เช็คสักนิด! ที่ยังโสดเพราะคุณเป็น "โรคกลัวความรัก" อยู่หรือเปล่าน๊า?~

Philophobia หรือ โรคกลัวความรัก เป็นโรคพยายามหนีความรู้สึกรัก ไม่กล้าเปิดใจให้ใคร หรือหนีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้ง คบใครได้ไม่นานพอเริ่มมีความรู้สึกพิเศษขึ้นมาแล้วก็กลัวว่าจะลงเอยด้วยความเจ็บปวด กลัวความผิดหวัง ทำให้ไม่กล้ารักใครสักที เวลาเหตุการณ์ที่จะพาหัวใจไปเสี่ยงกับความรัก ก้จะตั้งกำแพงขึ้นมาปิดกั้น และหลีกหนีทุกครั้งตั้งแต่ยังไม่เริ่ม รายไหนที่รุกเข้าหาอย่างหนัก ก็ถึงกับเหงื่อซึม ใจสั่นรัว มือ เท้าชา อยากพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แบบนี้ไวๆ สุดท้ายก็มักจะลงเอยด้วยการอยู่คนเดียว มาเช็คกันดีกว่าค่ะว่าเธอเข้าข่ายเป็นโรคนี้กันอยู่หรือเปล่า?

#10 เติบโตมาในครอบครัวที่มีปัญหา

หากวัยเด็กต้องเจอปัญหาครอบครัว หรือพ่อแม่หย่าร้างกัน ย่อมเป็นบาดแผลทางใจที่ยากจะลบเลือน และมีทางลืมได้ตลอดชีวิต ยิ่งเจอมาเลวร้ายเท่าไหร่อาการก็ยิ่งแย่มากขึ้นเท่านั้น หรือเกิดในครอบครัวที่มีการปลูกฝังเรื่องความรัก ความเชื่อแบบผิดๆ ก็ส่งผลต่ออาการของโรคนี้ได้

#9 ฝังใจกับความรักที่ผิดหวังในอดีต

ใครที่เคยอกหักย่อมรู้ดีว่า ความที่ไม่สมหวังนั้นมันทำให้เจ็บปวดทรมาน แทบเป็นบ้าได้แค่ไหน ร้องไห้คร่ำครวญจะเป็นจะตายเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน และกว่าจะรักษาแผลใจให้หายดีได้อีกมันต้องทนทุกข์มากแค่ไหน ทำให้ไม่อยากพบกับเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำๆ อีก

#8 เสพติดการอยู่คนเดียว

ชอบใช้ชีวิตอย่างสันโดษ อึดอัด หงุดหงิดกับการทำกิจกรรมร่วมกับคนอื่น รักความสะดวกสบายในการทำอะไรหรือไปไหนมาไหนตามลำพัง ซึ่งคนเดี๋ยวนี้ก็เป็นกันเยอะมากเลย แต่คนที่เป็นโรคนี้จะไม่ยอมให้ใครเข้ามาอยู่ติดกับตัวเองมากไปเป็นอันขาด

#7 ปิดกั้นตัวเองจากเพศตรงข้าม

มีทัศนคติที่ไม่ดีกับเพศตรงข้าม หรือบางคนอาจจะกลัวการคบหากับเพศตรงข้าม ทำให้ไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใครมาสานสัมพันธ์ ยิ่งถูกอีกฝ่ายรุกเข้าหาก็ยิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว ไม่กล้าที่จะเริ่มความรักกับใคร แม้จะชอบสักแค่ไหนก็ตาม แต่ก็จะปฏิเสธฝ่ายตรงข้ามไว้ก่อนเสมอ

