ได้เปิดราคาออกมาอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปที่ใครหลายคนก็จับตามองนั่นคือ Huawei Mate 10 Pro
โดยเคาะราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 27,900 บาท เท่ากับสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปอีกรุ่นหนึ่งคือ Samsung Galaxy S8
ดังนั้นในบทความนี้จึงนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกันไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นหรือสเปกต่างๆ ว่าแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน เพื่อเป็นข้อมูลตัดสินใจเผื่อว่าช่วงสิ้นปีแบบนี้อยากมอบสมาร์ทโฟนเป็นของขวัญให้ตนเองหรือคนรอบข้าง แต่ไม่รู้จะเลือกซื้อรุ่นอะไรดี มาเริ่มกันเลย!
ด้านจุดเด่น
เริ่มกันที่
Samsung Galaxy S8 ต้องบอกก่อนว่าเป็นรุ่นที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี ดังนั้นจุดเด่นอาจดูเก่ากว่าอีกหนึ่งรุ่น แต่รุ่นท็อปของซัมซุงนี้ก็รวบรวมทุกอย่างเอาไว้ให้ใช้งานอย่างครอบคลุมแล้ว ไมว่าจะเป็นดีไซน์ที่มีความสวยงามหน้าจอใหญ่ในขนาดที่กะทัดรัดมากขึ้นด้วยเทคนิคหน้าจออัตรส่วน 18.5:9 จึงทำให้มีหน้าจอขนาดใหญ่แต่ขนาดตัวเครื่องไม่เพิ่มตาม มาพร้อมโหมดถนอมสายตา โหมดชมภาพยนตร์ สามารถเลือกปรับเปลี่ยนความละเอียดหน้าจอได้เพื่อประหยัดแบตเตอรี่และเหมาะสมต่อการใช้งาน ทั้งยังมีคุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่นมาตรฐาน IP68 ด้านหน้าด้านหลังตัวเครื่องครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 5 ส่วนปุ่มควบคุมมีน้อยลงโดยก็เหลือเพียงด้านข้างเท่านั้นคือปุ่ม Power ปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง และปุ่ม Bixby สามารถกดใช้เพื่อเรียกใช้งานผู้ช่วยอัจฉริยะ แต่หากไม่ต้องการก็ตั้งค่าปิดถาวรได้
ส่วน Huawei Mate 10 Pro
ดีไซน์ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ซึ่งขอบบนกับด้านล่างหน้าจอจะเหลือพื้นที่นิดเดียวและไม่มีปุ่มโฮมเช่นกัน โดยปุ่มควบคุมจะอยู่ในหน้าจอเหมือนกับ Galaxy S8 ตัวเครื่องก็ใช้วัสดุโลหะครอบทับกระจก Gorilla Glass 5 ทั้งด้านหน้ากับด้านหลังมาพร้อมคุณสมับติกันนํ้ากันฝุ่นมาตรฐาน IP67 และพอร์ต IR Blaster ให้คุณสามารถเชื่อมต่อเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อใช้สมาร์ทโฟนเป็นรีโมทในการควบคุมได้ ส่วนหน่วยประมวลผลได้มีชิปเซ็ตแยกเฉพาะของ AI เฉพาะถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผู้ช่วยส่วนตัวเหมือน Samsung แต่ด้วยการออกแบบระบบปัญญาประดิษฐ์ของหัวเหว่ย ก็สามารถตอบโจทย์การใช้งานต่างๆ ได้ดี เช่นการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ การบริหารจัดการทรัพยากรเครื่อง การประมวลผลภาพถ่าย เป็นต้น
ด้านขนาดตัวเครื่องและระบบปฏิบัติการ
อย่างที่เกริ่นข้างต้นทั้งสองใช้วัสดุตัวเครื่องในการผลิตเหมือนกัน ซึ่งก็แตกต่างกันที่ดีไซน์ทั้งสองรุ่นต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ส่วนระบบปฏิบัติการเนื่องจาก Galaxy S8 เปิดตัวเมื่อต้นปีระบบปฏิบัติการจึงยังเป็นเวอร์ชั่น 7.0 (Nougat) อยู่ ซึ่งตามข่าวล่าสุดทางแบรนด์ก็กำลังพัฒนา Android Oreo อยู่ และเตรียมปล่อยให้อัปเดตเร็วๆ นี้ ขณะที่ Mate 10 Pro ก็ไม่ต้องลุ้นแล้ว เพราะมาพร้อมเวอร์ชั่นใหม่เลย แต่ที่พิเศษกว่านั้นด้วยส่วนติดต่อผู้ใช้งาน EMUI 8.0 ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นเพื่อใช้จอใหญ่ได้เลยแบบที่แค่เชื่อมต่อพอร์ตต่อพอร์ต ไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์เสริม
