นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 28 มี.ค.นี้ คาดว่าจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% เนื่องจากเงินเฟ้อยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่ค่าเงินบาทแข็งค่า และอุปสงค์ในประเทศยังอ่อนแอ แม้ว่าที่ผ่านมาสหรัฐจะปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรีบขึ้นดอกเบี้ยตาม เพราะเศรษฐกิจในแต่ละประเทศแตกต่างกัน ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์ก่อน แต่ประเด็นที่ต้องจับตาคือการส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยของธปท.ว่าจะปรับขึ้นเมื่อใด โดยประเมินว่ากนง.น่าจะขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาส 1 ปีหน้า และไม่กังวลเรื่องเงินทุนไหลออก เพราะหากค่าเงินบาทอ่อนค่าก็เป็นผลดีต่อการส่งออกไทย
สำหรับกรณีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีน เนื่องจากที่ผ่านมาสหรัฐฯขาดดุลทางการค้า ซึ่งต้องติดตามใกล้ชิดเพราะหากลุกลามอาจไม่ใช่เกิดสงครามการค้าอย่างเดียวอาจทำให้เกิดสงครามค่าเงินด้วย เพื่อต้องการลดการขาดดุลทางการค้า ถือว่าอันตรายทำให้ตลาดเกิดความผันผวนมากขึ้นและตลาดหุ้นจะลงแรง
" การเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังกระจุกตัว โดยเฉพาะการส่งออกและท่องเที่ยวอยู่ในกลุ่มระดับบนมากกว่ากลุ่มรากหญ้า และธุรกิจที่เติบโตยังเป็นขนาดใหญ่ไม่ใช่เอสเอ็มอีภาคเกษตรจึงทำให้เกิดความเสี่ยงวหากเศรษบกิจโลกชะลอ เนื่องจากไม่ได้ขับเคลื่อนไปด้วยกัน ส่วนค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้ามาองว่าน่าจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.10 -31.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ"
รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยแจ้งว่า ผลประชุมกนง. คาดว่า“คง” อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.5% เพื่อสนับสนุนความต่อเนื่องของการขยายตัวเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความเสี่ยงจากนอกประเทศโดยเฉพาะความเสี่ยงในการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอันอาจกลายเป็นปัจจัยกดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังคงทรงตัวอยู่ในช่วงกรอบล่างของเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อยังคงสนับสนุนนโยบายการเงินผ่อนคลายอยู่