ปฏิเสธไม่ได้ว่า อินเตอร์เน็ตเป็นเสมือนปัจจัยที่ 5 ของคนเรา ไม่ว่าจะ Facebook Instagram Twitter หรืออีกหลายๆแอปพลิเคชั่นที่เอาไว้ใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน แม้ว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นจะทำให้เราสะดวกสบาย แต่บางคนก็เล่นจนไม่เป็นอันทำงานทำการกันเลยทีเดียว เพราะเล่นกันเสียถึงขั้นต้องตกงาน แหม่ ถ้าจะเล่นกันขนาดนี้ จะบอกว่าสมควร!! ก็ไม่รู้ว่า จะดูใจร้ายไปไหม สำหรับข้อหา ถูกไล่ออกเพราะเล่นโซเชียล
ประมวลกฎหมายเกี่ยวกับนายจ้าง– ลูกจ้าง
หากคุณกำลังคิดว่าถ้านายจ้างคุณ จะไล่ออกก็ต้องบอกก่อนล่วงหน้า หรือมีเงินชดเชยให้ ต้องบอกว่าคุณคิดผิดแล้วค่ะ เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583 บัญญัติว่า
*ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรือละเลยต่อคำสั่งก็ดี ละทิ้งการงาน กระทำความผิดร้ายแรง หรือ มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมแก่การปฏิบัติหน้าที่ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้ *
ก็อย่างว่า ลูกจ้างไม่ดี ไม่มีประโยชน์ต่อบริษัท เตือนแล้วก็ไม่ปรับปรุง จะเก็บไว้ทำไม จริงไหมคะ?
6 พฤติกรรม นายจ้างไม่ต้องจ่ายเงินชดเชย
พิจารณาตามตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 119 บัญญัติพฤติกรรม 6 ข้อของลูกจ้าง ที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้ในกรณียกเลิกสัญญาจ้าง ดังนี้
- ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
- จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
- ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
- ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม และนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือนหนังสือเตือนให้มีผลบังคับได้ไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่ลูกจ้างได้กระทำผิด
- ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
- ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เพราะฉะนั้นเรื่องของการตกงานก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เพราะยิ่งถ้าพนักงานอู้งาน ไม่ขยันขันแข็ง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่นายจ้างจะต้องเก็บพนักงานแบบนั้นไว้ให้เปลืองเงินเดือน
4 วิธีลดการติดแชท ลดการตกงาน
สำรวจตัวเองดูว่าใช้มือถือมากแค่ไหนต่อวัน
เพราะการทำอะไรที่เป็นประจำซ้ำๆ จนเกิดความเคยชิน จึงไม่ได้สังเกตเลยว่าที่ตนเองทำอยู่เสียเวลาชีวิตไปเท่าไหร่กับการก้มมองจอ ฉะนั้น ลองหันกลับมาวิเคราะห์ตัวเองว่าในแต่ละวัน คุณใช้เวลาในการก้มมองมือถือเพื่อแชท หรือเลื่อนหน้าจอไปมานานเท่าไหร่แล้ว และนานเกินไปหรือเปล่า เพราะหากสังเกตแล้วรู้ว่าตัวเองใช้เวลากับมือถือมากเกินไป ควรถึงเวลาที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองได้แล้ว
**ปิดการแจ้งเตือนต่างๆบนมือถือ
วิธีการง่ายๆที่ได้ผลดีเลยทีเดียวเพราะหากเมื่อไหร่ที่คุณได้ยินเสียงแจ้งเตือนขึ้นมา เป็นอันต้องอดใจไม่ไหวที่จะหยิบมือถือขึ้นมาดู และอาจจะเพลิดเพลินไปกับการเล่นมือถือ หรือแชทต่อจนเลยเวลา แต่หากปิดเสีย แล้วค่อยมาเปิดยามว่างหรือพัก ก็จะทำให้คุณบริหารเวลาในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ตั้งเวลาออฟไลน์ตัวเอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลางาน คุณอาจเปิดไว้เพียงแค่การรับสาย เท่านั้นเผื่อธุรสำคัญและเร่งด่วนที่คุณต้องดำเนินการทันที วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ยังควบคุมตัวเองไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง
แชทแต่พอดี
ใครเป็นคนกำหนดคำว่าพอดี? ก็ตัวคุณนั่นแหละที่จะเป็นคนกำหนด เพราะแน่นอนถ้าคุณเข้าสู่วัยในการทำงานแล้ว สติปัญญาในการแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัวเป็นเรื่องที่คุณต้องรู้ได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องมีผู้อื่นบอก แต่หากคุณยังไม่รู้ ก็ถือเสียว่า เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว หากคุณจะถูกเจ้านายพิจารณาให้ออกจากงาน
การทำงานถือเป็นหน้าที่หลักที่คนเราทุกคนต้องปฏิบัติ และเมื่อคุณได้ตกลงว่าจะทำงาน ณ ที่ใดๆ ก็ตามแล้วควรที่จะตั้งใจ ทุ่มเทความสามารถที่มีเพื่อทำงาน พัฒนาตนเอง พัฒนางานที่ทำให้เกิดประโยชน์แก่องค์กร การเล่นแชท หรือการเล่นมือถือต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคน
แต่ก็ควรที่จะรู้ขีดจำกัด ในช่วงเวลาว่าช่วงไหนสมควร ช่วงไหนไม่สมควร เพราะจากวุฒิภาวะของวัยทำงานคือวัยที่มีความรับผิดชอบ อีกทั้งไม่ว่าการเล่นโซเชียลหรือการแชทก็ควรมีความระมัดระวัง และ คิดก่อนโพสต์ทุกครั้ง
แต่จะทำอย่างไรดีสำหรับคนที่กำลังจะตกงาน เพราะเข้ามาทำงานก็คงจะไม่ได้เตรียมตัวที่จะถูกไล่ออกมาจากบ้าน เราจึงอยากแนะนำการทำประกันชีวิตหรือประกันสุขภาพหลายคนคงยังไม่เข้าใจว่าการทำประกันมันเกี่ยวอะไร แต่เพราะการทำประกันถือว่าเป็นหลักการออมที่ดีอีกวิธีหนึ่งเพื่อเก็บเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน นั่นเองค่ะ