โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

เปิดตัว Crypto สายพันธุ์ไทย เล็งนำมาใช้เพื่อช้อปออนไลน์ผ่านระบบ “ไทยบาทดิจิทัล”

Marketing Oops

อัพเดต 22 มี.ค. 2561 เวลา 08.32 น. • เผยแพร่ 21 มี.ค. 2561 เวลา 04.46 น. • Watokung
เปิดตัว Crypto สายพันธุ์ไทย เล็งนำมาใช้เพื่อช้อปออนไลน์ผ่านระบบ “ไทยบาทดิจิทัล”

บาทฟินเทค
บาทฟินเทค

หลังจากที่เงินดิจิทัล (Cryptocurrency) เป็นที่รู้จักในฐานะสินทรัพย์บนระบบออนไลน์ หลายคนก็เริ่มสนใจการลงทุนในเงินดิจิทัล ทั้งที่แนวคิดดั้งเดิมของเงินดิจิทัลคือการนำมาใช้งานได้จริง สามารถใช้ซื้อขายสินค้าในระบบออนไลน์ได้ แต่แนวคิดดั้งเดิมดูเหมือนจะเป็นไม่ได้ เมื่อไม่มีสถาบันการเงินที่ใดในโลกยอมรับเงินดิจทัลเป็นสกุลเงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

แต่แนวความคิดดั้งเดิมนั้นกำลังจะกลับมา เมื่อ บริษัท บาทฟินเทค เตรียมแผนระดมทุน Initial Coin Offering (ICO) ด้วยการออกเหรียญ Token จำนวน 300 ล้านเหรียญในมูลค่าเริ่มต้นที่ 3 บาทต่อเหรียญโดยการระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำไปพัฒนาระบบ ไทยบาทดิจิทัล” ซึ่งเป็นระบบการชำระเงินดิจิทัลผ่านเทคโนโลยี Blockchain และระบบดังกล่าวจะอยู่ในแพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์ โดยจะเปิดซื้อขายในรอบ Pre-Sale ในวันที่30 มีนาคมนี้และจะเริ่มขายจริงตั้งแต่ 30 เมษายนเป็นต้นไป

1843A124B69ED19A0B7C963E02EA8A98
1843A124B69ED19A0B7C963E02EA8A98

นั่นหมายถึงหากระบบไทยบาทดิจิทัลทำได้สำเร็จ จะสามารถนำเงินดิจิทัลไปซื้อขายสินค้าออนไลน์ได้เช่นเดียวกับเงินในบัญชีธนาคารบัตรเครดิตหรือใน e-Wallet โดยผ่านเทคโนโลยี Blockchain ที่อธิบายคร่าวๆ ได้ว่า เมื่อผู้ซื้อโอนเงินไปที่ผู้ขายผ่าน e-Wallet ระบบเงินของผู้ซื้อจะถูกหักจากบัญชีและขึ้นสถานะรอการยืนยันที่บัญชีผู้ขาย ลักษณะคล้ายกับเช็คที่ต้องรอเคลียริ่ง เมื่อผู้ซื้อได้รับสินค้าตรงตามที่ตกลง ระบบไทยบาทดิจิทัลจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้ขายโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าเกิดข้อผิดพลาดในการทำการซื้อขาย ระบบก็ะทำการคืนเงินให้กับผู้ซื้อโดยอัตโนมัติ

เนื่องจากยอดการเติบโตของ e-Commerce ในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มิจฉาชีพสบช่องว่างก่อปัญหาหลอกลวงมากกว่า 30% ของยอดรายการซื้อขาย e-Commerce และเป็นปัญหาหลักที่ขัดขวางการเติบโตของ e-Commerce ขณะที่การซื้อขายส่วนใหญ่มีมูลค่าต่อบิลไม่สูงมากนัก จึงไม่คุ้มกับการฟ้องร้องทางกฎหมาย

การนำเทคโนโลยี Blockchain เข้ามาใช้ในระบบไทยบาทดิจิทัล ช่วยให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมจำนวนมาก จากเดิมที่การใช้บัตรเครดิตและ PayPal ผู้ขายจะถูกหักค่าธรรมเนียม 2%-6% ในทุกธุรกรรม โดยบริษัทที่ออกบัตรเครดิตได้ส่วนแบ่ง 4% และให้คืนผู้ใช้บัตร 1% โดยระบบไทยบาทดิจิทัลจะคิดค่าธรรมเนียมเพียง 0.1% และจะเข้ามาจัดการความปลอดภัยเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย

ICO-min
ICO-min

คาดการณ์ว่าในปี 2561 จะมีการใช้ระบบไทยบาทดิจิทัลประมาณ 5% ของมูลค่า e-Commerce ในประเทศไทยหรือประมาณ 70,000 ล้านบาท และระบบไทยบาทดิจิทัลจะช่วยลดปัญหาการหลอกลวงใน e-Commerce ลดลงถึง 100% นอกจากนี้ยังคาดว่าภายใน 5ปีจะมีการใช้ระบบไทยบาทดิจิทัลครอบคลุม 50% ของตลาดทั้งหมด

ไม่เพียงเท่านี้ บาทฟินเทคยังได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับAdvice ผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอที รวมถึงการขายสินค้าไอทีผ่าน e-Commerce ใน Advice Online ซึ่งจะนำระบบไทยบาทดิจิทัลเข้ามาช่วยในเรื่องระบบการชำระเงิน นอกจากนี้ยังเป้นครั้งแรกที่จะนำเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) มาซื้อขายสินค้าในระบบ

อ่านบทความทั้งหมด ที่ MarketingOops.com

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0