสช.หารือกกต.

เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นายวิษณุ เครืองาม รองนายรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าพูดคุยหารือในประเด็นเชิญพรรค การเมืองมาพูดคุยในวันที่ 28 มี.ค.นี้ เพื่อชี้แจงแนวปฏิบัติเตรียมความพร้อมในการดำเนินการทางธุรการตามกฎหมายพรรคการเมืองที่จะเริ่ม 1 เม.ย.นี้ว่า เรื่องนี้กกต.จะเชิญอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับตน แต่มีข้อคำถามที่พรรคการเมืองสอบถามมาว่าในคำสั่งคสช.ที่ 53/2560 ซึ่งได้ระบุว่า ถ้ามีปัญหาในข้อปฏิบัติเรื่องใดให้ทางกกต.และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หารือกัน ดังนั้นในวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมาจึงเป็นการประชุมกันระหว่างผู้แทนคสช. และกกต. ส่วนตนนั่งฟังเท่านั้น ในส่วนเนื้อหาการหารือนั้น ตอบไม่ได้ ให้กกต.เป็นผู้ตอบเอง

เมื่อถามว่าในคำสั่งคสช. ระบุละเอียดแล้วทำไมจึงต้องมีการหารือกันอีก นายวิษณุกล่าวว่า คำถามจากพรรคการเมืองมีมากมายถึง 20 คำถาม ซึ่งกกต.สามารถตอบเองได้ แต่มีอยู่ 6-7 ข้อที่กกต.ตอบเองไม่ได้ และไม่แน่ใจว่าตอบแล้วจะตรงจุดประสงค์หรือไม่ จึงได้เชิญตัวแทนจากคณะกรรมการกฤษฎีกา กกต.และคสช. มาหารือพูดคุยกัน โดยกกต.บอกสิ่งที่เข้าใจ ตนเข้าใจว่าร้อยละ 90 กกต.เข้าใจถูก รวมถึงยังมีการพูดคุยกันว่าช่วงเวลาที่ผ่านมามีพรรคใหม่ยื่นหนังสือขอจัดประชุมพรรค โดยตัวแทนของ คสช. เล่าในที่ประชุมว่า ได้มีการอนุญาตแค่บางกรณีเท่านั้น จึงมีคำถามว่าอะไรคือหลักเกณฑ์ แต่พอได้พูดคุยกันแล้วเรื่องก็จบ

พรรคเก่าคึกคักฟังชี้แจง 28 มี.ค.

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รักษาการเลขาธิการกกต. กล่าวว่า ในวันที่ 28 มี.ค. สำนักงาน กกต.ได้เตรียมการเกี่ยวกับการจัดประชุมพรรคการเมืองไว้เรียบร้อยหมดแล้ว ขณะนี้มีพรรคการเมืองที่จะเข้าแล้ว 58 พรรค ประมาณ 264 คน การจัดประชุมดังกล่าวจะให้เฉพาะพรรคการเมืองเก่าที่เคยจดทะเบียนกับกกต.ไว้ เพราะกกต.ได้จัดประชุมเฉพาะกลุ่มการเมืองใหม่ไปแล้วในวันที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งจะต้องดูว่าก่อนจะถึงวันที่ 28 มี.ค.นี้ จะมีพรรคการเมืองเข้าร่วมประชุมดังกล่าวครบทั้ง 69 พรรคหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพรรคที่ตอบรับเข้าร่วมการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินกิจการพรรคการเมือง ครั้งที่ 2/2561 เรื่อง แนวทางการดำเนินกิจการแก่พรรคการ เมืองที่จัดตั้งหรือเป็นพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ขณะนี้มี 58 พรรค 264 คน อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ นายทะเบียนพรรค พรรคเพื่อไทย นำโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค และนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมาย

พรรคชาติพัฒนา นำโดยนพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล หัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ บุญชัยสุข เลขาธิการพรรค พรรคชาติไทยพัฒนา นำโดยนายธีระ วงศ์สมุทร หัวหน้าพรรค นายพิสิษฐ์ พิทยฐากุลเจริญ นายทะเบียนพรรค และนายวราวุธ ศิลปอาชา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พรรคภูมิใจไทย นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค พรรคพลังชล นำโดย นายพันธุ์ศักดิ์ เกตุวัตถา เลขาธิการพรรค เป็นต้น

