หากไม่นับความเค็มที่ทำยากจะกลืนแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไมของเหลว 3 ใน 4 ของโลกที่ส่วนใหญ่เป็นน้ำทะเลนั้น ทำไมเราจึงไม่สามารถดื่มเข้าไปได้ ทั้งที่มีสัตว์หลายชนิดที่อาศัยอยู่ใกล้กับทะเล และสามารถรับน้ำทะเลเข้าไปพร้อมอาหารได้อย่างไม่มีปัญหาแม้แต่น้อย
ก่อนจะไปตอบคำถามนั้น คงต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่า สัตว์และสิ่งมีชีวิตมากมายที่มีวีถีชีวิตวนเวียนอยู่กับทะเลนั้น มักจะมีอวัยวะหรือกลไกร่างกายที่สามารถขับเกลือส่วนเกินออกจากร่างกายได้ อย่างเช่นนกนางนวลที่สามารถกินอาหารเข้าไปพร้อมกับน้ำทะเล และตัวมันเองก็สามารถดื่มน้ำทะเลได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว และสามารถขับเกลือส่วนเกินออกมาพร้อมกับของเสียภายในเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเท่านั้น เช่นเดียวกับ อิกัวนาทะเลกาลาปาโกส (Marine iguana) ที่ดำน้ำลงไปกินสาหร่ายตามโขดใต้ทะเลซึ่งทำให้มันได้รับน้ำทะเลเข้าไปในปริมาณมาก และเมื่อขึ้นมาอาบแดด พวกมันก็จะพ่นเกลือส่วนเกินออกมาพร้อมกับน้ำมูก
ขณะเดียวกัน บรรดาปลาทะเลต่างก็ต้องดื่มน้ำทะเลเข้าสู่ร่างการเช่นกัน แต่พวกมันจะมีอวัยวะที่ถูกวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อกรองเอาเกลือในน้ำทะเลออกไป ทำให้ร่างกายได้รับน้ำที่ถูกลดเกลือไปบางส่วนแล้ว และเกลือส่วนเกินยังถูกขับไปพร้อมกับการขับถ่ายด้วย
ได้รู้ความสามารถของพวกสัตว์ไปแล้ว ทีนี้ลองย้อนกลับมาดูในมุมของมนุษย์กันบ้าง ในกรณีที่เราดื่มทะเลเข้าไปในอัตราส่วนเดียวกับนกนางนวล งานนี้นอกจากจะไม่ช่วยแก้กระหายแล้ว น้ำทะเลที่เข้าไปในร่างกายนั้นจะทำให้น้ำที่มีอยู่ในร่างกายเดิมถูกดูดออกจากร่างกาย เพื่อกำจัดเกลือซึ่งเป็นส่วนเกินที่ร่างกายรับเข้า แต่เนื่องจากไตของมนุษย์ไม่สามารถกำจัดเกลือที่มีอยู่ในปัสสาวะได้เกินกว่า 2.2 เปอร์เซ็นต์ได้ ในขณะที่น้ำทะเลนั้นจะมีเกลือผสมอยู่ร้อยละ 3.5
ฉะนั้นแล้ว หากเราฝืนที่จะดื่มน้ำทะเลเข้าไปล่ะก็ จะทำให้ไตทำงานหนัก และทำให้เราอยู่ในภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม เพราะความกังวลว่าวันนึงน้ำสะอาดอาจจะหมดไปจากโลก และทำให้เราต้องหันมาใช้น้ำทะเลในการบริโภคแทน นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ได้คิดค้นวัสดุกรองที่เรียกว่า Graphene (กราฟีน) ที่ใช้เพื่อกรองเกลือออกจากน้ำทะเลได้ ทั้งยังมีราคาถูกและผลิตได้ในปริมาณมากอีกด้วย