#6 ตั้งกำแพง หรือระยะห่างกับคนแปลกหน้ามาก

เป็นการยากที่คนอื่นจะเข้ามาทำความรู้จัก และคบหากับคุณ คุณจึงเลือกทำท่าทางเหมือนหยิ่ง หรือแสดงท่าทีใจร้ายๆ ใส่มากกว่าที่จะยอมผูกมิตรด้วย ยิ่งสนิทกับใครง่ายเท่าไหร่ก็รู้สึกเหมือนจะมีคนเข้ามาทำร้ายจิตใจได้ง่ายขึ้นเท่านั้น คุณต้องยอมเปิดใจเท่านั้นก่อนถึงจะยอมคบหาสมาคมด้วย

#5 ไม่เคยไว้ใจในตัวคนอื่น

แม้จะมีความสุข แต่ก็จะชอบคิดวนเวียนด้านลบอยู่เสมอ รู้สึกว่าเขาจะมาทำให้ต้องผิดหวัง เข้ามาทำให้เสียใจ หรือสุดท้ายใครๆ ก้ต้องทอดทิ้งคุณไปอยู่ดี ไม่มีใครในโลกที่ไว้วางใจได้เท่ากับตัวคุณเอง เลยชอบหนีไปอยู่คนเดียวเสมอ เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากคนอื่นเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

#4 ไม่กล้าให้ใจใครก่อนเพราะกลัวผิดหวัง

มักมีการวิตกจริตคนรอบข้างอยู่เสมอว่าจะไว้ใจไม่ได้ หรือทอดทิ้งตัวเองไป พลอยทำให้คนที่ต้องอยู่ด้วยเกิดความไม่สบายใจ และทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงทุกครั้งไปเพราะเกิดจากความหวาดระแวงของตัวเอง

#3 มักตัดความสัมพันธ์ทันทีและที่รู้สึกดีกับใคร

ในขณะที่กำลังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่รู้สึกพิเศษด้วย คุณก็จะปลีกตัวออกห่างและหนีหายไปจากเขาดื้อๆ เพราะคิดว่ามันเป็นวิธีตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ที่จะไม่ต้องพานพบกับความเจ็บปวด ประมาณ "เจ้าสาวที่กลัวฝนนั่นแหละ"

#2 ตั้งสเปคและความหวังเอาไว้สูงมาก

ที่คุณอาจจะพยายามคบหาด้วยจะต้องมีคุณสมบัติตรงกับที่คุณต้องการเท่านั้น ถ้าผิดแผกแตกต่างจากที่คุณตั้งไว้ คุณก็เลือกที่จะตัดใจจากเขาไปมากกว่าที่จะพยายามปรับตัวหรือผ่อนผัน ประมาณว่าถ้าไม่ได้ดั่งใจก็เลือกที่จะไม่ต้องมีเลยซะดีกว่า

#1 เกิดอาการทางกายเวลาโดนจีบ หรือมีคนมาชอบ

เวลามีคนมาจีบหรือสารภาพความในใจ ซึ่งคุณจะไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้อยู่แล้ว เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้คุณจะมีความเครียดมากจนส่งผลต่อระบบประสาท มีเหงื่อออก หัวใจเต้นแรง มือไม้สั่น หรือถึงขั้นเป็นลมเลยทีเดียว

หากคุณมีอาการเข้าข่ายในลักษณะดังกล่าวแล้วล่ะก็ แนะนำว่าควรไปปรึกษาจิตแพทย์ เพื่อหาทางออกร่วมกัน และเปลี่ยนทัศนคติความรักไปในแง่บวก เปิดใจยอมรับในความผิดหวังบ้าง รวมถึงความเข้าใจและกำลังใจจากคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม เป็นพลังใจที่หล่อเลี้ยงชีวิตได้ ชีวิตคนเราสั้นนัก อย่ามัวแต่กลัวกังวลกับอนาคตมากเกินไปเลยค่ะ ใช้ช่วงเวลาในปัจจุบันให้มีความสุขก่อนดีกว่า หากเรามีความสุขกับทุกวันแล้วก็จะทำให้รู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า มีความหมายได้เองค่ะ