ภท.เล็งบี้ปมไพรมารี่โหวต

ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคและคณะจะนำทีมเข้าพูดคุยกับ กตต.ในวันที่ 28 มี.ค. คงเป็นประเด็นเกี่ยวกับการทำกิจกรรมของพรรค โดยเฉพาะทำไพรมารี่โหวตซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคการเมืองเป็นห่วงมากเพราะเกรงว่าจะไม่ทันเวลา เนื่องจากเมื่อทุกพรรคการเมืองส่งผู้สมัคร 350 เขตจะไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเตรียมความพร้อมที่จะมีสมาชิกในแต่ละเขต ดังนั้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้รอบแรกอาจจะมีสมาชิกพรรคจังหวัดละ 100 คน แต่รอบต่อไปจะต้องมีเป็นรายเขตแล้ว เพราะหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหลังเลือกตั้ง ถ้าพรรคการเมืองใดไม่เตรียมความพร้อมจะมีปัญหาในรอบ 2 คือ ส่งผู้สมัครไม่ได้เลย

“อุบัติเหตุทางการเมืองที่ว่าอาจหมายถึงสภาอยู่ไม่ยาว เนื่องจากเข้าใจว่าสถานการณ์ทางการเมืองครั้งหน้าจะเกิดรัฐบาลผสม แต่เป็นแค่การคาดการณ์ จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ยังไม่ทราบ แต่ในทางการเมืองพรรคการเมืองย่อมต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องจำนวนสมาชิกของพรรคในแต่ละเขตไว้รองรับ จึงอยากให้ คสช.ให้ความกรุณาด้วยการปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตามรูปแบบกฎหมาย” นายทรงศักดิ์กล่าว

เพื่อไทยข้องใจใบยืนยันสมาชิก

ผู้สื่อข่าวถามว่าในพรรค ภท.มีการเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคอย่างไรบ้าง นายทรงศักดิ์กล่าวว่า ไม่มีสมาชิกพรรคภูมิใจไทยคนใดแจ้งเข้ามาว่าจะลาออกหรือย้ายไปอยู่พรรคอื่นเลย มีแต่สมาชิกจากพรรคอื่นหลายพรรคที่แสดงเจตนารมณ์ว่าจะเข้ามาร่วม แต่ที่ยังไม่กล้าบอกว่าเป็นใครเพราะยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการทำธุรกรรมของพรรค เพราะในวันที่ 1 เม.ย.จะเริ่มให้มีการยืนยันสมาชิกเก่า ส่วนการรับสมาชิกใหม่ยังไม่มี ฉะนั้นคนเข้าหรือคนออกในแต่ละพรรคการเมืองจึงยังทำไม่ได้ ทั้งนี้ จะมีการเชิญว่าที่สมาชิกใหม่มาร่วมทำบุญพรรค ณ ที่ทำการพรรคในวันที่ 1 เม.ย.ด้วย

นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การหารือกับ กกต.ในวันที่ 28 มี.ค.นั้นไม่ได้เข้าร่วม แต่จะมีรักษาการหัวหน้าพรรค และฝ่ายกฎหมายของพรรคเข้าร่วม ส่วนประเด็นการหารือที่พรรคจะนำเสนอนั้น ส่วนตัวคาดว่าจะเป็นเรื่องการปฏิบัติตามประกาศ คสช.ที่ 53/2560 ในรายละเอียดที่จะต้องให้สมาชิกที่ระบุในใบยืนยันการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองจะต้องระบุแค่ไหน เพียงใด เช่น เรื่องลักษณะต้องห้าม จะต้องให้สมาชิกเป็นคนยืนยันใช่หรือไม่ นอกจากนั้นอาจจะเป็นการแสดงความคิดเห็นบอกผ่าน กกต.ว่าถึงเวลาที่จะปลดล็อกพรรคการเมืองแล้วซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุดที่สุด

ปชป.รอถาม-ปลดล็อกได้ยัง

นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในวันที่ 28 มี.ค.ที่ กกต.เชิญไปฟังคำชี้แจง ถ้าฟังแล้วไม่เข้าใจในวิธีปฏิบัติก็ต้องถาม เพื่อจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนและทุกพรรค ซึ่งในวันนั้นจะถามถึงความชัดเจนว่าอะไรทำได้อะไรทำไม่ได้ และทำได้จะทำได้ด้วยวิธีอะไร ทั้งนี้ ปัญหาและอุปสรรคตามคำสั่ง คสช.53/2560 ในด้านธุรการหลายมุม จะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหา เพราะจำเป็นต้องระดมสมาชิกพรรคที่หลุดไปตามคำสั่งดังกล่าว เพื่อที่จะดึงสมาชิกพรรคกลับมาให้ได้ ขณะเดียวกันคงมีโอกาสพูดคุยกับพรรคการเมืองอื่นๆ ด้วย ว่าความชัดเจนของวันเวลาในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองจะประชุมได้ช่วงไหน ทำได้เมื่อใด เราคงจะคุยกันหลายเรื่องหลายมุมในวันดังกล่าว

