หลังจาก รองศาสตราจารย์ เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาคาดการณ์ว่าประเทศอาจจะได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนถึง 3 ลูกภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยพายุสองลูกแรกคาดว่าน่าจะเข้าประมาณวันที่ 15-16 ตุลาคมนี้ ส่วนลูกที่สาม ยังคงต้องรอการประเมินอย่างใกล้ชิด หากเกิดขึ้นจริงพายุดังกล่าวจะส่งผลกระทบทั่วประเทศ อย่างไรก็ตามคาดว่าภายในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะมีรายงานที่ชัดเจนมากขึ้น ว่าประเทศไทยจะได้รับผลกระทบจากส่วนใดบ้าง
ล่าสุด สำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ออกเอกสารชี้แจงเช้าวันนี้ โดยระบุว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ได้นำข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่เชื่อถือได้ มาสังเคราะห์และเปรียบเทียบเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุด
โดยจากการวิเคราะห์สภาพอากาศระหว่างวันที่ 12-14 ตุลาคม บริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวเบงกอล ไม่มีพายุก่อตัวขึ้นแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมด้านประเทศเมียนมาร์ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะอากาศภาคใต้ของไทย แต่ภาคใต้จะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ประจำฤดูเท่านั้น ซึ่งสำหรับภาคกลาง ภาคตะวันออก และกรุงเทพมหานคร จะมีร่องมรสุมพัดผ่าน ทำให้มีฝนตกต่อเนื่องในระยะนี้ และจะเกิดน้ำท่วมในที่ลุ่มที่มีน้ำท่วมขังอยู่แล้วได้
ส่วนช่วงวันที่ 15-17 ตุลาคม คาดว่าจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนผ่านทะเลจีนใต้เข้ามาที่ประเทศเวียดนามตอนบน แต่เนื่องจากความกดอากาศสูงจากประเทศจีนจะแผ่ลงในเวลาดังกล่าว จะทำให้พายุนี้อ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว และไม่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง
ส่วนหลังจากวันที่ 17 ตุลาคม พบว่ามีโอกาสที่จะมีพายุก่อตัวขึ้นบริเวณทะเลจีนใต้ แต่ข้อมูลจากแบบจำลองจะมีความถูกต้องน้อยลงมาก เมื่อระยะเวลาพยากรณ์นานขึ้นเรื่อยๆ แต่นักอุตุนิยมวิทยาจะติดตามอย่างใกล้ชิด ขอประชาชนติดตามข้อมูลพยากรณ์อากาศของหน่วยราชการเท่านั้น และขออย่าให้ตื่นตระหนกจากข้อมูลตามสื่อออนไลน์ต่างๆ