โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

บันเทิง

'อาร์ต' แจ้งความเพจดังมั่วข่าวฉกเงินลูกสาวผู้จัดฯ-ปัดตอบพระเอก พ. มีเอี่ยว

Khaosod

อัพเดต 16 ม.ค. 2561 เวลา 14.09 น. • เผยแพร่ 16 ม.ค. 2561 เวลา 14.09 น.
12326

จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊กข่าวรายหนึ่งนำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ โดยใช้อักษรย่อพระเอก อ. ขโมยเงินลูกผู้จัดที่ตนเคารพรักเป็นอย่างยิ่ง งานนี้เจ้าตัวทนไม่ไหว ขอออกมาปกป้องศักดิ์ศรี โดยชี้แจงผ่านรายการ “เรื่องใหญ่ ไฟกระพริบ” ที่เจ้าตัวเป็นพิธีกร พร้อมเชิญสื่อมวลชนมาร่วมสอบถามด้วย

โดยพระเอกหนุ่ม “อาร์ต-พศุตม์ บานแย้ม” เล่าว่า ตอนแรกที่เห็นข่าวนี้ ผมเห็นรูปก่อน รู้ทันทีว่าเป็นรูปของผม แล้วข่าวก็เขียนว่าแจ้งจับ 2 พระเอกหนุ่ม ผมคิดว่าแจ้งจับผมเรื่องอะไร เข้าไปอ่านเนื้อข่าวก็เห็นเขียนถึงอักษรย่อ อ. และ พ. ซึ่งในข่าวระบุว่าเป็นพระเอกที่ไม่เซ็นสัญญาต่อ เป็นหนุ่มหุ่นล่ำ คือทุกอย่างที่เขียนมันชัดเจนและมีการใช้รูปผมด้วย

“ถ้าใครจะเล่นข่าวอะไรผมโอเคหมด แต่เรื่องนี้ผมเสียหาย ทำให้หลายคนมองว่าผมเป็นคนขี้ขโมย แถมยังขโมยของในบ้านของลูกคนที่มีพระคุณ คือพี่กอบสุข จารุจินดา ที่เป็นเหมือนแม่คนที่ 2 ของผม ถ้าคนเห็นข่าวจะคิดกับผมยังไง เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงและถือเป็นศักดิ์ศรีของผม ผมจึงต้องแจ้งความ”

อาร์ต กล่าวอีกว่า อย่างเพจ “ที่นี่ดอทคอม” ตอนแรกเขาโทรหาแม่ผมและบอกว่าไม่แจ้งความได้ไหม ผมและแม่ก็บอกว่าไม่ได้ ซึ่งผมไม่คิดว่าเขาจะตามมาที่สถานีตำรวจ พอไปถึงเขาก็พาน้องคนที่เขียนข่าวมาขอโทษทั้งน้ำตา และอ้างว่าที่ลงข่าวนั้นเพราะไปก็อปปี้มาจากอีกเพจหนึ่ง เขาเลยไม่รู้ว่ารูปนี้คือรูปผม เลยเอาข่าวทั้งหมดมาแชร์ต่อ ผมจึงสอนเขาไปว่า ต่อไปถ้าจะเขียนข่าวอะไรที่เราไม่รู้ก็อย่าไปพาดพิงคนอื่น ซึ่งมีการให้ดอกไม้ขอโทษกัน

พระเอกหนุ่มกล่าวต่อว่า ล่าสุดเพจที่นี่ดอทคอมลงข่าวขอโทษผมในเว็บไซต์ แต่ไม่ลงหน้าเฟซบุ๊ก ผมเลยให้แม่โทรไปถามเขาว่า ทำไมตอนลงข่าวผมลงในเฟซบุ๊กได้ แต่ตอนขอโทษไปลงข่าวแค่ในเว็บไซต์ ต่อมาเขาเลยลงขอโทษผม โดยปักหมุดไว้ 3 วันที่ทำให้ผมเสียหายก็โอเค ส่วนอีกเพจหนึ่งที่เป็นเว็บต้นเรื่องยังไม่ได้มีการติดต่อมา คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ส่วนผมไม่ต้องทำอะไรแล้ว เพราะแจ้งความลงบันทึกประจำวันเสร็จ ทางสถานีตำรวจจะส่งเรื่องไปในส่วนที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แล้วหาที่มาของเพจและเรียกมาสอบปากคำ คิดว่าเรื่องน่าจะส่งกลับมาภายใน 1 เดือน

“สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในข่าว จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงผมขอไม่พูดถึง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับผม แต่ผมยอมรับว่ารู้เรื่องและเรื่องนี้ไม่ได้เกิดที่บ้าน แต่เป็นที่โรงแรมในงานแต่งพี่อุ๊ลูกสาวพี่กอบสุข ผมพูดได้แค่นี้ เพราะถ้าพูดเดี๋ยวจะไปพาดพิงกับน้องๆ และบุคคลอื่น ผมขอพูดแค่ในส่วนของผมดีกว่า ล่าสุดเมื่อเช้า ผมเข้าไปหาพี่กอบสุข เขาให้คำแนะนำว่า ถ้าจะให้ข่าวก็ให้อีกครั้งเดียว คือครั้งนี้ จากนั้นให้เป็นไปตามกฎหมาย แล้วเลิกพูดและทำงานของเราไป ซึ่งความสัมพันธ์ของเรายังดี ไม่ได้โกรธกันเหมือนที่ข่าวเขียน เรายังคุยปกติและเป็นห่วงเป็นใยกัน”

ส่วนเรื่องที่พี่อุ๊บ-วิริยะ นักปั้นชื่อดังออกมาให้สัมภาษณ์ว่าอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยและเป็นคนพาเพ็ชร-ฐกฤต ตวันพงค์ ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจแถวสาทร ผมไม่รู้ครับ สุดท้ายผมอยากขอร้องสื่อมวลชนให้น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า มาถามเรื่องอะไรเขาก็ควรจะเขียนแบบนั้น ถ้าข่าวรุนแรงก็เขียนรุนแรง ดีก็ให้เป็นเรื่องดี อย่าให้มันเป็นเรื่องรุนแรงไปหมดเลย และคนอ่านต้องพิจารณาข่าวก่อนเชื่อด้วยครับ”

ต่อมาอาร์ตได้ให้สื่อมวลชนที่มาร่วมฟังสอบถามได้ โดยสื่อมวลชนถามว่า หลังจากแจ้งความแล้ว คดีความของเราเป็นคดีอะไร

อาร์ตตอบว่า เบื้องต้นผมไม่แน่ใจว่าเป็นคดีอาญาหรือเปล่าครับ แต่ พ.ร.บ. คอมฯ แน่นอนอยู่แล้ว คือทำลายชื่อเสียงให้เสียหาย และโดนแคนเซิลงาน แต่เมื่อวานผมไม่ได้ถ่ายใบแจ้งความครับ ถามว่าแจ้งความไปกี่ข้อหา คือข้อหาหมิ่นประมาท ทำให้เสียชื่อเสียงครับ แล้วก็ พ.ร.บ.คอม คือรูปมันเป็นรูปผม ตำรวจก็ถามพยานว่ามีกี่คนที่ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นอาร์ต ผมก็ตอบว่าเยอะครับ ถามว่าเกิน 3 คนไหม เกินแน่นอนครับ ก็เลยเอาผิดได้ครับ

เรียกว่าเราเสียหายจากการถูกยกเลิกงานด้วย
“ใช่ครับ มันเป็นมูลค่าทางสังคมด้วยอะ มูลค่าภาษีที่เป็นดารา เสียชื่อเสียงด้วยครับ”

การโพสต์ขอโทษเพียงพอไหม หรือต้องเสียค่าปรับ
“อันนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่คุณตำรวจกับกระทรวงที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมฯ เพราะตอนนี้ผมโยนเรื่องให้ตำรวจแล้ว ถ้าเป็นคดีอาญายอมความไม่ได้อยู่แล้ว”

ทางตำรวจบอกรายละเอียดไหมว่าจะมีการไกล่เกลี่ยอะไร
“มันอยู่ในเรื่องส่งสำนวนก่อนครับว่ามีที่มาจริงไหมจากเว็บนี้ ไอพีจริงไหม อาร์ตแต่งขึ้นมาเองไหม ซึ่งจริงๆ มันเป็นไอพีของทางเว็บอยู่แล้วครับ บังเอิญว่าแคปไว้ทันไง ก็เลยมีหลักฐานครับ”