สำหรับการปลดล็อกพรรคการเมืองเพื่อให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองนั้น คงอยู่ที่การตัดสินใจของ คสช.ว่าจะปลดให้ช่วงไหน ซึ่งวันนั้นจะบอก กกต.ว่าสมควรหรือยังที่จะปลดล็อกให้ เพราะพรรคการเมืองต้องเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้ง ซึ่งต้องเตรียมทำเรื่องไพรมารี่โหวต ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ แต่ถ้ายังไม่ปลดล็อกพรรคจะส่งผลให้เตรียมการไม่ทันในบางเรื่อง

พรรคการเมืองไม่ใช่ว่าจะสั่งให้เราซ้ายหันขวาหันได้ เราต้องพบปะ พูดคุย ประชุมปรึกษาหารือกันตลอด เราต้องประชุมเลือกหัวหน้าพรรค เลือกคณะกรรมการบริหารพรรค ต้องเตรียมแก้ไขข้อบังคับการประชุมให้สอดคล้องกับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ร.ป.พรรคการเมือง และพ.ร.ป.กกต.

“มาร์ค”รับลูกไอติม-ปรับสู่ยุคใหม่

ที่สถาบันพระปกเกล้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี คสช.อนุญาตพรรคการเมืองใหม่จัดการประชุมพรรคว่า พรรคการเมืองใหม่จะต้องผ่านขั้นตอนการประชุม เพื่อก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง คือ ต้องมีข้อบังคับเหมือนพรรคการเมืองทุกประการ หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการปลดล็อกพรรคการเมืองว่าจะสามารถทำได้เมื่อไร จริงๆ ทาง คสช.เปิดให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่กังวลว่าพรรคเก่าจะเสียเปรียบพรรคการเมืองใหม่ เพราะพรรคการเมืองใหม่อยู่ในขั้นตอนที่จะต้องจัดตั้งพรรคให้เสร็จเรียบร้อย อยากให้ คสช.อนุญาตกลุ่มต่างๆ ตั้งพรรคขึ้นมาได้เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง

ส่วนกรณีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม หลานชายของตัวเอง ขึ้นเวทีเสวนาในงานเสวนาอนาคตประเทศไทยไปทางไหนเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่บิ๊กซี ราชดำรินั้น พรรคประชา ธิปัตย์จะก้าวข้ามการเป็นพรรคอนุรักษนิยมเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ ผู้สื่อข่าวถามว่าถือว่าเป็นการสื่อว่าจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันคนรุ่นใหม่ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ใช่ เราอยากเชิญชวนคนรุ่นใหม่อีกจำนวนหนึ่งที่อยากเข้ามาเยอะๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับพรรคและการเมืองไทยด้วย มั่นใจว่าจะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะคนทุกรุ่นในพรรคมีส่วนในการบริหารจัดการพรรคอยู่แล้ว เมื่อถามว่าจะถือเป็นการปรับโฉมใหม่ของพรรคใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พรรคต้องมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว

หวั่นปลด”สมชัย”กระทบเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจมาตรา 44 ปลดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.ออกจากตำแหน่งว่า อยากให้ คสช.ระมัดระวังการใช้อำนาจดังกล่าว เพราะมาตรา 44 เป็นเหมือนอำนาจของฝ่ายบริหาร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปในการเลือกตั้งจะถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงว่าทำไมคนมีอำนาจถึงสามารถปลด กกต.ที่ทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ส่วนตัวมองว่าเหตุผลในการปลดนายสมชัยน่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ เช่น ถ้าเห็นว่าเป็นการ ขัดกันของผลประโยชน์ควรให้ตัวองค์กรพิจารณาเอง และความจริงมีกฎหมายอยู่แล้วว่าคนที่มีส่วนได้ส่วนเสียไม่สามารถเข้าไปร่วมในขบวนการนั้นได้ ส่วนตัวรู้สึกแปลกใจการใช้อำนาจอย่างนี้จะทำให้เกิดปัญหาเชิงระบบตามมา

ผู้สื่อข่าวถามว่าคำสั่งนี้สมเหตุสมผลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องการสรรหาเลขาธิการ กกต.น่าจะมีวิธีการตกลงกันได้ภายในองค์กร และมองว่าการให้สัมภาษณ์ของนายสมชัยไม่ได้กระทบต่อความมั่นคง และกังวลว่ากรณีของนายสมชัย อาจจะส่งผลต่อการเลือกตั้งในอนาคต แต่เมื่อมีออกคำสั่งไปแล้วนายกฯ ควรทบทวนว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่นว่าองค์กรอิสระสามารถทำงานได้อย่างอิสระโดยแท้จริง เมื่อถามว่านายกฯ ใช้มาตรา 44 เกินความจำเป็นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มองว่าต้องกลับไปทบทวนจะทำอย่างไรให้เกิดความเชื่อมั่นได้ว่าองค์กรอิสระจะสามารถทำงานอย่างอิสระได้อย่างแท้จริง