ขนาดตัวเครื่อง : 148.9 x 68.1 x 8 มิลลิเมตรนํ้าหนัก : 155 กรัม
ขนาดตัวเครื่อง :
154.2 x 74.5 x 7.9 มิลลิเมตรนํ้าหนัก : 178 กรัม
ด้านซิมการ์ด
นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญเพิ่มเติมคือ
จะรองรับการใช้งานสองซิมการ์ดแต่เป็นถาดซิมแบบ Hybrid โดยก็ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่างใส่สองซิมการ์ดหรือหนึ่งซิมการ์ดและ Micro SD Card ทว่า
ไม่สามารถใส่หน่วยความจำภายนอกเพิ่มได้ซึ่งใส่ได้เพียงสองซิมการ์ดเท่านั้น ขณะที่การเชื่อมต่อทั้งคู่ใช้งานซิมการ์ดที่หนึ่งได้ความเร็วสูงสุด 4G (ระดับความเร็วขึ้นอยู่กับพื้นที่การใช้งานซึ่งจะเร็วกว่าระดับ 4G)
ส่วนอีกหนึ่งซิมการ์ดด้าน
จะเชื่อมต่อได้ความเร็วสูงสุดเพียง 3G เท่านั้นแต่ว่า
ระบุว่ารองรับการเชื่อมต่อแบบ Dual 4G Dual VoLTE นั่นทำให้คุณสามารถโทรติดต่อสื่อสารได้ทั้งสองซิมการ์ดในระดับความเร็วสูงสุด
ด้านหน้าจอ
เป็นหน้าจออััตราส่วนใหม่คือ 18.5:9 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Infinity Display ให้ขนาดหน้าจอกว้างกว่าเดิม แต่ยังคงจับถือสะดวกไม่รู้สึกเทอะทะเนื่องจากขอบเครื่องมีความโค้งเล็กน้อยก็เพื่อให้สอดรับกับฝ่ามือ โดยมีขนาด 5.8 นิ้ว แบบ Super AMOLED ความละเอียด Quad HD+ สามารถปรับแต่งความละเอียดได้เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ ส่วนความหนาแน่นต่อพิกเซลมี 570ppi อีกทั้งหน้าจอจะรองรับแรงกดสำหรับใช้งานในรูปแบบต่างๆ มาพร้อมฟังก์ชั่น Always ON Display เช็คการแจ้งเตือนแบบไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอ
จะมีหน้าจอขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยโดยมาพร้อมขนาด 6 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 เรียกว่า FullView และเพิ่มความน่าสนใจด้วยหน้าจอประเภท OLED ถือเป็นรุ่นแรกของแบรนด์ที่หันมาใช้หน้าจอประเภทนี้ทำให้ภาพแสดงผลได้คมชัดสวยงามมากขึ้น ขณะที่ความละเอียดก็ถือเป็นข้อแตกต่างมีความละเอียดแค่ FullHD+ (2160 x 1080 พิกเซล) เท่านั้น มีความหนาแน่นต่อพิกเซล 402ppi
ด้านฮาร์ดแวร์ของทั้งสองรุ่นแตกต่างกันอย่างไร
Galaxy S8Mate 10 Proระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 7.0ครอบทับ
Samsung Experience 8.1แอนดรอยด์ 8.0 ครอบทับ EMUI 8.0หน่วยประมวลผลSnapdragon
835Kirin 970GPUAdreno 540Mali-G72 MP12RAM4GB
6GB
พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน64GB
128GBMicroSD Card
256GBไม่รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือรองรับ
รองรับแบตเตอรี่3,000mAhรองรับชาร์จเร็ว4,000mAhรองรับชาร์จเร็ว
ด้านระบบเชื่อมต่อ
ทั้งสองรุ่นจะมีเหมือนกัน คือรองรับการเชื่อมต่อ WiFi ทั้ง 2.4GHz และ 5GHz มีพอร์ต USB Type-C มาตรฐาน 3.1 Gen 1 และระบบอื่นๆ อาทิ GPS, Glonass, WiFi Direct และ NFC
ข้อแตกต่างสำคัญคือ
มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรพร้อม Bluetooth 5.0
ส่วน
นั้นไม่มีช่องเสียบหูฟังและ Bluetooth เวอร์ชั่น 4.2 เท่านั้น แต่มีฟังก์ชั่น IR Blaster จึงสามารถใช้งานเป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า
ด้านกล้องดิจิตอล
สำหรับ
อาจเป็นข้อผิดพลาดหลักช่วงต้นปีที่ไม่ยอมใช้กล้องคู่ แต่ทางแบรนด์ระบุว่าได้ปรับปรุงซอฟต์แวร์รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพฮาร์ดแวร์ดีกว่าเดิม ส่วนสเปกกล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซลแบบ
Dual Pixel และระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS มีรูรับแสง f/1.7 จุดพิกเซลขนาด 1.4µm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55 นิ้ว รองรับการบันทึกวิดีโอสูงสุด 4K (พร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหว VDIS) โดยความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส มีรูรับแสงกว้าง f/1.7 จุดพิกเซล ขนาด
1.22µm ขนาดเซ็นเซอร์ 1/3.6 นิ้ว มุมมองการถ่ายภาพกว้าง 80 องศา สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K มาพร้อมโหมดการถ่ายภาพที่หลากหลาย
ส่วน
ต้องบอกว่าอาจมีภาษีดีกว่าที่กล้องด้วย Dual Camera พร้อมมาตรฐาน Leica ทั้งด้านหน้าด้านหลัง สำหรับกล้องหลังมีเลนส์
SUMMILUX-H เลนส์ Mono ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล เลนส์สีมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลและรูรับแสง f/1.6 ระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS แบบคู่ใช้ระบบจับโฟกัส
PDAF + CAF + Laser + Depth Auto Focus รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ซึ่งกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0
ตัวอย่างภาพถ่ายของทั้งสองรุ่น
สรุปข้อแตกต่างสำคัญระหว่างสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่น
Samsung Galaxy S8Huawei Mate 10 Proคุณสมบัติกันนํ้ากันฝุ่นIP68IP67IR blasterไม่รองรับรองรับชาร์จไร้สายรองรับไม่รองรับสแกนม่านตารองรับไม่รองรับความละเอียดหน้าจอQuadHD+FullHD+Bluetoothเวอร์ชั่น 5.0เวอร์ชั่น
4.2ความจุแบตเตอรี่3000mAh
4000mAh
ใส่ Micro SD Cardรองรับไม่รองรับ
ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตรรองรับไม่รองรับ
รูรับแสงf/1.7f/1.6
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับการเทียบในครั้งนี้ ต้องบอกว่าจุดเด่นก็ใกล้เคียงกันเช่นเดียวกับการดีไซน์ แต่ว่ามีความเป็นเอกลักษณ์อย่างชัดเจน ส่วนสเปกการใช้งานไหลลื่นไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นเกมหรือการใช้งานในรูปแบบต่างๆ
ทั้งนี้
ได้วางจำหน่ายตามร้านค้าชั้นนำทั่วไปแล้วในราคา 27,900 บาท ส่วนรุ่นพี่ Galaxy S8+ จับจองได้ในราคา 30,900 บาท
เปิดจองแล้วตั้งแต่วันที่ 18 - 26 พฤศจิกายน 2560 จ่าย
2,000 บาท โดยลูกค้าที่จองในช่วงเวลาดังกล่าวจะได้รับของสมนาคุณพิเศษ คือ HUAWEI Brand 2 Pro สายรัดข้อมือเพื่อสุขภาพรุ่นใหม่ล่าสุด มูลค่า 3,990 บาท และก็ HUAWEI Mate Dock 2 อุปกรณ์เชื่อมต่อจออิเล็คทรอนิกส์ มูลค่า 2,490 บาท มี
2 สี Mocha Brown กับ Midnight Blue ในราคา 27,900 บาท