แต่อีกเพจหนึ่งยังไม่มีการขอโทษ เราจะจัดการยังไง
“จริงๆ เป็นตัวต้นเรื่องนะ แต่ยังไม่เห็นว่ามีดำเนินการอะไรมาหาผมเลยสักอย่าง ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าคดีรูปความมันจะไปยังไง เพราะอยู่ในช่วงส่งสำนวนให้กระทรวงเช็กก่อน”

ส่วนตัวเราต้องการเรียกร้องอะไรจากเขา
“อยากจะบอกคนเขียนน่ะครับว่าลองคิดดู ถ้าเป็นญาติพี่น้องตัวเอง หรือเป็นลูกตัวเอง แล้วมีคนเขียนข่าวแบบนี้จะโกรธไหม คิดถึงตัวเองแล้วลองมองย้อนกลับไปว่าสิ่งที่โดนน่ะมันคือญาติตัวเอง เขียนข่าวอะไรก็แล้วแต่ สนุกแหละ คนอ่านข่าวไลค์แหละ แล้วคนที่โดนเขียนข่าวเขาจะเป็นยังไง ถามว่าโกรธไหม ผมรู้สึกว่าอยากให้เป็นคดีตัวอย่างดีกว่าครับ เวลาเขียนอะไรก็แล้วแต่ เดี๋ยวนี้เอะอะพูดถึงดาราก็ไม่ค่อยจะแฮปปี้เท่าไหร่ ดาราเขาก็เป็นคนนะ เขียนอะไรก็เบาๆ นิดหนึ่ง ให้เขามีที่ยืนในสังคมบ้าง”

วินาทีแรกที่เราเห็นข่าว ความรู้สึกเป็นยังไง
“แว้บแรกก็เฮ้อ!! (ถอนหายใจ) เหนื่อยหน่าย ทำไมต้องเล่นแรงขนาดนี้ ถามว่ารู้ข้อมูลจริงๆ รู้ แต่ผมไม่รู้จะดึงคนอื่นมาเดือดร้อนทำไม ไม่รู้จะดึงน้องที่อยู่ในสถานการณ์จริงออกมาทำไม อันนี้ไปถามเขาเองครับ แว้บแรกที่เห็นก็คือทำไมต้องเขียนถึงเราขนาดนี้ มันเป็นศักดิ์ศรีคนนะ ถ้าวันหนึ่งผมไปตบหัวเขาแล้วเขาเขียน ผมไม่ว่าเลยนะ ผมเจอหน้าทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นพี่ๆ เขียนข่าวอะไรก็แล้วแต่ ผมจะสวัสดีก่อนแล้วค่อยสัมภาษณ์ทุกครั้ง ก็ไม่รู้ว่าโกรธอะไร ทำไมต้องเล่นถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังคมที่แบบ เป็นเด็กขี้ขโมยอะ ไม่โอเค”

ได้คุยกับพี่กอบสุขเรื่องข่าวตั้งแต่วันนั้นเลยไหม
“คุยกับพี่อุ๊ครับ คุยตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องตอนกลางคืนแล้วครับ ผมโทรหาพี่เขา คือผมอยากรู้ว่าเรื่องที่มันเกิดจริงๆ มันเกิดมากี่ปีแล้ว ผมถามว่าพี่เขาแต่งงานมากี่ปีแล้ว พี่เขาก็บอก 3 ปีแล้ว ผมก็เออ พี่เห็นข่าวแล้วใช่ปะ พี่เขาก็บอกว่าเห็นแล้ว บ้าบอเนอะ เขายังบอกอย่างนี้เลยครับ”

เราทราบไหมว่าข่าวออกมาได้ยังไง
“อันนี้ไม่ขอพูดถึงดีกว่า ไปไล่เรียงกันเอง อาจจะต้องถามคนที่เขาเขียนจริงๆ ว่าเขาฟังมาจากใคร มีจุดประสงค์อะไร ทำลายชื่อเสียงใครหรือเปล่า อันนี้ต้องไล่กันเอาเองครับ”

เราได้ปรึกษากับพี่อุ๊ไหมว่าจะดำเนินการแบบนี้
“ไม่ได้คุยกับใครเลยครับ นอกจากคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เท่านั้น จริงๆ ผมเพิ่งรู้ข่าวพี่อุ๊บวันนี้ เพิ่งรู้เมื่อกี้นี้เองว่ามีการให้ข่าวกันแล้ว ผมยังบอกว่าหืม ให้ข่าวได้ไง ผมยังไม่ให้ข่าวอะไรเลย”