สนช.การันตีไม่แทรกแซง

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมา ธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) กล่าวว่า การปลดนายสมชัย นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคสช. ทำได้ตามกฎหมาย เพราะมาตรา 265 ในรัฐธรรมนูญปัจจุบันบอกไว้ว่า ในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ให้คสช.ยังมีอำนาจและหน้าที่ที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 และให้ถือว่าบทบัญญัติดังกล่าว ยังมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งทางรัฐบาลมีทีม นักกฎหมาย รวมถึงกฤษฎีกาดูเรื่องนี้อยู่ คาดการณ์ว่าคงจะชั่งน้ำหนักทั้งข้อดีข้อเสียแล้ว ก่อนจะตัดสินใจใช้อำนาจ คงจะไม่ใช้พร่ำเพรื่อ คงใช้เท่าที่จำเป็น

ขณะที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต.ก็ให้มีการเซ็ตซีโร่ กกต.เดิมไปแล้ว แต่ยังให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีชุดใหม่ และไม่ใช่การรักษาการในตำแหน่งด้วย คราวนี้ฝ่ายบริหารเพียงแต่สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น เป็นเครื่องมือฝ่ายบริหารในการทำงานหรือแก้ปัญหา คงไม่ได้กระทบและไม่ถือว่าเป็นแทรกแซงองค์กรอิสระ เนื่องจากใช้คำสั่งกับนายสมชัยเพียงคนเดียว ยังเหลือกกต.อีก 4 คนครบเป็นองค์คณะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้โดยไม่สะดุด จนกระทั่งรอกกต.ชุดใหม่เข้ามาแทนที่

“อนุทิน”บวงสรวงท้าวสุรนารี

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้เดินทางมาทำพิธีบวงสรวงกราบไหว้สักการะท้าวสุรนารี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาว จ.นครราชสีมา โดยมีอดีต ส.ส.เขต ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติพัฒนา และพรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก นายประนอม โพธิ์คำ นายสมชัย ฉัตรพัฒนศิริ นายวิสิทธิ์ พิทยาภรณ์ นายประทีป กรีฑาเวช นายภิรมย์ พลวิเศษ และนายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์

กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่น เช่น นพ.สำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกองค์การบริหารจังหวัด (อบจ.) นครราชสีมา นายลบพาล ธีระบุตร อดีตรองนายกอบจ. และสมาชิกสภา (ส.อบจ.) ทั้งอดีต ส.อบจ.และที่กำลังดำรงตำแหน่งตามวาระจำนวนนับสิบคน รวมทั้ง นักธุรกิจระดับเจ้าสัว คือ กำนันป้อ นาย วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ประธานบริหาร บริษัท แป้งมันเอี่ยมเฮง จำกัด รอต้อนรับ พร้อมร่วมพิธีพราหมณ์กันอย่างชื่นมื่น โดยตั้งเครื่องเซ่นไหว้ ที่มีอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่ม พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีกล่าวอัญเชิญดวงวิญญาณท้าวสุรนารี และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ปกปักรักษาคุ้มครองให้ปลอดภัย และดลบันดาลให้ได้รับชัยชนะก่อนเป่าแตรสังข์ เพื่อเป็นสัญญาณให้นายอนุทิน และ ผู้ร่วมพิธีได้โปรยเข้าตอกดอกไม้เป็นขั้นตอนสุดท้าย

ขอพรภท.คว้าชัยเลือกตั้ง

จากนั้นนายอนุทินได้นำคณะผู้ติดตามเดินเท้าลอดซุ้มประตูชุมพล ตามความเชื่อของชาวโคราชที่ว่าหากใครลอดประตูนี้ จะได้ทำงานหรืออยู่ที่โคราชอย่างถาวร พร้อมกล่าว “ไชโย ไชโย ย่าโมออกศึก” ก่อนจะเดินทางไปกราบไหว้ สักการะศาลหลักเมือง

นายอนุทินเปิดเผยว่า ได้ถือฤกษ์งามยามดี วันฉลองชัยชนะท้าวสุรนารี จึงตั้งใจมากราบไหว้ อธิษฐานขอพรให้ย่าโมช่วยให้พรรคภูมิใจไทยมีชัยชนะในการเลือกตั้ง ตนถือเป็นชาวโคราชเหมือนกัน เนื่องจากมีบ้านพักอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงอยากสร้างความเจริญให้กับ จ.นครราชสีมา ซึ่งมีความพร้อมด้านสาธารณูปโภค แต่ขาดการสนับสนุน ส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรม บุคลากรของพรรคภูมิใจไทยมีวุฒิภาวะ ความสามารถ และพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้ง จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่ให้ชาวโคราชผิดหวัง ทั้งสนามเลือกตั้งโคราช ทั้งระดับชาติ และอบจ.รวมทั้ง สนามท้องถิ่น ตนจะเป็นแม่ทัพ ทำหน้าที่บัญชาการด้วยตัวเอง เพื่อให้ชนะเหนือคู่แข่ง

