ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า วันที่ 31 มีนาคมนี้ จะครบกำหนดเวลาในการจัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาวและเมียนมา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มกิจการประมงแปรรูปสัตว์น้ำ กลุ่มจับคู่ความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง และกลุ่มบัตรสีชมพู ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ(OSS)
ขณะนี้ดำเนินการแล้ว 537,494 คน เหลือดำเนินการ 1,149,979 คน แต่เพื่อความรวดเร็วจึงปรับลดขั้นตอนการดำเนินการภายในศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว โดยกลุ่มที่พิสูจน์สัญชาติแล้ว เหลือแรงงานที่ยังไม่มาพิสูจน์สัญชาติประมาณ 6 แสนคน หากไม่มีโรงพยาบาลมาตรวจภายในศูนย์ฯ ให้นัดตรวจสุขภาพกับโรงพยาบาลที่กำหนด
หากยังไม่ได้ผลการตรวจให้นำใบนัดตรวจ ใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานยื่นภายในศูนย์ฯ แต่ถ้ามีโรงพยาบาลมาตรวจภายในศูนย์ฯ ให้ดำเนินการตรวจได้ และให้ยื่นแบบกรอกข้อมูลทะเบียนประวัติ(ท.บ.1) แบบคำขอจดทะเบียน(ท.ต.1) เพื่อตรวจลงตราวีซ่ากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) และขออนุญาตทำงานกับกรมการจัดหางานที่ศูนย์ OSS เพื่ออยู่และทำงานได้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 จากนั้นหลังวันที่ 31 มีนาคม 2561 ให้ดำเนินการจัดทำทะเบียนประวัติและตรวจสุขภาพให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2561
นายอนุรักษ์ ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้การสแกนม่านตาเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์แรงงานต่างด้าวในกิจการประมงดำเนินการไปได้กว่า 1 แสน จากทั้งหมด 2 แสนคน และทำการซ่อมแซมเครื่องสแกนม่านตาจนสามารถใช้งานได้ 30 เครื่อง ทั้งนี้พบแรงงานอยู่จังหวัดสมุทรสาครมากสุด 6-7 หมื่นคน มีเครื่องสแกนม่านตา12 เครื่อง
ทั้งนี้ หลังวันที่ 31 มีนาคม หากไม่มาดำเนินการ แรงงานต่างด้าวจะไม่สามารถอยู่และทำงานในประเทศไทยได้ และจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560