ด้านเพชร-ฐกฤต ได้มาพูดคุยปรึกษาเราไหม
“คุยครับ แต่ไม่ขอพูดถึงนะ”

ตัวเขาเองจะฟ้องเหมือนเราไหม
“ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวรอให้น้องออกงานอีเวนต์แล้วกัน”

อุ๊บบอกว่าเป็นคนพาน้องไป สน. เอง ตอนนั้นเราเองได้ไป สน. ด้วยไหม
“ไม่รู้เรื่องเลยครับ รู้แต่ว่าเป็นคนกลางระหว่างทั้งสองฝ่าย ทั้งสองฝ่ายมาปรึกษาผมว่ามันเกิดเรื่องแบบนี้ แต่เรื่องจริงหรือเปล่าไม่รู้ครับ”

แล้วเหตุการณ์วันนั้นเราทำอะไรอยู่
“วันนั้นที่โรงแรมผมหลับครับ แล้วมันเกิดเรื่องอะไรไม่รู้อะ วันนี้มาเขียนถึงผม ผมไม่เข้าใจเหมือนกัน”

แต่ในข่าวเขียนว่าเราอยู่ในเหตุการณ์
“อยู่ในหลังคาเดียวกันแหละ แต่บังเอิญว่าผมนอนหลับอยู่บนเตียง แล้วเกิดอะไรขึ้นไม่รู้ แต่เรื่องเกิดขึ้นอีกสถานที่หนึ่งที่อยู่ในหลังคาเดียวกันแค่นั้นเอง คืออยู่ในโรงแรมนั้น แต่อยู่คนเดียวและนอนหลับครับ ผมรู้เรื่องเหตุการณ์นั้นหลังจากนั้นอีก 2-3 วันครับ”

สรุปเราไม่ได้เกี่ยวข้องในคดีนั้นเลย
“ไม่เกี่ยวเลย ไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่กองละคร ไม่รู้ว่าดึงผมออกไปทำลายใครหรือเปล่า ผมไม่รู้อะ (หัวเราะ) เพราะเขารู้ว่าผมเอาแน่ ส่วนเรื่องเพชรให้ไปถามน้องเองดีกว่าครับ”

รู้สึกยังไงที่อยู่ดีๆ ก็โดนโยงถึงเรื่องนี้
“รู้สึกว่าเขาโกรธอะไรผมนักหนา ทำไมต้องทำลายชื่อเสียงขนาดนี้ อย่างที่บอกครับว่าเขียนอะไรก็คิดว่าเขาเป็นญาติพี่น้องหน่อย และคิดว่าถ้าตัวเองโดนเหตุการณ์แบบนี้จะโอเคไหม คิดเยอะๆ หน่อยแล้วกันครับ ผมไม่อยากให้ใครมาว่านักข่าวไม่มีจรรยาบรรณ แต่พี่ๆ ต้องแอนตี้กันเองว่าใครเป็นยังไง ผมไม่สามารถให้คนทั้งโลกเชื่อได้ว่าพวกพี่มีจรรยาบรรณ ผมไม่สามารถพูดได้ อยู่ที่พี่ๆ หลายคน ผมเป็นดาราโดนสัมภาษณ์ ข่าวออกไปยังไง เขาว่าพวกพี่ก่อน เขาไม่ได้ว่าผมครับ”

คนรอบข้างรวมถึงแฟนเราว่าไงบ้าง
“ขำครับ แฟนคลับเขารู้ว่าเป็นผมในรูป ส่วนแฟนตัวจริงอยู่ที่ไหนอะ ไม่มีครับ ทำงานก่อนครับ อีกปี 2 ปีจะบวช ขอทำงานให้เต็มที่ก่อน ผมทำการกุศลขนาดนี้ เขารู้อยู่แล้วว่าผมไม่ทำอยู่แล้วและไม่ถามด้วย แต่ถ้าวันนี้ผมไม่ออกมาพูด ไม่แจ้งความ คนก็จะเข้าใจผมผิด ผมเลยต้องออกมาพูดครั้งสุดท้าย และปล่อยให้เป็นเรื่องคดีความ เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจครับ”

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0