รุมจีบ”วาดะห์-ทวี”-ชิง 14 เก้าอี้

รายงานข่าวเปิดเผยว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มวาดะห์ต่ออนาคตทางการเมืองว่าจะอยู่หรือตีห่างจากพรรคเพื่อไทยนั้น ล่าสุดกลุ่มวาดะห์ยังคงเนื้อหอมอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแค่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่ยังมีพรรคประชาธิปัตย์ ที่ครองเก้าอี้ส.ส.ส่วนใหญ่ในภาคใต้ พร้อมด้วยพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคภูมิใจไทย ที่อยากได้ส่วนแบ่งส.ส.จากในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ มีการพูดคุยทาบทามและจัดเตะฟุตบอลกระชับมิตร เช่นเดียวกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการศูนย์อำนวย การบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ที่ฝ่ายการเมืองต่างรุมจีบ เนื่องจากเห็นผลงานและบทบาทการเมืองนำการทหาร ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการเป็นนักประสานที่โดดเด่น โดย พ.ต.อ.ทวียังไม่ตอบรับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่พร้อมให้ความช่วยเหลือทุกฝ่ายการเมือง เพื่อหวังว่าจะมีโอกาสกลับมาสานต่อการแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนภาคใต้อีกครั้งหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากยังมีอายุราชการเหลืออีกราว 1 ปี

ส่วนความสำคัญที่ฝ่ายการเมืองมอง พ.ต.อ.ทวี และกลุ่มวาดะห์นั้น เนื่องจากผลการออกเสียงประชามติ ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันและคำถามพ่วงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อเดือนส.ค.2559 เฉลี่ยร้อยละ 60 ว่าไม่เอากฎหมายสูงสุดรัฐบาลทหาร จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 1 ล้านกว่าเสียง หากประเมินจากผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา กับวิธีคิดคะแนนจากการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว จะพบว่าพรรคการเมืองจะพึงมีส.ส. 1 คน ต่อ 70,000 คะแนน ดังนั้น 1 ล้านเสียงเศษจึงหมายถึง ส.ส.ที่แต่ละพรรคพึงมีราว 14 คน

ทลม.ประชุม-“ราเชน”หัวหน้า

เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงแรมริเวอร์ไซด์ ซังฮี้ สมาชิกพรรคทางเลือกใหม่ ซึ่งคสช.ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้เป็นพรรคแรก ได้จัดการประชุมสามัญครั้งที่ 1 โดยมีเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในประเทศ (กอ.รมน.) เข้ามาสังเกตการณ์การประชุมด้วย เป็นที่น่าสังเกตุว่ามีสมาชิกพรรคบางส่วนที่เคยเป็นอดีตแนวร่วมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) เป็นสมาชิกพรรคด้วย

สำหรับพรรคทางเลือกใหม่ เขียนเป็นภาษาอังกฤษ “NEWALTERNATIVE PARTY” ใช้ชื่อย่อภาษาไทยว่า “ทลม.” ชื่อย่อภาษาอังกฤษว่า “WEWA” ส่วนคำขวัญของพรรคคือ “กล้าคิด กล้านำ ทำจริง” มีคำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองคือ “พรรคทางเลือกใหม่ ยึดมั่นในอุดมการณ์รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อประชาชนเท่านั้น”

โดยที่ประชุมได้พิจารณาวาระการประชุมจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ครบหลักเกณฑ์ในการบริหารและการดำเนินกิจการทางการเมืองของพรรคสอดคล้องกับพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรค การเมือง พ.ศ.2560 ครบทุกวาระที่ประชุมเลือกและให้การรับรองการประชุมจัดตั้งพรรคทางเลือกใหม่โดยการประชุมสามัญพรรคทางเลือกใหม่ครั้งที่ 1/2561 ที่ประชุมมีมติให้นายราเชน ตระกูลเวียง เป็นหัวหน้าพรรค เป็นชาวนนทบุรีโดยกำเนิด เกิดเมื่อ วันที่ 3 ก.พ.2506 อายุ 55 ปี การศึกษาระดับปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตร์ เคยเป็นแกนนำอดีต กปปส.นนทบุรี และมีนายไพโรจน์ กระทุ่มทองเลิศ เป็นเลขาธิการพรรค

“ราเชน”ลั่นเป็นมิตรกับทุกพรรค

นายราเชนกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ต่อสมาชิกพรรคว่า วันนี้มีสมาชิกมาร่วมในการประชุมมากกว่า 500 คน เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ที่จำนวน 250 คน และมีเงินสมทบทุนในการจดจัดตั้งพรรคแล้ว 926,185 บาท ซึ่งจะครบ 1 ล้านตามกฎหมายกำหนดแน่นอน ตนมองการณ์ไกลที่ผ่านมามีการชุมนุมทางการเมือง การลงถนน ทำผิดกฎหมายมากมาย ซึ่งใครลงถนนคนนั้นแพ้ ไม่ว่าจะฝ่ายไหนสีอะไร แต่ผู้นำสบาย ตนเคยลงถนนในฐานะประธานกปปส.นนทบุรี ซึ่งเป็นอดีตและพร้อมให้ตรวจสอบและคิดได้แล้วว่าใครลงถนนคนนั้นแพ้ บ้านเมืองจะเดินไปได้อย่างไร

ถ้าเราตั้งพรรคคำถามแรกคือมีดีอะไรที่จะสู้กับกระแสพรรคใหญ่และกระสุนทั้งเงินและกระสุนจริง อย่ากลัวในเรื่องนี้เพราะเรามีความกตัญญูต่อบุญคุณของแผ่นดินและจะใช้สิ่งนี้ในการต่อสู้ เราไม่มีคู่แข่งและเป็นศัตรูกับใคร มาเพื่อชนะความพ่ายแพ้ ในการหาเสียงเราพร้อมสนับสนุนทุกพรรค ทั้งประชาธิปัตย์และเพื่อไทย ต่างเป็นพรรคที่ดีและมีอุดมการณ์ทั้งคู่ แต่ขอคะแนนเสียงครอบครัวละ 1 คะแนนเท่านั้นให้กับพรรคทางเลือกใหม่ เพื่อเข้ามาเป็นตัวแทนของประชาชนในแนวทางใหม่ทางการเมือง

ในวันที่ 5 เม.ย. จะไปยื่นจดทะเบียนพรรคกับกกต.เป็นพรรคแรกหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเป็นพรรคแรกในวันนี้ ขอยืนยันในความพร้อมของพรรคทางเลือกใหม่ในการเป็นรัฐบาล เรามีทุกๆ นโยบายที่เขียนไว้แล้ว รวมทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่อาจจะแตกต่างจากรัฐบาลชุดนี้ และจะเสนอให้ตั้งเพิ่มอีก 2 กระทรวง คือ กระทรวงเอสเอ็มอี และกระทรวงเออีซี ส่วนนโยบายในการบริหารราชการแผ่นดินนั้นขอให้สมาชิกทุกคนสบายใจได้ ไม่ต้องกังวลขอให้เดินหน้าทำความเข้าใจกับสมาชิกอื่นๆ และตนจะเดินทางไปทำความเข้าใจในทุกพื้นที่ต่อไป

ชูนโยบายกองทุนเจ้าบ้าน

นายราเชนให้สัมภาษณ์ว่า ขอขอบคุณ คสช.ที่อนุญาตให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองครั้งนี้ โดยขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการตามโรดแม็ปการเลือกตั้งตามที่ประกาศไว้ ส่วนนโยบายหลักของพรรคคือกองทุนเจ้าบ้าน ซึ่งเป็นการให้เงินทุนครอบครัวอย่างไม่มีเงื่อนไขนั้น ยืนยันไม่ใช่โครงการประชานิยม แต่เป็นไทยนิยม ซึ่งประชาชนต่างเห็นด้วยกับแนวทางนี้ และเชื่อว่านโยบายนี้จะทำให้พรรคชนะการเลือกตั้ง พรรคนี้เป็นมิตรกับทุกพรรคการเมืองไม่เป็นศัตรูกับใคร เราจะไม่เล่นการเมืองแบบสกปรก สาดสีใส่ร้าย

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยหรือหารือกับพันธมิตรทางการเมืองกลุ่มใดหรือไม่ นายราเชนกล่าวว่า ไม่ได้พูดคุยกับใครเลย แม้แต่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิกปปส. เพราะมั่นใจในการเป็นดาวฤกษ์ คนที่พรรคจะเสนอเป็นนายกฯ ก็คือหัวหน้าพรรค และพร้อมเป็นรัฐบาลร่วมกับทุกพรรคเพื่อเดินหน้านโยบายกองทุนเจ้าบ้านทันที เราไม่ขอเป็นฝ่ายค้าน

“ยืนยันว่าผมไม่มีความกังวลในเรื่องในอดีตที่เคยเป็นแกนนำ กปปส.เพราะทุกคนต้องเดินไปข้างหน้า และเมื่อครั้งที่มีการชุมนุมร่วมกับ กปปส.ในฐานะแกนนำนนทบุรี เราก็ไม่ใช่ฮาร์ดคอร์ เมื่อวันหนึ่งเห็นว่าแนวทางไม่ตรงกัน เราก็เดินออกมา กลับบ้าน” นายราเชนกล่าว

อาสานั่งนายกฯ-ถ้าวืดหนุน”บิ๊กตู่”

นายราเชนกล่าวว่า การประชุมพรรควันนี้ ได้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งหมด ตามระเบียบและข้อบังคับพรรค โดยมีกรรมการบริหารพรรค 30 คน ซึ่งตนจะประกาศตัวอาสาเป็นนายกฯ เอง แต่หากไม่ได้รับเสียงข้างมากก็พร้อมที่จะสนับสนุนพรรคที่ได้เสียงข้างมาก แต่หากไม่มีทางเลือกจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ และหัวหน้าคสช.อีกสมัย ซึ่งจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นไม่เอาบริวารของพล.อ.ประยุทธ์ ด้วย

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าแม้ตนจะเคยเป็นประธานกปปส.นนทบุรี แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกปปส.แล้ว อีกทั้งการตั้งพรรคการเมืองครั้งนี้ไม่เคยหารือกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิกปปส. มั่นใจว่าจะได้รับเสียงตอบรับจากประชาชน เพราะจะส่งผู้สมัครครบใน 350 เขตทั่วประเทศ เน้นคนรุ่นใหม่ ไม่รับผู้สมัครส.ส.เก่า คาดว่าจะได้รับเลือกประมาณ 50 ที่นั่ง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นที่ปรึกษาพรรคหรือไม่ นายราเชนกล่าวว่า เราเป็นดาวฤกษ์ มีแสงสว่างในตัวเอง จะไม่ทาบทามใครเป็นที่ปรึกษา พร้อมสู้กับกระแสและกระสุน

“โรม-จ่านิว”จี้กองทัพเลิกหนุนคสช.

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่สนามฟุตบอล ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มคนอยากเลือกตั้งจัดกิจกรรมเป็นครั้งที่ 4 นายรังสิมันต์ โรม หรือโรม กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ (ดีอาร์จี) และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว กลุ่มสตาร์ตอัพพีเพิล นัดจัดกิจกรรมรวมตัวกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เพื่อเดินไปยังกองทัพบก (ทบ.) บริเวณถนนราชดำเนิน เพื่อทวงถามถึงกำหนดวันเลือกตั้ง ที่ทางกลุ่มขีดเส้นว่าต้องเกิดขึ้นปีนี้เท่านั้น

นายรังสิมันต์แถลงก่อนเดินหน้าสู่กองทัพบอกว่า การเลือกตั้งเดือนพ.ย.นี้ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และยังยืนยันว่าจะเลือกตั้งเดือนก.พ.2562 ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาที่ให้ไว้กับคนไทยและประชาคมโลก ส่วนข้อเรียกร้องให้ยุบ คสช.นั้นเห็นว่าไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะไม่มีการเลือกตั้งปีนี้ จึงให้ คสช.เหลือสถานะเพียงรักษาการ เพื่อรองรับต่อการเลือกตั้งเท่านั้น แต่วันนี้ คสช.ไม่ตอบสนอง เราจึงต้องยกระดับการกดดัน

ขู่ 5 พ.ค.ชุมนุมใหญ่ขับไล่

“การเมืองไทยจะไปข้างหน้าไม่ได้หากยังมีทหารอยู่ในระบอบการเมือง การเดินขบวนไปกองทัพบกวันนี้เพื่อเรียกร้องให้กองทัพหยุดสนับสนุนคสช. และเลือกยืนเคียงข้างประชาชน เราไม่ได้เรียกร้องให้ลาออกขอแค่เป็นอิสระจากคสช. หากไม่ทำอะไรเดือนพ.ค.จะเริ่มต้นชุมนุมขับไล่วงจรอุบาทว์ไปพร้อมกัน เวลาที่เหลืออีกเดือนกว่าๆ ยังมีเวลาให้กองทัพทำเพื่อชาติได้อย่างแท้จริง รัฐบาลเลือกตั้งครบ 4 ปี ยังพ้นวาระ ให้มีการเลือกตั้ง การเลือกเดือนพ.ค.เพื่อชุมนุมใหญ่ เพราะครบรอบ 4 ปี นับจาก คสช.ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ดังนั้น วันที่ 5 พ.ค.จะเป็นจุดเริ่มต้นการชุมนุมใหญ่ หากข้อเรียกร้องไม่ถูกตอบสนอง” นายโรมกล่าว

ด้านนายสิรวิชญ์กล่าวว่า กองทัพควรยืนข้างประชาชน ไม่ควรแทรกแซงทางการเมือง แต่วันนี้กองทัพแทรกแซงและแทรกซึม ผบ.เหล่าทัพต้องถอนการสนับสนุนคสช. ทำแต่เพียงหน้าที่รักษาความสงบ ไม่ใช่รักษาความมั่นคงคสช. ซึ่งส่งคนเข้าไปนั่งในรัฐวิสาหกิจ จนส่งผลให้เศรษฐกิจมีปัญหา กองทัพต้องกลับเข้ากรมกอง เลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราจะเริ่มเดินไปกองทัพบก เพื่อประกาศศักดิ์ศรีของประชาชนที่หน้ากองทัพบกด้วยกันว่า หมดเวลาสำหรับการถ่วงเลือกตั้งแล้ว ถึงเวลาของประชาชน ถ้ากองทัพไม่ทำตามข้อเรียกร้องก็ต้องขับไล่กองทัพด้วย ผบ.เหล่าทัพเพียงแค่ไปยื่นใบลาออกก็จบแล้ว หากไม่ตอบรับ เดือนพ.ค.จะยกระดับชุมนุมไล่ทุกองคาพยพของคสช. และสนช. เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

เดินไปทบ.หวิดวุ่น-บี้เลือกตั้งปีนี้

จากนั้นเวลา 17.30 น. นายรังสิมันต์และนายสิรวิชญ์ พร้อมด้วยมวลชนราว 200 คน เริ่มเดินเท้าจากสนามฟุตบอลม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไปยังกองทัพบก ถนนราชดำเนิน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมต่างตะโกนตลอดเส้นทางว่า เลือกตั้งปีนี้ และประชาชนออกไป

ขณะที่นายรังสิมันต์ ขึ้นรถติดเครื่องขยายเสียงคอยปราศรัย ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งเตือนว่า เป็นการทำผิดเงื่อนไขการชุมนุม เนื่องจากกีดขวางจราจร มีการนำรถมาขวาง ให้ผู้ร่วมชุมนุมขึ้นเดินบนฟุตปาธแทนถนน ก่อนที่จะตกลงกันได้ในที่สุด และเดินมาถึงแยกจปร. เวลา 18.45 น. ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ปิดกั้นถนนราชดำเนินด้านหน้ากองทัพบกอย่างหนาแน่น ทำให้ประชาชนต้องพยายามดันผ่านรั้วกั้นเข้าไป แต่ไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่กองทัพบกได้ กลุ่มผู้ชุมนุมจึงปักหลักปราศรัยโจมตีรัฐบาลคสช.

นอกจากนี้ นายเอกชัย หงษ์กังวาน นักกิจกรรมได้จุดธูป 36 ดอก มาปักโคนต้นไม้ด้านหน้ากองทัพบก โดยระบุว่า นี่คือสิ่งที่คสช.กลัว เหมือนที่เคยควานหาคนจุดธูปที่ทำเนียบรัฐบาล ด้านนายสิรวิชญ์ ยังแจก สิ่งพิมพ์ของกลุ่ม เรื่องหยุดวางไข่เผด็จการ มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเข้าสู่อำนาจของคสช.และการสืบทอดอำนาจหลังการเลือกตั้ง โดยให้ ผู้ร่วมชุมนุมพับเป็นจรวดหรือเรือดำน้ำโยนเข้าไปภายในกองทัพบก เพื่อส่งสารให้รับรู้ถึงข้อเรียกร้องของประชาชน

ทนายสิทธิฯรับรางวัลโลก

เมื่อวันที่ 23 มี.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา มีการจัดพิธีมอบรางวัล “สตรีผู้กล้าหาญ” ประจำปี 2018 เพื่อเชิดชูสตรีที่ได้รับคัดเลือกจากทั่วโลกจำนวน 10 ราย โดยมีนางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ เป็นผู้มอบรางวัลและขึ้นกล่าวปาฐกถาพิเศษ

ในจำนวนสตรี 10 คนที่ได้รับรางวัลมี น.ส.ศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความสิทธิ มนุษยชนจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ที่ตอนนี้เผชิญกับข้อหายุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 จากกรณีเป็นทนายความให้กับ 14 นักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ จากการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหาร คสช. และถูกตั้งข้อหาหลังไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าค้นรถยนต์ส่วนตัวเหตุไม่มีคำสั่งเข้าค้นจากศาล

นอกจากนี้ สตรีที่ได้รับรางวัลยังมี โรยา ซาดัด ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวอัฟกานิสถาน ที่ทำภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิสตรีในช่วงการปกครองของกลุ่มตอลิบัน, ดร.เฟริตช์ รูชิตี ผู้ก่อตั้งศูนย์ฟื้นฟูเหยื่อจากการทรมานในโคโซโว เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสงครามโคโซโว เป็นต้น

สำหรับรางวัลสตรีผู้กล้าหาญ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐจัดขึ้นเป็นปีที่ 12 แล้ว เพื่อยกย่องเชิดชูสตรีทั่วโลกที่แสดงความกล้าหาญและความเป็นผู้นำที่ผลักดันให้เกิดสันติภาพ ความยุติธรรม สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมทางเพศและส่งเสริมความเป็นสตรี ที่ต้องเผชิญความเสี่ยงต่อบุคคลและเสียสละอยู่หลายครั้ง

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0